งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 166
บทที่166 ข่าวลือเรื่องรถหรูของโล่เฟยเอ๋อ
เสียงเคาะประตูทำให้โล่เฟยเอ๋อตื่นขึ้น
“ใครคะ?” โล่เฟยเอ๋อลืมตาขึ้นอย่างว่างเปล่า
เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากด้านนอก “คุณนายคะ ตอนนี้เจ็ดโมงสามสิบนาทีแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเจ็ดโมงสามสิบนาทีคำนี้ โล่เฟยเอ๋อรีบลุกจากเตียงทันที จากนั้นรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
เธออาบน้ำอย่างรวดเร็ว หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เธอสะพายกระเป๋าและเปิดประตูห้อง วิ่งลงชั้นล่าง
ซูซีมู่นั่งอยู่บนโซฟาเห็นเธอลงบันไดมาจึงช้อนตาขึ้นและกล่าวทักทายเธอ
“อรุณสวัสดิ์”
โล่เฟยเอ๋อกล่าว “อรุณสวัสดิ์” แล้วพูด “ฉันจะสายแล้ว ไปก่อนนะคะ”
พูดจบแล้วโล่เฟยเอ๋อก็หันหลังจะเดินออกไปข้างนอก
ซูซีมู่กลับเรียกเพื่อหยุดเธอ “เฟยเอ๋อ”
“หือ?” โล่เฟยเอ๋อหันกลับมาหาเขา
ซูซีมู่ลุกขึ้นมาจากโซฟา “ไปด้วยกัน”
“อ่อ…ได้” โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
ซูซีมู่พยักหน้าแล้ว “อือ” จากนั้นด้วยท่าทีสง่างาม จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าเอกสารและกล่องอาหารกลางวันจากมือผู้รับใช้อย่างสง่างามและใจเย็น…เดี๋ยวนะ กล่องอาหาร
ซูซีมู่จะเอากล่องอาหารไปทำไม?
โล่เฟยเอ๋อแตะจมูกของเธอ เดินตามหลังซูซีมู่
มาถึงหน้าคฤหาสน์ คนขับรถหลี่ ที่สตาร์ทรถรอพวกเขาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นรถที่คนขับรถหลี่ สตาร์ทรถคันที่ปกติใช้ไปส่งเธอที่ทำงานแล้ว โล่เฟยเอ๋อเกิดสงสัยและมองไปที่ซูซีมู่
เขาจะขับรถคันที่ คนขับรถหลี่ ขับไปส่งเธอที่ทำงานหรอ?
ควางสงสัยคงอยู่ไม่ถึงนาที ซูซีมู่ก็ให้คำตอบกับเธอ
ซูซีมู่ไม่ขับรถคันของคนขับรถหลี่ แต่เขาเตรียมที่จะนั่งรถคันเดียวกันกับเธอที่คนขับรถหลี่ เป็นคนขับ
เขาทำอะไรน่ะ? หรือว่ารถเขาเสีย?
โล่เฟยเอ๋อเดาไปต่าง ๆ นานาอยู่ในหัว เธอกลับไม่รู้ว่า ซูซีมู่ทำแบบนี้เหตุก็เป็นเพราะเธอทั้งนั้น
โจวเฉินได้ตรวจสอบแล้วว่าโล่เฟยเอ๋อเกือบจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากข้ามทางเท้าหลังจากออกจากหยู้ผินเซียง
ซูซีมู่ดูวิดีโอเฝ้าระวังในจุดนั้น ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะไปทำงานและกลับบ้านพร้อมกับโล่เฟยเอ๋อทุกวัน
เขารอให้โล่เฟยเอ๋อขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว ซูซีมู่ส่งกล่องอาหารให้เธอ
เอากล่องข้าวของเขาให้เธอ? โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปและมองไปที่ซูซีมู่
“มื้อเช้า” ซูซีมู่พูดออกมาสองคำอย่างเรียบเฉย
มื้อเช้า? โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปสองวินาทีแล้วจึงได้สติ นี่เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เธอ
กล่องข้าวนี้เตรียมไว้ก่อนที่เธอจะลงมา ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอจะตื่นสาย?
โล่เฟยเอ๋อหันไปมองซูซีมู่ อีกฝ่ายแกล้งนั่งพิงเบาะและหลับตาและชมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า
เธอมองซูซีมู่อยู่ครู่หนึ่ง โล่เฟยเอ๋อจึงถอนสายตา จากนั้นเปิดกล่องอาหารและเริ่มทานมื้อเช้า
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว โล่เฟยเอ๋อวางกล่องอาหารไว้ข้างขาเธอ เสียงของซูซีมู่ดังขึ้น
“ขอยืมโทรศัพท์มือถือหน่อยสิ”
โทรศัพท์มือถือ? โล่เฟยเอ๋อเงยหน้ามองไปทางซูซีมู่
ซูซีมู่จึงอธิบาย: “ผมลืมเอาโทรศัพท์มา ขอยืมของคุณหน่อย ผมจะโทรหาโจวเฉิน”
“คือว่า…โทรศัพท์ฉัน…เสียแล้ว” โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยน้ำเสียงอึกอัก
ซูซีมู่ตอบเรียบ ๆ “ออ” แล้วไม่ถามโล่เฟยเอ๋อว่าทำไมจู่ ๆ โทรศัพท์ก็เสีย พูดเพียงว่า: “เดี๋ยวให้โจวเฉินเตรียมเครื่องใหม่ไว้ให้คุณ”
โล่เฟยเอ๋อเดิมคิดจะปฏิเสธและคำพูดติดอยู่ที่มุมปาก สุดท้ายได้แต่กลืนมันกลับไป
ก็แค่โทรศัพท์เครื่องหนึ่ง? เธอจะใช้เงินเขาเท่าไหร่กันเชียว? มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว?
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อก่อนเขาก็เคยให้โทรศัพท์มือถือเธอ คิดถึงตอนนั้น โล่เฟยเอ๋อจ้องมองด้วยความงุนงง…
ซูซีมู่มองดูใบหน้าที่งุนงงของโล่เฟยเอ๋อ ด้วยแววตาเศร้าใจ
เขารู้ว่าเมื่อวานโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อโดนรถทับจนเสีย จึงได้ขอยืมโทรศัพท์จากเธอ เพื่ออยากจะให้โล่เฟยเอ๋อ
บอกกับเขาเรื่องที่เธอเกือบถูกรถชนเมื่อคืนนี้ แต่เธอกลับไม่พูดถึงมันสักคำ พูดเพียงว่าโทรศัพท์เธอเสียแล้ว…
เพราะใกล้ถึงเวลางานของโล่เฟยเอ๋อแล้ว ซูซีมู่จึงให้คนขับรถหลี่ จอดรถที่หน้าประตูร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋
ถ้าก่อนหน้านี้เป็นรถเบนซ์ก็ยังพอไหว แต่เนื่องจากการชนท้ายครั้งก่อน หลังจากซูซีมู่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อถูกคนที่ขับ Maserati ต่อว่าเธอว่าเป็นคนจน ซูซีมู่รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ดังนั้นรถคันใหม่ถึงแม้จะยังเป็นรถนำเข้าเหมือนเดิม แต่ได้รับการตกแต่งอย่างดีและเป็นรถกันกระสุน แต่ภายนอกยังดูเงาวับด้วย
ทั้งหมดนี้ พวกที่ตั้งใจดูก็สามารถดูออกได้ว่ารถคันนี้เป็นรถเบนซ์ที่หรูหรามาก
รถหรูเช่นนี้แม้จะอยู่บนถนนก็ยังสะดุดตา แล้วยิ่งจอดอยู่หน้าประตูร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ด้วยแล้ว
โล่เฟยเอ๋อลงจากรถ ต่างได้รับความสนใจจากสายตารอบด้าน
โล่เฟยเอ๋อเกลียดความรู้สึกแบบนี้มาก แต่เธอกลับไม่สามารถจะโทษซูซีมู่ได้
เพราะซูซีมู่กลัวว่าเธอจะสาย จึงได้สั่งให้คนขับรถขับรถมาจอดที่หน้าบริษัท
ดังนั้นหลังจากเธอลงจากรถ จึงรีบกล่าวล่าซูซีมู่ “บ๊ายบาย” แล้ววิ่งหนีเข้าบริษัทไป
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อคิดว่าโดนคนมองครั้งเดียวคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สุดท้ายเรื่องข่าวเธอนั่งรถหรูมาทำงานเหมือนกางปีกบิน ไม่ถึงครึ่งวันข่าวก็แพร่สะพัดไปทั้งบริษัท
พอข่าวแพร่ออกไปข่าวลือก็เริ่มกระพือ
มีคนบอกว่าโล่เฟยเอ๋อมีเสี่ยเลี้ยง
บางคนบอกว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นคนรวย
และยังมีคนบอกว่าโล่เฟยเอ๋อตกถังข้าวสาร
แต่จากทั้งหมด คนส่วนใหญ่บอกว่าโล่เฟยเอ๋อมีเสี่ยเลี้ยง
ในเมื่อถ้าโล่เฟยเอ๋อเป็นคนรวยหรือตกถังข้าวสาร โล่เฟยเอ๋อจะยังมาทำงานที่ร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋และรับเงินเดือนไม่ถึงห้าพันหยวนหรอ?
เมื่อถึงเวลามื้อเที่ยง โล่เฟยเอ๋อกับเรือนหลิงเดินเข้ามาในโรงอาหารพนักงาน พนักงานหลายคนต่างพากันชี้ไปที่เธอ แล้วพูดถึงเรื่องเสี่ยเลี้ยง
สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อเปลี่ยนไปจนดูแย่ เธอไม่เคยโดนข่าวลือแย่ ๆ แบบนี้มาก่อน
เรือนหลิงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนโล่เฟยเอ๋อ “พวกคุณหุบปากไปเลย”
“กล้าทำไม่กล้ารับรึไง” เพื่อนร่วมงานผู้หญิงมองไปที่โล่เฟยเอ๋อด้วยความดูถูก
“เรื่องไร้สาระพวกนี้ ไม่ต้องเอาใส่ความเฟยเอ๋อ” เรือนหลิงปกป้องโล่เฟยเอ๋อ
พนักงานสาวคนนั้นยิ้มเยาะแล้วพูด: “เรื่องไร้สาระ? อย่างนั้นเธอก็ถามเธอสิว่าทำไมมีรถหรูมาส่งเธอ? อย่าบอกนะว่าบ้านเธอรวย คนรวยจะมาทำงานที่บริษัทพวกเราหรอ?”
เรือนหลิงโต้แย้งด้วยความโมโห “บ้านเธอไม่รวยเลยนั่งรถหรูไม่ได้หรอ? ฉันว่าพวกเธอก็เป็นแค่พวกองุ่นเปรี้ยว”
“ชิส์ พวกที่ใช้วิธีการขายเพื่อให้ได้มาซึ่งการนั่งรถหรู ใครเขาจะอิจฉา? หึ ๆ ๆ เธอปกป้องหล่อนขนาดนี้ เธอก็ไม่พ้นพวกเด็กเสี่ยเหมือนกันสินะ?”
“เธอพูดว่าไงนะ?” เรือนหลิงพับแขนเสื้อคิดอยากจะเข้าไปต่อยคน
โล่เฟยเอ๋อดึงแขนของเรือนหลิงไว้ “เรือนหลิง ช่างเถอะ”
เรือนหลิงสะบัดมืออย่างแรง จากนั้นเพื่อนพนักงานพวกนั้นก็มองโล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาหยามเหยียดแล้วจากไป
เรือนหลิงยังคงโมโห เธอเดินไปด้วยและพูดไปพลาง: “ทำไมเธอไม่ยอมให้ฉันตบพวกนั้นสักทีสองที?”
“ให้พวกนั้นพูดไปเถอะ ปากก็ปากเขานี่” โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ปล่อยให้พวกนั้นพูดหรอ? เธอก็แค่นั่งรถหรูไม่ใช่หรอ? มันเกี่ยวอะไรกับพวกนั้นด้วย…” เรือนหลิงพึมพำอย่างเจ็บแค้น
โล่เฟยเอ๋อมองเรือนหลิงด้วยความลำบากใจ และไม่พูดจา