งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 145
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 145 คืนกำไลข้อมือ
โล่เฟยเอ๋อหลับไปจนถึงกลางคืน เมื่อเธอลืมตาขึ้น ห้องที่ดูแปลกตาทำให้เธอตกใจนิดหน่อย ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอจึงได้สติคืนมา ที่นี่เป็นห้องในวิลล่าอีกแห่งหนึ่งของซูซีมู่ และเป็นที่อยู่ของเธอตั้งแต่นี้ไป
โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นนั่ง จึงรู้ว่าตัวเองมีผ้าห่มคลุมตัวอยู่
ใครห่มผ้าห่มให้เธอ? ซูซีมู่หรือ?
สายตาของเธอส่องประกายออกมาทันที จากนั้นจึงรีบดึงผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง
เธอเดินตรงไปที่ชั้นล่าง กลับไม่เห็นซูซีมู่อยู่ที่ห้องรับแขก
เธอมองหาไปรอบๆ แล้วถามคนรับใช้ว่า “ซูซีมู่…..เออ…..คุณชายล่ะ?”
“คุณชายอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ” คนรับใช้ตอบ
อยู่ที่ห้องทำงาน? นั่นแสดงว่าไม่ได้ออกไปไหนเลย
ผ้าห่มคงไม่ใช่เขาห่มให้เธอสินะ
อารมณ์ของโล่เฟยเอ๋อสลดลงทันที
เธอยืนลังเลอยู่สักพัก แล้วหยิบรีโมทขึ้นมา เปิดทีวี
ในทีวีกำลังฉายละครที่เธอชอบที่สุดที่นายแซ่จางคนหนึ่งจัดทำขึ้น แต่ว่ากลับดึงความสนใจของโล่เฟยเอ๋อไม่ได้เลย ในสมองของเธอคิดถึงแต่เรื่องของซูซีมู่
ซูซีมู่พาเธอมาที่นี่แล้ว ตั้งแต่เข้าบ้านมาก็เอาแต่หลบหน้าเธอ
เขาหลบหน้าเธอ……
ดวงตาที่เปล่งประกายสดใส เต็มไปด้วยความเจ็บปวดชอกช้ำ น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมา
แสงสว่างเจิดจรัสของแชนเดอร์เลียในห้องรับแขก ส่องสว่างมาที่เธอ ราวกับทำให้เธอเจิดจรัสไปด้วย เผยให้เห็นความเศร้าอย่างสุดซึ้ง…..
ซูซีมู่ออกมาจากห้องทำงาน เห็นโล่เฟยเอ๋อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาเธอ
เมื่อเข้าไปใกล้ เขาจึงสังเกตเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ได้ดูทีวีอยู่ แต่กำลังร้องไห้ต่างหาก
เธอร้องไห้ทำไม?
เพราะไม่อยากแต่งงานกับเขางั้นหรือ?
ซูซีมู่เม้มมุมปากอย่างแรง จากนั้นค่อยๆปลีกตัวออกไปเงียบๆ
ถึงเขาจะรู้สาเหตุแล้ว แต่เขายังคงปล่อยวางไม่ได้อยู่ดี
เขาทำไม่ได้…..
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อคิดว่าจะได้เจอหน้าซูซีมู่ตอนทานอาหารเย็น แต่คนรับใช้บอกเธอว่า ซูซีมู่ทานอาหารเย็นในห้องทำงานแล้ว
โล่เฟยเอ๋อที่ได้ยินแบบนี้ มองอาหารเลิศหรูบนโต๊ะอยู่ กลับไม่อยากทานอะไรเลย
เธอวางชามและตะเกียบลง แล้วเดินกลับขึ้นห้องไป ท่ามกลางสายตางุนงงของคนรับใช้
แต่ว่าไม่นาน เธอก็ลงมาข้างล่างอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ในมือของเธอถือกล่องผ้าหนึ่งใบมาด้วย
โล่เฟยเอ๋อถือกล่องผ้า เดินไปทางห้องทำงานของซูซีมู่
คนรับใช้เรียกเขาออกมาทานอาหารเย็น ซูซีมู่ยังไม่กล้าออกมา เขากลัวว่าจะเห็นน้ำตาของโล่เฟยเอ๋ออีก ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนรับใช้เอาอาหารเย็นมาให้ทานที่ห้องทำงาน
อาหารเย็นส่งเข้ามาแล้ว เขากลับไม่ยอมทาน แต่ลุกขึ้น มายืนที่ริมหน้าต่าง
ก๊อกๆๆ….เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ซูซีมู่ไม่หันหลังไปดู เพียงแค่เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “เข้ามา”
โล่เฟยเอ๋อผลักประตูห้องทำงานเข้ามา ซูซีมู่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง สายตามองออกไปยังแสงไฟที่สว่างไสวทั่วเมือง
แสงสีเหลืองอ่อนตกกระทบลงบนตัวเขา ทำให้เขาดูลึกลับและมีเสน่ห์
ซูซีมู่ในภาพนี้ เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทำให้โล่เฟยเอ๋อที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงาน อดไม่ได้ที่จะมองอย่างเคลิบเคลิ้ม
ซูซีมู่รออยู่หลายสิบวินาที ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร จึงหันหน้ามา “มีอะไร…..”
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เขาตะลึงไปชั่วขณะ นิ่งอยู่สักพัก แล้วจึงหันเดินมาทางโต๊ะทำงาน พลางเอ่ยถามว่า “ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?”
ได้ยินคำถามของซูซีมู่ ร่างของโล่เฟยเอ๋อก็สั่นเทา ถอนสายตาอย่างรีบเร่ง แล้วก้มหน้าเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ซูซีมู่นั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน พลางเอ่ยถามอย่างสบายๆว่า “คุณมีธุระ….มาหาผม?”
“ฉันเอาอันนี้มาคืนคุณคะ” โล่เฟยเอ๋อพูดไป ก็เอากล่องผ้าในมือวางไว้บนโต๊ะทำงานของซูซีมู่
ก่อนหน้านี่ที่โล่เฟยเอ๋อกลับไปที่ห้อง ก็หยิบเครื่องประดับล้ำค่าที่สืบทอดกันมาของบ้านซูที่คุณท่านมอบให้เธอออกมา แล้วถือมันลงมาที่ห้องทำงาน ส่งคืนให้กับซูซีมู่
เมื่อซูซีมู่เห็นว่ากำไลหยกคู่นั้นที่โล่เฟยเอ๋อเคยสวมไว้ที่ข้อมือไม่อยู่ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งของที่โล่เฟยเอ๋ออยากจะคืนให้เขานั้นคืออะไร
กำไลหยกคู่นั้นเป็นสมบัติที่ตกทอดกันมาของบ้านซู มอบให้เฉพาะคนที่เป็นสะใภ้ของบ้านซูเท่านั้น หลังจากที่คุณย่าเสียชีวิตแล้ว กำไลควรจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา เพื่อให้เขามอบให้คนที่เขารัก
ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักเลย ยิ่งเรื่องแต่งงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นจึงคืนกำไลให้คุณปู่เก็บเอาไว้
วันนี้ที่ระเบียง ตอนที่เขาเห็นโล่เฟยเอ๋อสวมกำไลคู่นี้ไว้ที่ข้อมือ เขารู้สึกดีใจมาก
คุณปู่มอบกำไลให้เฟยเอ๋อ นั่นแสดงว่าบ้านซูยอมรับในตัวเฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อรับกำไลข้อมือมา นั่นแสดงว่าเธอยอมรับการแต่งงานของพวกเขา
คิดไม่ถึงเลยว่าโล่เฟยเอ๋อจะเอากำไลข้อมือมาคืนให้เขา…..
ซูซีมู่ออกแรงจับเอกสารในมือแน่น จนเอกสารนั้นขาดเป็นสองท่อน
โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่ฉีกเอกสารออกเป็นสองท่อน สีหน้าตกใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ซูซีมู่ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาเอกสารที่ขาดเป็นสองท่อนในมือวางลง แล้วถามเบาๆว่า “ในนั้นคืออะไร?”
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงว่าซูซีมู่จะถามคำถามนี้ออกมา อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า “นี่คือที่คูณปู่มอบให้ฉัน ท่านบอกว่าเป็นสมบัติที่ตกทอดกันมาของบ้านซู ฉันคิดว่าคืนให้คุณน่าจะ…..”
โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ตัดบทเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณปู่เป็นคนให้ คุณก็เอาไปคืนท่านเองสิครับ”
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงว่าซูซีมู่จะพูดแบบนี้ เธอเงียบไปพักหนึ่ง แล้วตั้งสติได้ เธอก้มหน้าถามเขาเสียงเบาว่า “คุณช่วยส่งคืนให้เขาไม่ได้หรือคะ?”
เธอก้มหน้าอยู่ น้ำเสียงนุ่มนวล ใครก็ไม่อาจปฏิเสธเธอได้ลงคอ ซูซีมู่ก็ไม่อยากจะปฏิเสธ แต่คิดว่าถ้าเขารับปากไปแล้ว กำไลข้อมืออันเดียวที่เหลืออยู่ในมือเธอ ก็ต้องคืนไปด้วยพร้อมกัน เขาจึงบังคับตัวเองให้แข็งใจ
“ไม่ได้ครับ” ซูซีมู่ตอบอย่างเย็นชา
พูดจบประโยคนี้ ซูซีมู่ก็ไม่ได้สนใจโล่เฟยเอ๋ออีก เขายื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานแล้วกดโทรออก คุยกับปลายสายอย่างสนุกสนาน
โล่เฟยเอ๋อกัดฟันแน่น ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของซูซีมู่สักพัก ในที่สุดก็หยิบกล่องผ้าแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป..