งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 20
บทที่ 20 อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปเพราะเขา
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อกลับไปที่บ้านของหซิวหชูเฉียว หซิวหชูเฉียวกำลังจะกินข้าวเย็น เห็นโล่เฟยเอ๋อเข้ามา เธอก็รีบทักทายเธอทันที “เฟยเอ๋อ ทำไมวันนี้เธอกลับมาช้าล่ะ? รีบไปล้างมือมากินข้าวเร็ว”
“มีเรื่องล่าช้านิดหน่อยน่ะ” โล่เฟยเอ๋อเดินเข้าห้องไปด้วยพูดไปด้วย “เธอกินก่อนเลย ฉันเอากระเป๋าไปวางบนห้องก่อน”
“เธอรีบออกมานะ” หซิวหชูเฉียวพยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อ ‘อือ’ หนึ่งคำ แล้วก็เดินเข้าห้อง
หลังจากวางกระเป๋าลง ก็ส่งข้อความหาซูซีมู่ ก่อนว่า “ฉันถึงบ้านแล้วนะคะ” แล้วจึงลงไปที่ห้องอาหารเพื่อกินข้าวกับหซิวหชูเฉียว
ตอนที่กินข้าวโล่เฟยเอ๋อก็พูดคุยกับหซิวหชูเฉียว พูดคุยจนโล่เฟยเอ๋อพูดเรื่องเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเชิญไปงานแต่งงาน
“ให้เธอพาแฟนไปด้วย?” หซิวหชูเฉียวเลิกคิ้ว
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วและตอบว่า “ใช่ไง ฉันเลยไม่อยากไป”
“ไม่ใช่แค่ผู้ชายเหรอ? ยากขนาดนั้นเลยเหรอ?” หซิวหชูเฉียวส่ายหัว แล้วพูดว่า “เธอหาเพื่อนผู้ชายไปด้วยก็ได้แล้ว”
เพื่อนผู้ชาย? จิตใต้สำนึกในใจของโล่เฟยเอ๋อ ก็ปรากฏใบหน้าของซูซีมู่
เขาเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวของเธอเท่านั้น แต่ว่า….เขาคงไม่ตอบตกลงจะไปกับเธอหรอกมั้ง?
“เขาคงไม่ไปหรอก!” โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สังเกตเห็น ว่าเธอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
หซิวหชูเฉียวที่นั่งตรงกันข้ามเปิดตากว้างราวกับค้นพบโลกใบใหม่ “เฟยเอ๋อ เธอรู้จักเพื่อนผู้ชายจริงๆ?” ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของโล่เฟยเอ๋อ หซิวหชูเฉียวรู้อยู่แล้วว่า โล่เฟยเอ๋อปีนี้ ผู้ชายคนเดียวที่รู้จักก็คือกู้ชิงหลันคนเลวเท่านั้น ตอนนี้ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่ารู้จักผู้ชายคนหนึ่ง ดูเหมือนความสัมพันธ์จะดีด้วย แน่นอนว่าทำให้หซิวหชูเฉียวประหลาดใจ
ใบหน้าที่อึดอัดของโล่เฟยเอ๋อ รีบส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ “ไม่มี”
“ไม่มี?” เห็นได้ชัดว่าหซิวหชูเฉียวไม่เชื่อ เธอพูดไปทางโล่เฟยเอ๋อว่า “รีบพูดมานะ”
โล่เฟยเอ๋อก็หมดหนทางที่จะพูดกับหซิวหชูเฉียวเรื่องซูซีมู่ จะบอกว่าไม่สนิท แต่เธอก็เคยไปบ้านของเขาแล้ว รู้ว่าตำแหน่งของเขาสูงมากที่บริษัทดี้ก้วน ถ้าบอกว่าสนิท ตอนนี้แม้กระทั่งชื่อของเขาเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
คิดไปสักพัก โล่เฟยเอ๋อพูดขึ้นว่า “พึ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ไม่ถือว่าสนิท ฉันรู้จักแค่นามสกุลซูของเขา”
“หา?” หซิวหชูเฉียวตะลึง
โล่เฟยเอ๋อยักไหล่ การแสดงออกที่แค่นั้นแหละ
หซิวหชูเฉียวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ได้ฟังเธอแล้วก็ดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่ได้จริงๆ ฉันแนะนำให้เธอคนหนึ่งปะ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวโดยไม่ต้องคิด “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีนะ”
โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างนั้น หซิวหชูเฉียวตามธรรมชาติก็ไม่พูดอะไรมาก
หลังจากกินข้าวเย็นกับหซิวหชูเฉียวเสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็คุยกับเธอสักพัก ถึงกลับห้อง
พอเข้าห้อง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลยอย่างแรก
ซูซีมู่ตอบ ‘อือ’ กลับมาให้เธอ เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
มุมปากของโล่เฟยเอ๋อโค้งขึ้น ตอบไปอักประโยคว่า “พึ่งกินข้าวเสร็จค่ะ คุณกินข้าวหรือยังคะ?”
ซูซีมู่อาจจะพักแล้ว จึงไม่ได้ตอบกลับมา
โล่เฟยเอ๋อเหลือบตามองโทรศัพท์ จากนั้นก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียง
หลังจากนั้นก็นำแฟ้มภาพออกมาจากกระเป๋า เดิมทีตั้งใจจะวาดออกแบบ แล้วก็ค่อยนอน
สรุปคือวาดไปวาดมา บนภาพวาดก็หลายเป็นใครสักคน
เมื่อตอนที่โล่เฟยเอ๋อสติกลับมา รูปของใครบางคน ก็ถูกวาดลงไปแล้ว
ใบหน้าที่หล่อเหลา นิสัยที่เฉยเมยและหยิ่ง
“ทำไมฉันถึงวาดเขาลงไป…” โล่เฟยเอ๋อพูดพึมพำอย่างหัวเสีย หยิบกระดาษ เตรียมที่จะขยำและทิ้งลงขยะ
แต่มองดูภาพวาดคนบนกระดาษ การเคลื่อนไหวของเธอก็หยุดลง
พอหยุด เธอก็สอดกระดาษเข้าไปในด้านหลังของแฟ้มภาพอย่างระวัง
หลังจากนั้นก็เก็บแฟ้มภาพในกระเป๋าอย่างระวัง จึงนอนลงบนเตียงและหลับตา
คิดเกี่ยวสิ่งที่หซิวหชูเฉียวพูด ถ้าเธอบอกกับเขาให้ไปกับเธอ เขาจะตอบตกลงไหม?
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมา โล่เฟยเอ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเป็นอย่างแรก เห็นข้อความตอบกลับของซูซีมู่ที่ส่งมาให้เธอตอนเจ็ดโมงเช้า
“เมื่อคืนผมนอนเร็ว ก็เลยพึ่งเห็น”
โล่เฟยเอ๋อมุมปากโค้ง แล้วตอบกลับว่า “ฉันเดาไว้แล้วค่ะ”
ตอนที่เธอแปรงฟัน คำตอบของซูซีมู่ก็ส่งมาอีกครั้งว่า “อือ ตื่นแล้ว?”
“พึ่งตื่นค่ะ ทำไมคุณตื่นเช้าจังเลยคะ?” โล่เฟยเอ๋อมือหนึ่งแปรงฟัน อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์ตอบกลับซูซีมู่
“บริษัทมีปัญหา”
“คุณกินข้าวเช้าหรือยังคะ?”
“กินแล้ว!”
……..
วันนี้ซูซีมู่ดูเหมือนจะยุ่งมาก นอกจากในตอนเช้าโล่เฟยเอ๋อจะส่งข้อความมาให้เขาแล้ว เขาก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ข้อความอื่นๆ เป็นเวลานานกว่าเขาจะมาตอบ
เมื่อเทียบกับซูซีมู่ที่ยุ่ง แต่โล่เฟยเอ๋อกลับค่อนข้างว่าง
หลังจากเธอวาดภาพที่ หลินยี่อธิบายเสร็จแล้ว ก็ยังวาดภาพที่ตัวเองคิดออกแบบเองด้วย
ในที่สุดเธอก็เบื่อ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
กลุ่มคลาสในมหาวิทยาลัย ทุกคนกำลังพูดถึงการไปร่วมงานแต่งของเพื่อน
แต่ละคนก็บอกว่าจะพาแฟนไป โล่เฟยเอ๋อเล็งไปที่ข้อความของถังหซิวฉีที่บอกว่าจะพาแฟนไปด้วย ก็กัดริมฝีปากอย่างแรง
หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าแรงกระตุ้นมาจากไหน ปิดแชทกลุ่มในWechat หลังจากนั้นก็ส่งข้อความหา ซูซีมู่
“พรุ่งนี้คุณว่างไหมคะ? ฉันอยากให้คุณช่วยฉันหน่อยค่ะ”
หลังจากส่งไปแล้ว เธอพึ่งรู้ตัวว่าเธอทำอะไรลงไป
น่าเสียดายที่ข้อความไม่ใช่Wechat ไม่สามารยกเลิกข้อความได้
โล่เฟยเอ๋อจ้องข้อความบนหน้าจอ อยากจะร้องไห้ออกมา
เธอส่งมันไปทำไมนะ? ถ้าเขาไม่ว่างล่ะ? ถ้าเขาไม่ช่วยล่ะ? จริงๆแล้วคนที่ทำเป็นปีศาจ!
แต่ข้อความก่อนหน้าซูซีมู่ก็ไม่ได้ตอบกลับเธอ
ในใจของโล่เฟยเอ๋อพูดไม่ถูกว่ารู้สึกอะไร
ตลอดทั้งช่วงบ่ายก็วุ่นวายตลอด
ตอนเลิกงานก็เจอกับถังหซิวฉี เผชิญหน้ากับการพูดกระแทกแดกดันของเธอ เธอก็ไม่สนใจที่จะตอบสนองอะไร
หลังจากออกมาจากบริษัท เธอก็เดินไปอย่างไร้จุดหมาย
ตอนที่ผ่านสี่แยกอาคารอวิ๋นเหซียง เธอนึกออกว่าร้านเค้กที่เธอชอบอยู่ใกล้ๆ
พิจารณาสักพัก เธอตัดสินใจที่จะหันหลังกลับไปซื้อ
คนในร้านเค้กเยอะมาก โล่เฟยเอ๋อเข้าแถวนานกว่าสิบนาที เมื่อถึงคิวเธอ โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อเธอก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของซูซีมู่ เธอก็กดรับโดยไม่ต้องคิด “ฮัลโหลค่ะ”
“ให้ช่วยอะไร?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาพูดกลับมา
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบสนองต่อความหมายของซูซีมู่ “หะ?”
“ในข้อความของคุณ….” โล่เฟยเอ๋อยังฟังที่ซูซีมู่ พูดไม่จบ เสียงของพนักงานขายก็เข้ามา “คุณคะ ต้องการอะไรคะ?”
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วและตอบไปว่า ‘ทิรามิสุหนึ่งชิ้นค่ะ’
หลังจากนั้นก็คุยโทรศัพท์ต่อว่า “คือ….ฉันได้ยินไม่ชัดที่คุณพูดเมื่อกี้ คุณพูดอีกรอบได้ไหมคะ?”
ซูซีมู่ไม่ได้พูดซ้ำ แค่ถามว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ด้านอาคารอวิ๋นเหซียงค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยความสงสัยเล็กน้อย
ซูซีมู่ โยนไปอีกประโยคว่า “”คุณรอผมอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ไป
โล่เฟยเอ๋อจ้องโทรศัพท์ที่วางสายไปอยู่หลายวินาที ตระหนักความหมายของซูซีมู่ว่าจะมาหาเธอ
หลังจากคิดถึงคำตอบนี้ อารมณ์ที่เศร้าหมองของโล่เฟยเอ๋อในช่วงบ่าย ก็สดใสขึ้นทันที
เธอไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่า อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปเพราะซูซีมู่