งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 214
บทที่214 เกือบโดนคนอื่นชนจนตกบันได
จนเมื่อเสียงของซูซีมู่ดังขึ้น “นี่เพลงอะไรอ่ะ?”
โล่เฟยเอ๋อหันหน้ามา มองไปทางซูซีมู่ทีนึง แล้วค่อยตอบ “ซ่อนคุณไว้ในใจค่ะ”
“ไม่เคยฝันว่าจะมีคุณตลอดไป เพียงแค่อยากซ่อนคุณไว้ในใจของฉันในชาตินี้…..”เสียงเพลงค่อยๆเบาลง สุดท้ายก็หายไป “
และสองมือของวางไว้บนพวงมาลัยรถ ไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรด้วย
จนเมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์จากด้านหลัง ทำให้ซูซีมู่ตื่นขึ้นมา
ที่แท้ก็ไม่รู้ว่าถนนที่รถติดนี้ได้โล่งแล้ว แล้วเขากำลังเหม่อลอยอยู่ ก็เลยไม่ได้ขยับ ทำให้รถคันด้านหลังเขารู้สึกหงุดหงิด ก็เลยบีบเสียงแตรรถใส่เพื่อเร่งเขา
หลังจากซูซีมู่ตอบเบาๆไปว่า’ก็น่าฟังดีนิ’ สองมือก็ควบคุมพวงมาลัย ขับเร่งความเร็วไปด้านหน้าอย่างเชี่ยวชาญ
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปพักนึง ถึงรับรู้ได้ว่าที่เมื่อกี้ซูซีมู่พูด นั่นหมายถึงความรู้สึกที่มีต่อเพลง《ซ่อนคุณไว้ในใจ》
“ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบรับไปหนึ่งคำ สายตาค่อยๆหันมามองใบหน้าด้านข้างของซูซีมู่
ฉันซ่อนคุณไว้ในใจ ทำได้เพียงซ่อนคุณไว้ในใจ…..
ลดได้ขับไป 1 ชั่วโมงกว่า จึงถึงซินหยูจู
เข้าไปในห้องโถง หลังจากบอกเลขห้องให้พนักงานบริการ พนักงานบริการก็พาพวกเขาไปบนตึกห้องชั้นสองอย่างมีมารยาท
หลังจากโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่นั่งที่เรียบร้อยแล้ว พนักงานบริการก็ยื่นเมนูอาหารให้พวกเขาดู
ซีมู่มีสายเรียกเข้าพอดี ก็เลยกล่าวกับโล่เฟยเอ๋อว่า:”คุณสั่งเลย ผมรับสายก่อน”
ทีแรกโล่เฟยเอ๋อกะจะบอกว่ารอเขาคุยโทรศัพท์เสร็จค่อยสั่ง แต่เห็นซูซีมู่คำว่ารักก็พูดเรื่องหุ้นตกอะไรต่างๆนาๆ ก็เลยหุบปากไม่พูด แล้วเริ่มเปิดดูเมนูอาหาร
ราคาอาหารแพงเหมือนที่เธอคาดเอาไว้ไม่มีผิด โล่เฟยเอ๋อตกใจจนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก สั่งอาหารไป 5อย่างและซุปอีก1ชาม ล้วนแล้วเป็นเมนูที่ซูซีมู่ชอบ
พวกเขาสองคน กับอาหาร5อย่างบวกซุป1ชามก็เพียงพอแล้ว โล่เฟยเอ๋อมองซูซีมู่แว็บนึง แล้วปิดแฟ้มเมนูอาหาร “แค่นี้ค่ะ”
“โอเคค่ะ คุณหนู” พนักงานบริการยิ้มแย้มพยักหน้าให้ เก็บเมนูอาหาร แล้วออกไปจากห้อง
จนเมื่อเริ่มเสิร์ฟอาหารซูซีมู่ ถึงวางสายมือถือ
เมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “พนักงาน ขอสั่งเพิ่มครับ
“อาหาร5อย่างกับซุป1ชาม น้อยไปหรอคะ?” โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความแปลกใจ
ซูซีมู่ไม่พูดอะไรแต่ให้พนักงานเพิ่มอาหารที่โล่เฟยเอ๋อชอบทานอีก10 อย่าง
เมนูอาหาร12อย่าง วางเต็มโต๊ะ แต่ละเมนูดูเริดและสีสันน่ารับประทาน ทั้งกลิ่นหอมรสชาติดีกลมกล่อมสุดๆ โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ทานอย่างเอร็ดอร่อยอารมณ์ดีมาก
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ ส่วนซูซีมู่ไปเอารถที่ลานจอดรถ
หลังจากโล่เฟยเอ๋อออกมาจากห้องน้ำ ตอนแรกยังคิดว่าจะลงทางลิฟต์ แต่เธอเดินผ่านทางเดินบันไดพอดี
คิดๆดูแล้วจะเดินไปลิฟต์ฝั่งนั้นต้องใช้เวลาหลายนาที แต่ถ้าเดินลงทางบันไดอาจจะไวกว่า ก็เลยหันหน้าไปเดินลงทางบันได
แต่นึกไม่ถึงว่า เธอเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าที่รีบมาก
โล่เฟยเอ๋อยังไม่ทันตั้งตัว อีกฝ่ายก็ชนเข้ามาที่เธอ แล้วก็วิ่งลงไปข้างล่างบันได เพียงแป๊บเดียวหายลับไป
ส่วนโล่เฟยเอ๋อเมื่อถูกอีกฝ่ายชน ทั้งตัวเธอก็ล้มไปทางข้างล่างบันได
เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะล้มลงแล้ว โล่เฟยเอ๋อไหวพริบดีรีบยื่นมือจับราวบันไดข้างๆไว้ได้
เท้าลอยอยู่ในอากาศอย่างนั้น ส่วนล่างของร่างกายเธอห้อยอยู่ข้างล่าง ยังดีที่มือเธอคว้าจับราวบันไดไว้ได้ เธอไม่ล้มจนกลิ้งตกบันไดลงไป เพียงแต่ว่าขาเธอรู้สึกปวดมาก น่าจะเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บแล้วสิ
โล่เฟยเอ๋อตั้งตัวให้มั่นคง รอให้ขาไม่ปวดขนาดนั้น ค่อยนั่งลงตรงบันได
เห็นรอยเลือดเปื้อนตรงปลายกางเกงน่องขาซ้าย โล่เฟยเอ๋อสูบลมหายใจเข้า แล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า โทรหาซูซีมู่
ซูซีมู่น่าจะกำลังรอสายจากเธออยู่ เสียงสายเรียกเข้าดังเพียงแค่เริ่มดังก็รับสายแล้ว
“ฮัลโหล?”
ทีแรกโล่เฟยเอ๋อยังทนความปวดไว้อยู่ แต่พอได้ยินเสียงซูซีมู่แค่นั้นแหละ เธอกั้นไม่ไหวที่จะร้องไห้โฮออกมา “ซูซีมู่ ฉันหกล้ม”
เสียงที่ร้อนใจของซูซีมู่ส่งมา “เจ็บตรงไหนไหม?คุณอยู่ไหน? ”
“ปวดเท้าค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบความสูดลมหายใจ
ซูซีมู่ถามอีกครั้งว่า “ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”
โล่เฟยเอ๋อสูดจมูกทีนึงพร้อมกล่าวว่า:”ฉัน….อยู่ทางเดินลงบันได”
“คุณรอผมอยู่ตรงนั้นนะ”ซูซีมู่พูดคำนี้จบ ก็ตัดสายทิ้งทันที
โล่เฟยเอ๋อยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า และนั่งลงตรงบันไดรอซูซีมู่
ซูซีมู่ว่องไวมาก เพียงไม่ถึง 5 นาทีก็มาถึงแล้ว
เห็นปลายขากางเกงของโล่เฟยเอ๋อเต็มไปด้วยเลือด ซูซีมู่ทำหน้าเข้มทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“นี่คุณเดินท่าไหนเนี่ย? ถึงได้ล้มขนาดนี้”
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกขมขื่นกับการที่ต้องเจ็บตัวอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกซูซีมู่ทำหน้าเข้มตะคอกใส่อีก ยิ่งรู้สึกขมขื่นขึ้นไปอีก
“ไม่ใช่ว่าฉันล้มเองซะหน่อย ก็ฉันถูกคนอื่นชนนิ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันรีบจับราวบันไดไว้ ฉันคงจะกลิ้งลงบันไดไปแล้วด้วยซ้ำ”
ตอนแรกซูซีมู่ก็ไม่พอใจเรื่องที่โล่เฟยเอ๋อหกล้มอยู่แล้ว ตอนนี้มาได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่า เป็นคนอื่นที่ชนเธอ แถมยังทำให้เธอเกือบล้มกลิ้งลงบันไดอีก สีหน้าเต็มไปด้วยพลังความน่ากลัว
แต่ตอนนี้ซูซีมู่ไม่มีเวลาจัดการปัญหาพวกนั้น เขาต้องส่งโล่เฟยเอ๋อไปโรงพยาบาลก่อน
“ผมพาคุณไปโรงพยาบาลนะ”ซูซีมู่พูดจบ ก็ยื่นมือไปกะว่าจะอุ้มโล่เฟยเอ๋อขึ้นมา แต่กลับถูกโล่เฟยเอ๋อดันมือออกอย่างไม่พอใจ
“ไม่ไป” โล่เฟยเอ๋อเบะปากตอบอย่างน้อยใจ
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดน้ำเสียงงอนแบบนี้ ซูซีมู่ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลย
แน่นอน เขารู้ว่าที่โล่เฟยเอ๋อทำแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเมื่อกี้เขาตะคอกใส่เธอ ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจ
เสียงซูซีมู่นุ่มนวลขึ้น “งั้นเรากลับวิลล่ากันเถอะ ผมให้หมอเฉิงไปตรวจอาการให้ที่วิลล่าโอเคมั้ยครับ?”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปหลายวินาที ถึงตอบ’อืม’เบาๆหนึ่งคำ
ได้รับความยินยอมจากโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ถึงโน้มตัวลง แล้วอุ้มเธอขึ้นด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง
อุ้มโล่เฟยเอ๋อตลอดทางที่ออกจากซินหยูจู หลังจากวางโล่เฟยเอ๋อลงบนเบาะรถยนต์อย่างระมัดระวัง ซูซีมู่จึงโทรหาหมอเฉิง ให้เขาไปตรวจรักษาโล่เฟยเอ๋อที่วิลล่า
หลังจากโทรเสร็จ ซูซีมู่ก็สตาร์ทรถ กลับวิลล่า
ซูซีมู่ขับรถด้วยความเร็วสูงตลอดทาง จากระยะทางที่ต้องใช้เวลา2ชั่วโมง เขาใช้เพียง1ชั่วโมง
รถถึงวิลล่า หลังจากซูซีมู่ดับเครื่องยนต์เสร็จ ก็รีบลงจากรถ เดินวนไปอีกฝั่ง เปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ อุ้มโล่เฟยเอ๋อออกมาจากรถ
คุณใช้ในวิลล่าได้ยินเสียง จึงรีบมาเปิดประตู
คนใช้เห็นซูซีมู่กำลังอุ้มโล่เฟยเอ๋อ และปลายขากางเกงของโล่เฟยเอ๋อเปื้อนด้วยเลือด ทันใดนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณนายเป็นอะไรไปหรอคะ?”
ซูซีมู่ไม่ตอบคนใช้ เพียงแค่ถามว่า “หมอเฉิงมาหรือยัง ?”
“ยังเลยฮะ”คนใช้ตอบ
ซูซีมู่ไม่พูดอะไรอีก อุ้มโล่เฟยเอ๋อไปยังชั้นบนตึก คนใช้ก็รู้งาน วิ่งเหยาะตามไปช่วยซูซีมู่เปิดประตู
เมื่อถึงห้อง ซูซีมู่เกรงว่ากระดูกโล่เฟยเอ๋อจะได้รับบาดเจ็บ ก็เลยไม่กล้าขยับตัวโล่เฟยเอ๋อ เพียงแค่ช่วยโล่เฟยเอ๋อถอดรองเท้า และให้เธอนอนบนเตียง
หลังจากนั้นประมาณ 2 นาที ชั้นล่างตึกมีเสียงแตรรถยนต์
ซูซีมู่มองผ่านหน้าต่างแว็บนึง เห็นว่าเป็นรถของหมอเฉิง จึงรีบสั่งให้คนใช้ลงไปเปิดประตูให้