งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 101
บทที่101 บททดสอบของคุณท่าน
“เฟยเอ๋อ”เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อลุกขึ้น เห้อจิ้นเหยาก็รีบลุกตามไป
โล่ชิงไป๋ไม่ได้เอ่ยพูดใดๆทั้งนั้น แต่กลับแสดงสีหน้าราวกับได้ปกปิดความลับบางอย่างไว้
โล่หยิวชิวหัวเราะเยาะในใจ โล่เฟยเอ๋อ ทีแรกคิดจะให้เธอช่วยฉันกับคุณหนูบ้านเหซิงได้ทำความรู้จักกัน แต่เธอกลับปฏิเสธต่อหน้าพ่อตัวเองไปซะงั้น เป็นการรนหาที่ตายเลยจริงๆ
เมื่อเก็บซ่อนความพอใจภายในจิตใจไว้แล้ว โล่หยิวชิวก็เงยหน้ามองไปยังโล่ชิงโป๋แล้วเอ่ย ” ขอโทษด้วยนะคะคุณพ่อ หนูไม่คิดว่าเฟยเอ๋อ จะไม่ช่วยแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้…..”
โล่หยิวชิวที่กำลังพูดอยู่นั้นดวงตาของเธอก็ค่อยๆแดงขึ้นมาอย่างช้าๆ ราวกับจะร้องไห้ออกมา พร้อมกับท่าทีที่ดูเสียใจมาก ดูแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้
โล่ชิงโป๋ได้หันสายตาไปมองร่างโล่หยิวชิว แล้วใบหน้าที่เคยเย็นชาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรักใคร่เอ็นดูแทน “หยิวชิวลูกรัก เรื่องนี้ไม่โทษลูกเลยนะ”
โล่หยิวชิวขอบตาแดงก่ำ และพูดด้วยแสดงสีหน้ารู้สึกผิด ” คุณพ่อคะ เรื่องนี้ผิดที่หนูเอง ถ้าเมื่อกี้หนูพูดกับเฟยเอ๋อดีๆ ไม่แน่เธออาจช่วย……”
โล่ชิงโป๋พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์”ลูกวางใจได้ ถึงแม้เธอจะไม่ช่วย แต่พ่อจะเอาการร่วมงานกับบ้านเหซิงมาให้ได้”
คำพูดของโล่ชิงโป๋นั้น แสดงให้เห็นว่าไม่พอใจโล่เฟยเอ๋อเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกที่คุณพ่อมีให้กับโล่หยิวชิวนั้นมันไม่ค่อยดีมาตั้งแต่แรก แล้วมาตอนนี้อีกสงสัยคงหมดสิ้นเยื่อใยสุดท้ายแล้วมั้ง โล่หยิวชิวยกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เข้ามาอยู่ในอ้อมโล่ชิงไป๋ด้วยรอยยิ้ม “หนูเชื่อว่าคุณพ่อทำได้ค่ะ”
เห้อจิ้นเหยาตามโล่เฟยเอ๋อจนถึงหน้าประตูพักบ้าน ถึงจะตามโล่หยิวชิวทัน”เฟยเอ๋อ จะไปแล้วเหรอจ๊ะ”
“ถึงตอนนี้หนูจะอยากอยู่ต่อ ก็คงไม่มีใครยินดีในอยู่ด้วยหรอกค่ะ “โล่เฟยเอ๋อยิ้มด้วยความขมขื่น
เห้อจิ้นเหยาจ้องมองโล่เฟยเอ๋อ แล้วเอ่ยอย่างความไม่พอใจ “พูดบ้าอะไร คุณคือคุณหนูไฮโซแห่งบ้านโล่ ใครจะยินดีให้อยู่ล่ะ”
“คุณพ่อต้องไม่พอใจแน่ค่ะ”โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าแล้วพูด
เห้อจิ้นเหยาเอ่ยด้วยความโมโห” ต้องโทษหยิวชิว ยัยคนนี้นั้นก่อเรื่องแท้ๆ”
“ไม่โทษพี่สาวหรอกค่ะ เธอแค่เข้าใจว่าฉันกับเหซิงถิงสนิทกัน ถึงได้พูดแบบนั้น “โล่เฟยเอ๋อปัดผมที่บนหน้าออก จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า” คุณป้าเหยา หนูไปก่อนนะคะ”
“งั้นก็เดินทางด้วยระมัดระวังล่ะ และดูแลตัวเองดีๆ” เห้อจิ้นเหยาพูดด้วยความอ่อนโยน
“หนูทำอยู่แล้วค่ะ” โล่เฟยเอ๋อโบกมือลาให้เห้อจิ้นเหยา แล้วหันหลังจากไป
หลังจากออกจากบ้านซู โล่เฟยเอ๋อได้นั่งรถโดยสารประจำทางก่อน แล้วจากที่เตรียมตัวจะขึ้นรถไฟใต้ดินกลับที่พักนั้น หซิวหชูเฉียวก็ได้โทรหาเธอในระหว่างทาง ได้ขอให้เธอช่วยไปของที่ตึกอวิ๋นเหซียงให้หน่อย
โล่เหยเอ๋อจึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปตึกอวิ๋นเหซียงแทน
โล่เฟยเอ๋อได้ไปเอาของที่ตึกอวิ๋นเหซียงให้หซิวหชูเฉียวเสร็จ จากที่กำลังจะเตรียมตัวต่อรถประจำทางกลับที่พักนั้น บนถนนได้มีรถคันหนึ่งขับด้วยความเร็วสูง มาชนกับเธอเข้า
คนขับรถเสี่ยวหวังเมื่อเห็นว่าได้ชนคนเข้าแล้ว ก็รีบเบรกรถทันที
“เป็นไรหรือเปล่า” ผู้ที่นั่งอยู่บนเบาะหลังได้เอ่ยถามขึ้นมา
คนขับรถเสี่ยวหวังตอบด้วยเหงื่อซึมเต็มหน้า”พี่ผิน ผมไม่ระวังจนชนคนเข้าแล้วครับ ”
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังบอก “รีบลงไปดูเร็ว”
“ครับ”คนขับรถเสี่ยวหวังเปิดประตูลงจากรถทันที
ด้านเบาะหลังในรถนั้น คุณท่านซูที่ตอนแรกได้แอบงีบอยู่ เพราะรถจอดลง จึงได้ลืมตาขึ้นมา
“อาผิน จอดรถทำไมกัน”
อาผินตอบ”คุณท่านครับ เสี่ยวหวังไม่ทันระวัง จนชนคนเข้าแล้วครับ”
สีหน้าคุณท่านซูไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแค่พูด” เสี่ยวหวังขับรถมาตั้งหลายปี ทำไมยังใจร้อนแบบนี้อีก”
“อาจเพราะทางถนนเมื่อกี้ ไม่ทันได้ระวังครับ เดี๋ยวผมจะเตือนเขาอีกทีครับ” อาผินตอบ
“อืม แกลงตามไปดูสิ “เมื่อคุณท่านพูดเสร็จ ก็หลับตาลงอีกครั้ง
“ครับ” อาผินพยักหน้า แล้วเปิดประตูรถลงไป
ตอนเสี่ยวหวังลงจากรถนั้น โล่เฟยเอ๋อไปได้ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ว
“คุณหนู คุณเป็นไรไหมครับ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
คนขับรถเอ่ยด้วยความไม่วางใจ”คุณหนู ให้ผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้ๆนี้หน่อยไหมครับ ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร คุณไปเถอะค่ะ”ขณะที่พูดอยู่นั้นได้เดินเซลงมาเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
“คุณหนู เท้าของคุณ……”คนขับรถเสี่ยวหวังยังพูดไม่จบประโยค จู่ๆก็เห็นมีคนเดินมาจากข้างหลัง จนรีบเอ่ยด้วยความแปลกใจ”พี่ผิน ทำไมพี่ลงจากรถล่ะครับ”
“ฉันมาดู ว่าคนเป็นยังไงบ้าง”อาผินได้เอ่ยถาม
“เท้าของเธอน่าจะได้รับบาดเจ็บครับ”เสี่ยวหวังตอบ
อาผินขมวดคิ้วแล้วเอ่ย”ส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยแล้วกัน”
เสี่ยวหวังยังไม่ทันได้ตอบ โล่เฟยเอ๋อที่เก็บของที่ตกพื้นอยู่นั้นได้บอกออกไปว่า” ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโอเคมาก”
เมื่ออาผินเห็นหน้าโล่เฟยเอ๋อ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
นี่ไม่ใช่เพื่อนของคุณชายหรือไง
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ถึงความคิดของอาผิน เธอรีบเอ่ยกับอาผินด้วยประโยคหนึ่ง” ฉันยังมีเรื่อง ไปก่อนนะคะ “แล้วหันหลังเดินจากไป
อาผินเมื่อได้สติ ก็เห็นโล่เฟยเอ๋อเดินจากไปแล้ว จึงได้รีบไปรายงานกับคุณท่าน
“คุณท่านครับ คนที่ถูกชนนั้นเป็นเพื่อนของคุณชายครับ”
คุณท่านลืมตา แล้วถาม” เพื่อนซีมู่งั้นเหรอ คนไหนกัน”
“คือผู้หญิงเมื่อสองวันก่อนที่เห็นในบ้านพักของคุณชายครับ”อาผินตอบ
เมื่อได้ฟังที่อาผินพูดแล้ว คุณท่านจึงถามด้วยความตกใจว่า”เธอได้รับบาดเจ็บไหม”
อาผินรายงานไปตามตรง”เท้าได้บาดเจ็บเล็กน้อยครับ ทีแรกอยากพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่เธอปฏิเสธแล้วครับ”
“งั้นเหรอ”คุณท่านขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงถาม”ตอนนี้คนล่ะ”
“ไปแล้วครับ”อาผินบอกตอบ
คุณท่านไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าดูขุ่นลง ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
จนผ่านไปนาน คุณท่านจึงได้เริ่มเอ่ยถาม “อาผิน แกว่าเธอมีความสำคัญกับคุณชายไหม”
ใบหน้าอาผินเต็มไปด้วยประหลาดใจ จากนั้นจึงได้ก้มหน้าลงแล้วเอ่ย” คุณท่าน ความคิดคุณชายนั้น ผมเดาไม่ออกจริงๆครับ”
คุณท่านมองอาผินแล้ว ได้เอ่ยว่า”โทรหาซีมู่แล้วบอกเรื่องที่เธอถูกรถชนให้กับเขา”
“ครับ”อาผินที่ได้คำสั่ง ก็รีบโทรไปคุณชายบ้านตัวเอง
เมื่อโทรติดแล้ว เสียงเย็นชาของซูซีมู่ก็ได้ลอยเข้ามา “มีเรื่องอะไร”
อาผินได้มองไปที่คุณท่านครู่หนึ่ง จึงได้เปิดเสียงในมือถือ แล้วเอ่ยกับคนในมือถือว่า” คุณชายครับ ตอนที่พวกผมอยู่บนทางถนนนั้น ได้ชนคุณหนูคนนั้นที่อยู่ในบ้านพักของคุณเมื่อหลายวันก่อนครับ”
เมื่อเสียงอาผินได้ดับลง เสียงซูซีมู่ก็ได้ดังขึ้นทันที “ตอนนี้พวกแกอยู่ไหน เธอบาดเจ็บมากไหม”
เสียงเขายังเหมือนก่อนไม่ได้ต่างไปแต่อย่างใด แต่อาผินกลับฟังออกถึงความเปลี่ยนแปลง
อาผินมองไปยังคุณท่าน คนอยู่เบื้องหลังนั้นได้พยักหน้ามาให้เขา
อาผินเมื่อได้รับมอบหมายแล้ว จึงเอ่ยกับคนในสายว่า”ไม่รู้ครับ เธอไม่ให้พวกผมไปส่งโรงพยาบาล แล้วเดินจากไปด้วยตัวเองครับ”
ทางด้านซูซีมู่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว
อาผินวางมือถือลง แล้วเอ่ยกับคุณท่านว่า” คุณท่านครับ คุณชายว่างสายแล้วครับ” คุณท่านตอบอือ แล้วถาม “ตอนนี้แกรู้สึกว่าคุณชายให้ความสำคัญกับเธอไหม”
“ให้ความสำคัญครับ”อาผินเอ่ยด้วยมั่นใจ
คุณท่านมองออกไปทางกระจกรถ แล้วเอ่ยเบาๆว่า”นี่ไม่ใช่ให้แค่ความสำคัญธรรมดา”
“ต้องการให้คนไปตรวจเช็กดูไหมครับ”อาผินถามด้วยความระมัดระวัง
คุณท่านส่ายหัว “ไม่ต้องเช็กอะไรแล้ว แกแค่ช่วยฉันจัดการ..