งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 138
บทที่ 138ก่อนงานแต่งจะเริ่ม(2)
ทางเข้าห้องข้างในสุด มีร่างชุดสูทสีขาวซูซีมู่กำลังยืนไม่รู้คิดอะไรอยู่ข้างหน้าต่าง
หลายนาทีผ่านไป ได้มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
ซูซีมู่ไม่ได้หันไปมอง แต่พูดสองคำอย่างเย็นชาออกมา ” เข้ามา”
เมื่อประตูเปิดออกมา โจวเฉิงก็พาเหซิงถิงกับเด็กผู้หญิงแสนสวยอีกคน เข้ามาจากด้านนอก
“ประธานซู คุณเฉินกับคุณถางมาแล้วครับ”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร แล้วค่อยๆหันร่างไปมอง
“พี่ซีมู่”
“พี่ชาย”
เหซิงถิงกับเด็กที่แสนเยาว์วัย และแสนสวยคนนั้นเรียกซูซีมู่พร้อมกัน
ซูซีมู่ตอบอืมไปคำหนึ่ง แล้วพูด “ที่ฉันเรียกพวกเธอมา เพราะมีเรื่องอยากให้พวกเธอช่วยหน่อย”
เด็กแสนสวยคนนั้น ก็คือลูกพี่ลูกน้อง(ฝ่ายพ่อ)ของซูซีมู่ซูยุ่นยิ้มพูด ” พี่ชาย พวกเราคือบ้านเดียวกัน ยังจะบอกช่วยอะไรอีกเหรอ”
“พี่ซีมู่บอกพวกเรามาได้เลยค่ะ”เหซิงโม่พยักหน้าเห็นด้วย
“อืม”ซูซีมู่พยักหน้า แล้วบอก” รอพี่เธอกับพี่ยู่มาก่อน ฉันจะบอกพวกเธอ”
พอพูดถึงก็มาถึงพอดี เสียงซูซีมู่เพิ่งดับลง เหซิงโม่กับลู่ยู่ก็เปิดประตูเข้ามา “บอกพวกฉันมาว่ามีเรื่องอะไร”
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว แล้วพูดเบาๆว่า “ฉันนึกว่าต้องไปเชิญพวกแกด้วยตัวเองซะแล้ว”
“ตอนพวกฉันเข้ามาได้พบกับ……”ที่แรกลู่ยู่จะพูดว่าตอนเข้ามาได้พบกับโล่หยิวชิว ไม่เข้ายังพูดไม่จบ เหซิงโม่ก็ตัดคำคำเขา
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
ซูซีมู่มองเหซิงโม่กับลู่ยู่ด้วยความแปลกใจ แล้วพูด “ที่ฉันให้พวกเธอมา เพราะอยากให้พวกเธอเป็นเพื่อนเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าบ่าว”
เหซิงโม่ได้ฟังว่าซูซีมู่จะให้เธอมาเป็นเจ้าสาว ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “ว้าว ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวของพี่ซีมู่ เป็นความภาคภูมิใจของฉันแท้ๆ”
ซูยุ่นที่เป็นคนเรียบร้อยกว่า จึงพูดเบาๆแล้วพยักหน้า
“พวกแกล่ะ”ซูซีมู่มองไปทางเหซิงโม่กับลู่ยู่ที่ไม่พูดอะไร
เหซิงโม่พยักไหล่ พร้อมกับท่าทีไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร
มีเพียงลู่ยู่ไอ้บื้อนี้ ที่พูดอย่างตำหนิ “ซูซีมู่ ทำไมแกไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ฉันกับเหซิงโม่จะได้แต่งตัวตัวเองให้ดูดีก่อนแล้วค่อยมา”
ซูซีมู่ขี้เกียจสนใจเขา จึงสั่งโจวเฉิงให้พาพวกเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
รอโจวเฉิงพวกเขาออกไปเสร็จ ซูซีมู่จึงจะค่อยๆนั่งลงบนโซฟา
ที่เขาทำแบบนี้ เพราะเหซิงถิง ลู่ยู่ และเหซิงโม่สนิทกับโล่เฟยเอ๋อ ถ้าเวลามีเรื่องอะไร จะได้ดูแลโล่เฟยเอ๋อได้
ในห้องพักของเจ้าสาว โล่เฟยเอ๋อสีหน้านิ่งเฉยให้ช่างแต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อ และแต่งหน้าตามสบาย
ดูตัวเองในกระจก ที่ค่อยๆมีเครื่องสำอางมาแต่งแต้ม จนแตกต่างจะปกติไป
นัยน์ตาค่อยๆมีน้ำตาไหลออกมา
ช่างแต่งหน้าร้องอย่างตกใจ “อุ้ย เจ้าสาวร้องไห้ทำไมคะ เครื่องสำอางเลอะไปหมดแล้วค่ะ……”
เธอร้องไห้เหรอ โล่เฟยเอ๋อมองในกระจก ที่มีน้ำตาเต็มหน้า
ใช่แล้ว เธอร้องไห้
ตั้งแต่กำหนดวันแต่งงานมา จนถึงวันนี้ เธอคอยเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันแต่งงานของตัวเองอย่างเฉยชา
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอสามารถทำตัวเฉยชาเพื่อให้ตัวเองแต่งออกไปได้ ที่จริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้
เธอจะทำได้อย่างไร
เธอจะแต่งงานแล้ว และเธอก็ไม่ได้แต่งกับคนที่เธออยากแต่งด้วย
แม้คนที่เธออยากแต่งด้วย จะไม่มีวันขอเธอแต่งงาน
หากเป็นไปได้ ถ้าจะขอไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต
แต่ความเป็นจริงกลับไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้น
ช่างแต่งหน้ารีบเอาทิชชู่มาซับน้ำตาให้โล่เฟยเอ๋ออย่างรีบร้อน คิดว่าจะซับน้ำตาให้แห้งแล้วแต่งใหม่ให้อีกที
น่าเสียดาย ที่โล่เฟยเอ๋อร้องไห้อย่างไม่สายเลย ช่างแต่งหน้าซับให้ยังไงก็ไม่แห้งสักที
ช่างแต่งหน้ากังวลจนจะร้องไห้ “คุณโล่ค่ะ คุณเป็นแบบนี้แต่งหน้าไม่ได้เลยค่ะ”
โล่เฟยเอ๋อไม่พูดอะไร แต่น้ำตาก็ไหลไม่หยุด
ช่างแต่งหน้าทำอะไรไม่ได้ จึงยอมรับชะตากรรมซับน้ำตาให้เธอไป
โล่เฟยเอ๋อร้องไห้ ประมาณสิบนาทีกว่าถึงจะหยุด
ช่างแต่งหน้าดูออก ว่าเจ้าสาวไม่เต็มใจจะแต่ง แต่ก็ไม่สามารถจะไม่แต่งได้ ร้องไห้เสียใจรุนแรงขนาดนี้
เพราะฉะนั้นจึงซับน้ำตาให้โล่เฟยเอ๋อไป ก็ปลอบใจเธอไปด้วย
“อย่าเสียใจเลยค่ะ ถ้าตัดสินใจที่จะแต่งงานกับฝ่ายนั้นแล้ว ก็ควรคิดไปทางที่ดีนะคะ”
“ฉันทราบค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า และกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ช่างแต่งหน้ายิ้มพลางพยักหน้า แล้วเอ่ย “พิธีงานแต่งใกล้จะเริ่มแล้ว ฉันขอแต่งหน้าให้คุณนะคะ ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “ได้ค่ะ”
เวลาของพิธีงานแต่งใกล้เข้ามาทุกที แขกในปราสาทก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ คนเริ่มเยอะ เสียงซุบซิบนินทาก็เยอะไปด้วย
“ทีแรกคิดว่าครั้งก่อนบริษัทซูซื่อเหมาครึ่งเกาะจะทุ่มหนักแล้ว คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะหรูหรามากกว่านั้น”
“เธอจะไปรู้อะไร ก็แปลว่าการแต่งงานครั้งนี้บริษัทซูซื่อให้ความสำคัญเอามากๆไงล่ะ”
“ใช่แล้ว เธอคิดดูบริษัทโล่ซื่อนั้นโชคดีมากขนาดไหน ครั้งก่อนแต่งงานพังซะขนาดนั้น ครั้งนี้ยังทำให้บริษัทซูซื่อให้ความสำคัญมากเพียงนี้”
“ทำไมยังให้ความสำคัญเหมือนเดิมเหรอ จะแอบบอกให้เธอนะ เพราะครั้งนี้ที่แต่งงานกับบริษัทซูซื่อไม่ใช่เจ้าสาวคนเก่า เปลี่ยนคนแล้วน่ะ”
“เจ้าสาวเปลี่ยนคนแล้วหรอ เปลี่ยนเป็นใครอ่ะ”
“ทีแรกคือโล่หยิวชิวลูกสาวบุญธรรมของบริษัทโล่ซื่อ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคุณหนูแท้ๆของบริษัทโล่ซื่อ……”
โล่หยิวชิวถือแก้วไวท์เดินผ่านผู้คนเข้ามาได้ยินการซุบซิบนินทาเหล่านั้นพอดี จึงทำให้รอยยิ้มแข็งทื่อไป
เพราะคู่แต่งงานจากเธอโล่หยิวชิวเป็นโล่เฟยเอ๋อ เลยทำให้บริษัทซูซื่อให้ความสำคัญมากขนาดนี้
เพราะเป็นโล่เฟยเอ๋อ
ทำไมถึงเป็นโล่เฟยเอ๋ออีก
นัยน์ตาโล่หญิงชิวเริ่มแดงขึ้น ด้วยไฟแห่งโทสะข้างในนั้นลุกอย่างบ้าคลั่ง
ไฟแห่งโทสะข้างในลุกขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายโล่หยิวชิวเอาแก้วไวน์ในมือโยนลงพื้น
แก้วไวท์แตกหล่นอยู่บนพื้น จนเกิดเสียงเพล้งดังขึ้น
เป็นเสียงที่ไม่ดังมาก แต่เพราะรอบข้างมีคนมากมาย เลยทำให้โล่หยิวชิวเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที
โล่หยิวชิวเพราะเกิดความโกรธแค้นจนขาดสติ แต่หลังจากเอาแก้วไวน์โยนแตกบนพื้น สติเธอก็ได้กลับมาทันที
เมื่อสังเกตเห็นรอบๆแล้ว สีหน้าเธอเริ่มซีด จนดูไม่ได้เลย
เห้อจิ้นเหยาที่เห็นเหตุการณ์เข้า ก็รีบเข้ามาพาเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกเธอออกไป พนักงานก็รีบมาทำความสะอาดเศษแก้วในพื้นให้เรียบร้อย ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม การแตกแยกเล็กๆ ในสถานการณ์แบบนี้ถือว่าไม่เป็นอะไรมาก เพราะเดี๋ยวคนก็ลืมกันไปอย่างรวดเร็ว
ซูซีมู่เมื่อรู้เหตุการณ์ที่โล่หยิวชิวทำในห้องโถงแล้ว
บนหน้าก็ยังคงไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่
แต่ก็สั่งโจวเฉิงให้หาคนมาจับตาดูเธอไว้ให้ดี