งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 106
บทที่106 เลือกที่จะรักคุณอย่างเงียบๆ
โล่เฟยเอ๋อหลับไปอย่างลึก ตอนเธอตื่นมานั้น ก็เป็นสิบโมงเช้าของอีกวันแล้ว
อาการแฮงค์เหล้าทำให้เธอปวดหัวอย่างรุนแรง และตอนเธอลืมตาขึ้นนั้น
สมองเธอนอกจากรับรู้ถึงปวดอย่างมากแล้ว อย่างอื่นรับรู้ไม่ได้เลย
เธอมองดูหน้าต่างข้างนอกอย่างมึนงงแล้วครู่หนึ่ง จึงรับรู้ว่าได้ถึงเช้าของอีกวันแล้ว เธอเลยรีบลุกขึ้นมานั่ง
“กี่โมงเนี่ย คงไม่ไปทำงานสายแล้วมั้ง” เธอบ่นพึมพำ เอากระเป๋าจากบนตู้หัวเตียงออกมา แล้วเอามือถือมาเปิด
เมื่อเปิดดู ข้างบนจอเขียนว่าเป็นวันอาทิตย์
“วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน” โล่เฟยเอ๋อรู้สึกโล่งอกเบาๆ จากนั้นก็ทิ้งตัวไปข้างหลัง แล้วนอนไปในเตียงใหม่
พูดเป็นเล่น วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็ต้องนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงสิ แล้วยิ่งตอนนี้เธอปวดหัวจนไม่ไหวแล้วด้วย
รอก่อน จู่ๆโล่เฟยเอ๋อทำตาโตเหมือนนึกได้อะไรขึ้นมา มองดูห้องที่จัดวางแปลกไปแค่คุ้นตา เธอจึงได้สติขึ้นมาทันที
นี่มันห้องพักแขกของบ้านซูซีมู่
แต่เธอมาอยู่บ้านเขาได้ยังไง
หรือว่าเธอโทรไปหาเขา แล้วให้เขามารับเธอเหรอ
โล่เฟยเอ๋อเปิดมือถือออกมา แล้วกดไปดูบันทึกการโทร ข้างบนไม่มีการบันทึกการโทรด้วยสิ
แล้วเธอมาอยู่นี้ได้ไง
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว เริ่มทบทวนว่าตัวเองวิ่งมาอยู่ที่ซูซีมู่ได้ไงกัน
เมื่อคืนเลี้ยงลู่ยู่กับเหซิงโม่ทานข้าว จากนี้ก็ทานกันอย่างสนุกสนาน และได้ดื่มเหล้ากับพวกเขาด้วย
เธอดื่มไปสองแก้วก็เมาแอ๋ไปเลย จากนั้นลู่ยู่กับเหซิงโม่ก็ยังดื่มกันต่อ
หรือว่าจะเป็นลู่ยู่พวกเขาส่งเธอมา
ไม่ ไม่ใช่ ตอนเธอลุกไปเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็ได้เมากันแล้ว พวกเขาคงไปส่งเธอไม่ได้แน่
โล่เฟยเอ๋อนึกเรื่องราวหลังจากเธอไปเข้าห้องน้ำแล้วอย่างละเอียด
เธอเหมือนจะไปเจอซูซีมู่ที่ห้องน้ำในห้อง แล้วเธอที่กำลังมึนเมาไม่ได้สติก็ได้ชี้ไปยังเขาแล้วพูดอะไรสักอย่าง พูดว่าเธอไม่รู้จักเขางั้นเหรอ
โล่เฟยเอ๋อลูบจมูกเบาๆ แล้วบอกกับตัวเอง ว่าตอนที่ตัวเองดื่มแล้วเมา จนจำซูซีมู่ไม่ได้นั้นเป็นเรื่องที่ให้พออภัยกันได้
แล้วหลังจากนั้นเธอได้ทำอะไรบ้าง โล่เฟยเอ๋อเริ่มนึกต่อไปเรื่อยๆ
ต่อจากนั้นเหมือนว่าซูซีมู่จะพาเธอออกจากห้องน้ำ แล้วเธอ……ก็ได้กอดคอเขาแล้วพูดว่า ฉันกอดนายได้แล้ว…….อิอิ……
โอ้พระเจ้า เมื่อคืนเธอคงไม่ได้สารภาพรักซูซีมู่แล้วมั้ง
โล่เฟยเอ๋อพยายามนึก คิดแบบละเอียด แต่ก็นึกไม่ออกว่าเธอทำอะไรไปบ้าง
หัวใจเธออดไม่ได้ที่จะเต้นไม่เป็นจังหวะ หลังจากสักพักก็ดีขึ้น และเธอก็ได้ปลอบตัวเองว่าคงไม่ได้สารภาพรักออกไปเหรอ
ตอนโล่เฟยเอ๋อกำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้น ประตูห้องก็ได้เปิดออกมา
ซูซีมู่เดินเข้ามาอย่างไร้สีหน้าใดๆ ค่อยๆเอ่ยประโยคหนึ่งช้าๆ” ตื่นแล้ว ก็ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง”
เมื่อพูดเสร็จ เขาก็หันมองไปที่อื่น ทำเหมือนถ้าพอมองเธอนานไป จะรู้สึกอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ และเวลาเขาหันหลังนั้น ทั้งเงาหลังนั่นแพร่กระจายไปด้วยความเย็นชา
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองเงาหลังที่เย็นชาของซูซีมู่ แล้วอดที่จะตะโกนออกมาไม่ได้ “ซูซีมู่……”
ซูซีมู่หยุดก้าวเดิน แต่ไม่หันกลับไปมอง แล้วเขาก็เอ่ยสี่คำเย็นชาออกมา”ลงมาให้ไว”
หรือว่าเมื่อคืนเธอเมาแล้วสารภาพรักกับเขาไปแล้วจริง เพราะแบบนี้เขาถึงได้เย็นชากับเธอ โล่เฟยเอ๋อจ้องมองเงาหลังที่จากไปของซูซีมู่ แล้วกัดปากล่างอย่างแรง
ไม่ ถ้าเขารู้แล้วจริงๆ เขาจะไม่พาเธอกลับมานี่แน่นอน
โล่เฟยเอ๋อปลอบใจตัวเองอย่างนี้ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้น ไปล้างหน้าแปรงฟัน ในห้องน้ำ แล้วลงไปข้างล่าง
ตอนโล่เฟยเอ๋เดินเข้าห้องอาหาร ซูซีมู่กำลังถือจาน ออกมาจากห้องครัว
เขาวางจานลงที่โต๊ะอาหารแล้ว ถึงเห็นว่าเธอได้เดินมาใกล้ประตูแล้ว จึงมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแป๊บหนึ่ง แล้วเอ่ยปากบอกอย่างไม่ร้อนไม่หนาวว่า” ทานข้าวสิ”
พูดไปเขาก็ดึงเก้าอี้ที่นั่งประจำไปด้วย แล้วนั่งลง
ไม่เหมือนแต่ก่อนที่คอยดึงเก้าอีกให้โล่เฟยเอ๋อ
เขาคงรู้แล้วจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เป็นแบบนี้
ครั้งนี้โล่เฟยเอ๋อมั่นใจแล้ว
โล่เฟยเอ๋อกำมือตัวเองไว้แน่น จากหลังก็ใช้น้ำเสียงที่ปกติที่สุดเอ่ย”เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงาน บอกมีเรื่อง ฉันไม่อยู่ทานข้าวที่นี่กับคุณแล้ว……”
ซูซีมู่ที่กำลังใช้ตะเกียบคีบอาหารอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยตอบอือเบาๆ แล้วทานข้าวต่อ
โล่เฟยเอ๋อกระตุกยิ้มมุมปากให้กับซูซีมู่ เป็นยิ้มที่นิ่งเหมือนน้ำ “เมื่อคืนต้องขอบคุณคุณด้วยนะ”
สุดท้ายซูซีมู่ก็เงยหน้ามองเธอ เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเธอแล้ว เขาถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ย” ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราคือ……เพื่อนกัน”
เพื่อนกัน…..ช่างลำบากเขาที่ต้องใช้สองคำนี้มาปลอบใจเธอ
โล่เฟยเอ๋อยิ้มกว้างขึ้น”ฮ่าฮ่า ฉันจะลืมได้ไง”
โล่เฟยเอ๋อเผยรอยยิ้มสดใสบนริมฝีปาก แต่ซูซีมู่รู้สึกเพียงขัดใจยังไงรู้ กลับไม่สังเกตเห็น ว่าโล่เฟยเอ๋อกำนิ้วแน่ จนเปลี่ยนเป็นเขียวช้ำ และเล็บมือนั้นได้จิกลึกเข้าไปในเนื้อ มันเจ็บจนปวดถึงหัวใจ
“งั้นฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย”
เมื่อพูดประโยคนี้เสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็ได้หันหลังเดินออกไปจากบ้านพักซูซีมู่
บางทีหลังจากนี้คงพบเจอกันยากขึ้นมั้ง เมื่อพบเจอกัน คุณก็คงเหลือความเย็นชาให้ฉันเท่านั้น
แต่ฉันก็ยังจะแอบชอบคุณ และรักคุณ
เสียดายเพียงเวลาที่ฉันปกปิดคุณนั้นช่างสั้นและสั้นมาก…….
ซูซีมู่มองดูเงาหลังที่จากไปของโล่เฟยเอ๋อ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขากลับมองเห็นความรู้สึกบนเงาหลังของเธอ ว่าเศร้าโศก และเจ็บปวด…..
เธอแค่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงาน ไปเพราะมีเรื่อง จะเศร้าโศก และเจ็บปวดได้ไง
ซูซีมู่สะบัดหัวไปมา คิดแค่ว่าตัวเองนั้นดูผิดไป
จากวันนั้นมา โล่เฟยเอ๋อก็ไม่เคยปรากฏตรงหน้าซูซีมู่อีก
ถึงคิดถึงเขายังไง เธอก็ไม่เคยจะโทรไปหาเขา หรือส่งข้อความไปหาเขาอีก
เธอคิดว่า มีเพียงขาดการติดต่อทุกช่องทางแบบนี้ เธอถึงจะเลิกคิดมโนไปได้เอง และแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาหวังอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่ทำแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะเจ็บ และเจ็บมาก แต่เขาคงมีความสุขมาก……
เธอจะยืนเงียบๆแบบนี้ในโลกด้านนอกของเขา มองดูเขามีความสุข และปกป้องความสุขของเขา
โล่เฟยเอ๋อเปิดดูรูปอัลบั้ม ข้างในมีรูปวาดของซูซีมู่หลายสิบใบ ตอนซูซีมู่ทานข้าว ตอนซูซีมู่ดูเอกสาร ตอนซูซีมู่ทำกับข้าว……
นี่คือสิ่งที่ช่วงนี้เธอได้วาดออกมา ของพวกนี้เป็นของเธอทั้งหมดเลย เธอสามารถมีมันไว้อย่างไม่มีขีดจำกัด
เสียงมือถือดังขึ้นสักพัก โล่เฟยเอ๋อถึงได้สติกลับคืนมา แล้วหยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมา
เมื่อเห็นเบอร์ลู่ยู่ เธอหยุดนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็กดรับสาย
“ฮัลโหล”
“เฟยเอ๋อ วันนี้ว่างออกมาทานข้าวกันไหม”เสียงที่ยิ้มแย้มของลู่ยู่ได้ลอยเข้ามา
โล่เฟยเอ๋อเม้มปากเล็กน้อย แล้วได้ปฏิเสธ “ขอโทษด้วยนะ งานของฉันยังทำไม่เสร็จเลย”
“วันนี้วันหยุดเสาร์อาทิตย์นะ เฟยเอ๋อไอ้เจ้านายเธอยังให้ทำโออีกเหรอ”ลู่ยู่เอ่ยอย่างไม่พอใจ
โล่เฟยเอ๋อเอ่ยอธิบายว่า “ไม่ใช่ เพราะช่วงนี้ฉันเข้าคลาสอบรม เนื้อหาการเรียนสำหรับฉันแล้วมันยากพอสมควร เพราะแบบนี้ฉันจึงต้องเสียเวลามากไปกับการหาข้อมูลอะไรนั้น”
“งั้นก็ได้ พวกเราคงต้องไปกันเองแล้วล่ะ”เสียงลู่ยู่สื่อถึงความผิดหวังอย่างมาก
โล่เฟยเอ๋อกัดปากล่าง แล้วตอบ”อือ ฉันยุ่ง วางสายก่อนนะ”
ลู่ยู่ตอบด้วยเสียงอือคำเดียว จากนั้นก็วางสายทิ้งไปเลย