งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 149
บทที่ 149 ชนท้ายรถ Maserati
พอรู้สึกตัวขึ้น ท้องฟ้าข้างนอกก็สว่างแล้ว ซูซีมู่แตะที่โทรศัพท์ หรี่ตามองดูเวลา เป็นเวลา 6 โมงเช้า เขามีประชุมตอน 7.30น และเขาต้องเป็นประธาน เขาต้องไปถึงบริษัทเร็วกว่านี้
ซูซีมู่เปิดผ้าห่มออกลงจากเตียงเข้าห้องน้ำชะล้าง จากนั้นเปิดตู้หยิบสูทสีดำออกมา ผูกเนคไทไป พลางเดินไปทางประตูห้อง
ขณะที่เปิดประตูออก ประตูห้องของโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ข้างๆก็เปิดออกมาพร้อมกัน
ได้ยินเสียงเปิดประตู ซูซีมู่ที่กำลังผูกเนคไทอยู่หยุดชะงัก พลางหันหน้ามองออกไป
โล่เฟยเอ๋อคงจะนอนน้อยเกินไป สีหน้าดูซีดเซียว
ซูซีมู่ออกแรงเม้มปาก จากนั้นดึงสายตากลับมาผูกเนคไทต่อโดยไม่สนใจ เขาผูกมันอยู่หลายครั้งไม่เสร็จสักที
ใบหน้าที่เย็นชาของซูซีมู่ค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นมา เขาหันกลับตามสัญชาตญาณ แล้วเดินไปทางบันได
สุดท้าย ณ เวลานี้โล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามา ขวางหน้าเขาไว้
ขณะที่ซูซีมู่สงสัยว่าโล่เฟยเอ๋อต้องการจะทำอะไร โล่เฟยเอ๋อยกมือขึ้นคว้าเนคไทที่เขาผูกไม่เสร็จเอาไว้
ไม่เหมือนคราวที่แล้ว เพราะซูซีมู่ไม่ได้โค้งตัว ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อจึงต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อช่วยเขาผูกเนคไท
เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาไม่กระพริบ แสดงถึงความตั้งใจมาก ราวกับกำลังทำงานสำคัญชิ้นหนึ่งอยู่
ซูซีมู่จ้องมองดวงตาและคิ้วของโล่เฟยเอ๋ออย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เงียบสงบ มีเพียงตัวเขาเองที่รู้ว่าหัวใจของเขาเต้นอย่างว้าวุ่นขนาดไหน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้ หลังจากที่แต่งงานมา
ขณะที่ซูซีมู่กำลังตกอยู่ในภวังค์ โล่เฟยเอ๋อนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ซูซีมู่ไม่ชอบให้เธออยู่ใกล้
เธอกัดริมฝีปาก ยืนหยัดผูกเนคไทจนเสร็จ จากนั้นรีบก้าวถอยหลังไปสองก้าว ทิ้งระยะห่างระหว่างซูซีมู่
“ฉัน…..ไม่ได้ตั้งใจคะ…..” ความหมายของโล่เฟยเอ๋อคือ เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใกล้เขาขนาดนี้
แต่สิ่งที่ซูซีมู่ได้ยิน กลับกลายเป็นว่า เธอไม่ได้ตั้งใจอยากจะผูกเนคไทให้เขา
สายตาของซูซีมู่ เปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย
“คราวหน้า”
ระหว่างคิ้วและดวงตาที่สวยงาม สัมผัสได้ถึงความเย็น เขาที่เดิมก็สูงศักดิ์อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดูเย็นชามากขึ้นไปอีก
“ฉันทราบแล้วค่ะ” โล่เฟยเอ๋อหลบสายตาเล็กน้อยเพื่อปกปิดความเศร้าหมองในดวงตาของเธอ
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ หันตัวเดินไปทางบันได เบื้องหลังที่เย็นชานั้น ทิ่มแทงสายตาของโล่เฟยเอ๋ออย่างเจ็บปวด
เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก เอาความเจ็บปวดในสายตาซ่อนไว้ จากนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดินไปทางลงบันได
เธอเพิ่งเดินมาถึงทางลง ก็ได้ยินเสียงคนรับใช้ดังมาจากข้างล่างว่า “คุณชายคะ อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วคะ ท่านจะทานเลยไหมคะ?”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบอะไร
คนรับใช้เอ่ยถามต่อ “หรือว่าคุณผู้ชายจะรอทานพร้อมคุณผู้หญิงคะ?”
คนรับใช้ยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ตอบอย่างเย็นชาว่า : “ไม่กิน”
ไม่กิน…..คงไม่อยากทานข้าวพร้อมเธอละมั้ง……
ความเจ็บปวดที่อดทนไว้เมื่อครู่กลั้นไม่อยู่แล้ว น้ำตาค่อยๆไหลซึมออกมา…..
หลังจากที่ร้องไห้ออกมาแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ปาดน้ำตาจนแห้ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินลงชั้นล่างไป
ทานอาหารเช้าแล้ว จึงออกไปทำงาน
เมื่อมาถึงบริษัทก็เอาร่างที่ออกแบบเมื่อวานส่งให้โจวหยุน จากนั้นวาดส่วนที่เหลือต่อ
ทุกวันเธอวาดได้สูงสุด 3 ภาพ ที่เหลืออีกมากมาย บอกตามตรงโล่เฟยเอ๋อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำเสร็จเมื่อไหร่
แต่ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน เธอก็มาทำงานและเลิกงานตรงเวลา ไม่ยอมทำงานล่วงเวลา
ซูซีมู่ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ตั้งแต่ผูกเนคไทครั้งที่แล้ว
โล่เฟยเอ๋อรู้ว่าซูซีมู่ตั้งใจหลบหน้าเธอ ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ
ถ้าไม่ใช่รถของโล่เฟยเอ๋อชนท้าย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะได้เจอหน้ากันเมื่อไหร่
วันนั้นหลังจากเลิกงาน โล่เฟยเอ๋อนั่งรถของคนขับรถหลี่กลับวิลล่าตามปกติ
ระหว่างทาง ชนท้ายเข้ากับ Maserati คันหนึ่ง
ตอนเย็นเวลา 1 ทุ่มท้องถนนเต็มไปด้วยรถ รถของคนขับรถหลี่ก็ขับได้ไม่เร็ว พอถึงทางแยก จู่ๆรถคันหนึ่งก็วิ่งมาจากทางขวา คนขับรถหลี่ตอบสนองฉับพลัน เบรครถกะทันหัน
ด้วยเหตุนี้เอง รถจึงชนเข้ากับด้านท้ายของคันข้างหน้า
ตัวรถกระแทกอย่างแรง ร่างกายโน้มไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วง ยังดีที่โล่เฟยเอ๋อรัดเข็มขัดนิรภัย ถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะได้รับบาดเจ็บ
“คุณผู้หญิงครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” คนขับรถหลี่หันหน้ามาถามอย่างรีบร้อน
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า : “ฉันไม่เป็นไรหรอก แล้วคุณล่ะ?”
“ผมไม่เป็นไรครับ เพียงแต่ชนท้ายรถคู่กรณี ผมจะลงไปดูหน่อยนะครับ” คนขับรถหลี่พูดไปพลางเปิดประตูรถออกลงจากรถไป
“ฉันลงไปด้วยดีกว่า” โล่เฟยเอ๋อพูดไปพลางเปิดประตู แล้วตามคนขับรถหลี่ ลงจากรถไป
ตอนที่พวกเขาลงจากรถ คนขับรถ Maserati ที่พวกเขาชนท้ายก็ลงมาด้วย
“ขับรถประสาอะไร ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง? ผมเพิ่งจะซื้อ Maserati มาใหม่ ยังไม่ได้ป้ายทะเบียนเลย!” มือข้างซ้ายของเขาสวยสร้อยทองอยู่เส้นหนึ่ง มือข้างขวาของเขาก็สวมสร้อยทองอยู่อีกเส้น ที่คอยังมีสร้อยทองเส้นใหญ่อยู่อีกเหลืองอร่ามเต็มไปหมด
“คุณครับ รถของคุณจู่พุ่งออกมาจากตรงนั้นนะครับ” คนขับรถหลี่พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“อะไรนะรถของผมจู่ๆพุ่งออกมา? รถของคุณต่างหากที่ชนท้ายผมน่ะ” เจ้าของรถMaseratiที่อ้วนเตี้ยโพล่งขึ้นมาด้วยความโกรธ
คนขับรถหลี่ก็เริ่มไม่พอใจเหมือนกัน “คุณครับ อย่ามาพูดจาเลอะเทอะหน่อยเลย คุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่ผม”
ได้ยินคำพูดของ คนขับรถหลี่ เจ้าของรถ Maserati. ที่อ้วนเตี้ยรีบกระทืบเท้า “แม่คุณสิ! คุณขับชนรถผม ยังมีหน้ามาให้ผมชดใช้อีก!”
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วไปพลางกล่าวว่า : “คนขับรถหลี่ไม่ต้องไปคุยกับเขาแล้ว โทรเรียกตำรวจมาดีกว่า ให้ว่ากันไปตามกฎหมายเถอะ”
ชายอ้วนเตี้ยคนนั้นเมื่อได้ยินว่าโล่เฟยเอ๋อพูดว่าให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม สีหน้าของเขาก็น่าเกลียดขึ้นมาทันที
เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าขับรถผิดกฎ ถ้าให้เรื่องถึงตำรวจ เขาคงไม่รอดแน่
“คุณจะใช้กฎหมายคุยกับผมใช่ไหม?” เจ้าของรถMaseratiที่ร่างอ้วนเตี้ยยิ้มอย่างเย็นชา ยกขาขึ้น เตะประตูรถ
ในสายตาของเขา รถคันนี้ไม่ได้แพงมากเท่าไหร่ ยกขาเตะเพื่อเป็นการตักเตือนโล่เฟยเอ๋อ
คงเพราะไม่เคยกลัวใคร ชายร่างอ้วนเตี้ยเมื่อเตะประตูแล้วจึงทำตัวกร่าง
หลังจากเตะแล้ว ถลึงตามองไปที่โล่เฟยเอ๋อแล้วพูดจาสามหาวว่า : “คุณผู้หญิงครับ ชดใช้ค่าเสียหายมาซะดีกว่า ไม่เช่นนั้นประตูรถนี้กลายเป็นจุดจบของคุณแน่”
โล่เฟยเอ๋อถูกเขาถลึงตามองแบบนั้น ก็ตกใจหน้าขาวซีด
คนขับรถหลี่เอามือข้างหนึ่งดึงโล่เฟยเอ๋อหลบไว้ที่ด้านหลัง แล้วโผใส่ชายร่างอ้วนเตี้ยกล่าวว่า : “คุณคิดจะทำอะไร?”
“คิดจะทำอะไรงั้นหรือ? ข่มขู่พวกคุณให้ชดใช้ค่าเสียหาย แล้วจะทำไม?” ชายร่างอ้วนเตี้ยพูดกร่าง
ข่มขู่? คนของบ้านซูถูกคนอื่นข่มขู่ในเมือง A?
คนขับรถหลี่มองไปทางชายร่างอ้วนเตี้ยเขม็ง แล้วหันไปถามโล่เฟยเอ๋อว่า “คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรนะครับ?”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าไม่เป็นไร คนขับรถหลี่ก็ถอนหายใจโล่งอก
ถูกข่มขู่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าคุณผู้หญิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาละก็ แล้วใครจะรับผิดชอบผลที่ตามมา
“คุณผู้หญิง ผมจะโทรหาผู้ช่วยโจวนะครับ ให้เขาส่งคนมาช่วยเคลียร์เรื่องนี้ก่อน”
โล่เฟยเอ๋อก็รู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คนขับรถหลี่ รับมือไม่ไหวแล้ว จึงเห็นด้วย
ได้รับการเห็นด้วยจากโล่เฟยเอ๋อ คนขับรถหลี่ จึงรีบโทรหาโจวเฉิง