งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 233
บทที่ 233 เธอฆ่าลูกของฉัน
เดิมทีซูซีมู่คิดว่าเรื่องรังนกนี้เป็นเพียงบทสนทนาโดยบังเอิญเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่ารังนกจะกลายเป็นความเจ็บปวดในชีวิตเขา
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ก็ได้นั่งดูทีวีกันอยู่ที่โซฟา ผ่านไปสักพักโทรศัพท์ของซูซีมู่ก็ดังขึ้น เป็นโจวเฉิงที่โทรเข้ามา
“ประธานซูครับ ผมมีเรื่องรายงานให้ทราบครับ”
ซูซีมู่ตอบกลับเพียง “อืม” จากนั้นก็หันไปทางโล่เฟยเอ๋อ ทำท่าทางให้เธอรู้ว่าเขาจะขึ้นไปคุยโทรศัพท์ด้านบน แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนไป
“ที่คุณให้ผมสืบหาคนที่ใกล้ชิดกับคุณผู้หญิงในระยะนี้นั้น พบว่ามีคนหนึ่งที่ปรากฏตัวอยู่ข้างคุณผู้หญิงบ่อย ๆ ครั้งแรกคือที่ทางแยกหยู้ผินเซียงที่คุณผู้หญิงเกือบจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ครั้งที่สองคือซินหยูจูที่คุณผู้หญิงเกือบจะตกบันไดลงมา ครั้งที่สามคือวันที่คุณผู้หญิงเกิดเรื่องวันนั้น ที่หน้าประตูใหญ่ของบริษัทดี้ก้วนครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวเฉิงพูด ซูซีมู่ก็เข้าใจทันทีว่าหมายความว่ายังไง
ในโลกนี้จะมีอะไรที่บังเอิญขนาดนั้น ทุกครั้งที่โล่เฟยเอ๋อเกิดเรื่อง คนคนนั้นจะต้องอยู่ในเหตุการณ์เสมอ
“เป็นใคร” น้ำเสียงของซูซีมู่ฟังดูราบเรียบ แต่ก็เย็นชาเคร่งขรึม
“คนนั้นชื่อหวางจินรุ่ย หลายปีก่อนมั่วสุมอยู่ในแก๊งของเมือง A ก่อเรื่องจนทำให้คนอื่นถึงแก่ชีวิตเลยถูกจับเข้าคุก ปีก่อนเขาออกจากคุกมาแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มปรากฏตัวอยู่ใกล้กับคุณผู้หญิงตลอด”
ซูซีมู่ถามกลับไปอย่างเย็นชา “เจอตัวมันหรือยัง”
“จับได้แล้วครับ แต่มันปากแข็งมาก ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักคำ” โจวเฉิงพูดอย่างหัวเสีย
สีหน้าของซูซีมู่เคร่งขรึมดุดันอย่างมาก พูดเพียงว่าพรุ่งนี้ฉันจะต้องรู้ความจริง จากนั้นก็กดตัดสายไป
หลังจากวางสาย ซูซีมู่ก็จัดการอารมณ์ของตัวเอง แล้วค่อยลงไปชั้นล่าง
โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่ลงมาจากชั้นบน ก็ยิ้มกว้างให้เขาแล้วเอ่ยถาม “คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ”
“อืม เสร็จแล้ว” ซูซีมู่พยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อยกถาดที่วางผลไม้ขึ้นมา แล้วเอ่ยเรียก : “มากินผลไม้กัน คนรับใช้เพิ่งปอกมาให้”
ซูซีมู่ตอบกลับสั้น ๆ ว่า อืม จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ เธอ
หลังจากที่ซูซีมู่นั่งลง โล่เฟยเอ๋อก็หยิบส้อมขึ้นมาจิ้มแอปเปิลหนึ่งชิ้น ยื่นไปที่ปากของซูซีมู่ “นี่แอปเปิลที่นายชอบ”
สีหน้าของซูซีมู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็อ้าปากกัดแอปเปิบเข้าปาก
ตอนที่สีหน้าของซูซีมู่เปลี่ยนไป โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกตัวว่าการกระทำของตัวเองช่างดูคลุมเครืออะไรอย่างนี้
ที่จริงก็ไม่คลุมเครือเท่าไหร่หรอก ตอนที่ซูซีมู่ดูแลเธอช่วงก่อนหน้านี้ การกระทำเขาคลุมเครือยิ่งกว่านี้ซะอีก
โล่เฟยเอ๋อนึกหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองในใจ ทานผลไม้ไป ป้อนผลไม้ไปไม่หยุด เพียงแต่หูที่แดงของเธอนั้น ทำให้ดูออกว่าเธอรู้สึกยังไง
แต่ซูซีมู่กลับไม่ได้สังเกตถึงหูที่แดงของโล่เฟยเอ๋อ สมาธิของเขาทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการที่โล่เฟยเอ๋อป้อนผลไม้เขา
ขณะที่ผลไม้ในถาดถูกทานจนหมด เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ผลไม้ในถาดนี้น้อยเกินไปแล้ว…
วันถัดมา ยังไม่ทันเจ็ดโมงเช้า โทรศัพท์ของซูซีมู่ก็ดังขึ้น
“ประธานซูครับ พวกเราได้คำตอบแล้ว หวางจินรุ่ยรู้จักกับคุณนายโล่เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่มันออกจากคุก คุณนายโล่ก็ติดต่อหามัน แล้วให้มันช่วยเธอจัดการเรื่องนี้ให้”
“เห้อจิ้นเหยางั้นเหรอ” ซูซีมู่หรี่ตาลง
“ใช่ครับ เห้อจิ้นเหยา” โจวเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเรื่องที่เห้อจิ้นเหยาทำให้ซูซีมู่ฟัง “เห้อจิ้นเหยาเกลียดแม่ของคุณผู้หญิงมาก…”
“วันนั้น เห้อจิ้นเหยาใช้ให้หวางจินรุ่ยนำกระติกน้ำร้อนมาส่งที่บริษัทดี้ก้วน คุณผู้หญิงเป็นคนออกมารับของ ส่วนในกระติกน้ำร้อนนั้นมีอะไร พวกเรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ…”
โจวเฉิงยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็พูดขึ้นมาว่า “ในกระติกน้ำร้อนนั้นคือรังนก”
ในที่สุดซูซีมู่ก็รู้แล้วว่าทำไมค่ำวันนั้นตอนที่โล่เฟยเอ๋อพูดว่าเธอชอบรสชาติรังนกที่เปรี้ยว ๆ นั้น เขาถึงได้รู้สึกแปลก ๆ
คนท้องจะชอบทานของที่มีรสชาติเปรี้ยว และที่รังนกนั้นมีรสชาติเปรี้ยว ก็เป็นเพราะเห้อจิ้นเหยาจงใจทำให้รสชาติถูกปากโล่เฟยเอ๋อ
โจวเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ “ประธานซู คุณรู้ได้ยังไงกันครับ”
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ เขาจะไม่รู้ได้ยังไงกัน
มือของซูซีมู่กำโทรศัพท์แน่นจนปลายนิ้วสั่นไปหมด นัยน์ตาแดงก่ำราวกับลุกโชนไปด้วยเลือด สีหน้าดูเหี้ยมโหดและเจ็บปวดมาก
เขาเม้มปากอย่างแรง เหมือนกับกำลังอดกลั้นอะไรไว้อยู่
ผ่านไปไม่กี่วินาที ซูซีมู่จึงกัดฟันพูดออกมาว่า : “เธอฆ่าลูกของฉัน”
ด้านโจวเฉิงนั้นยังพึมพำสั่งการให้ลูกน้องตรวจสอบเรื่องรังนกอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินซูซีมู่พูดว่าเธอฆ่าลูกของฉัน ก็รีบหยุดพูดทันที
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เหมือนจะคิดได้ว่าเสียงมาจากไหน จึงถามไปว่า “ประธานซูครับ คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ในรังนกนั้นใส่ยานอนหลับกับดอกคำฝอยเข้าไป” น้ำเสียงของซูซีมู่ดุดันราวกับอสูรที่มาจากนรก
โจวเฉิงเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินที่ซูซีมู่พูดว่าเธอฆ่าลูกของเขา กับที่พูดว่าในรังนกใส่ยานอนหลับกับดอกคำฝอย เขาก็เข้าใจได้ทันที
เห้อจิ้นเหยาใช้ดอกคำฝอยฆ่าลูกของประธานซู!
โจวเฉิงเก็บอาการตื่นตระหนกไว้ในใจ จากนั้นก็เอ่ยถาม “เป็นลูกของคุณกับคุณผู้หญิงเหรอครับ”
ลูกของคุณกับคุณผู้หญิง ประโยคนี้ เหมือนเชื้อเพลิงเติมเข้ากองไฟ ทันใดนั้นก็ยิ่งทำให้ซูซีมู่โมโหมากขึ้นไปอีก
ซูซีมู่ที่ใจเย็น สงบนิ่งมาตลอด อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนราวกับคนบ้า เขาขว้างโทรศัพท์ในมือจนแตกแล้วก็ออกไป
โทรศัพท์ขว้างไปโดนกรอบรูปที่แขวนอยู่บนฝาผนังพอดี จึงมีเสียง เพล้ง ดังขึ้น กรอบกระจกที่ใส่รูปแขวนฝาผนังนั้นแตกกระจาย เศษกระจกร่วงหล่นลงบนพื้น
แต่ซูซีมู่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยรังสีอำมหิต
หน้าอกเขากระเพื่อมขึ้นลง ในใจของเขากำลังถูกแผดเผาด้วยความโกรธแค้น ถ้าตอนนี้เห้อจิ้นเหยาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นยังไง ซูซีมู่ต้องจับเธอมาฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่นอน
ซูซีมู่รู้ดีว่าบ้านโล่ไม่ค่อยชอบโล่เฟยเอ๋อสักเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่าเขากำจัดโล่หยิวชิวออกไปแล้ว อีกทั้งควบคุมโล่ชิงไป๋ไว้อยู่หมัดแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก
เหลือไว้เพียงแค่เห้อจิ้นเหยา แต่โล่เฟยเอ๋อรู้สึกดีกับเธอ อีกทั้งเธอก็ดีต่อโล่เฟยเอ๋อ
คิดไม่ถึงเลยว่าเห้อจิ้นเหยา จะเป็นฆาตกรที่ลงมือฆ่าลูกของเขาจนตาย
สมควรตายจริง ๆ ทำไมเขาถึงได้ปล่อยเห้อจิ้นเหยาไว้นะ รู้ทั้งรู้ว่าเห้อจิ้นเหยาเป็นแม่ของโล่หยิวชิว ทำไมเขาถึงได้ไม่ระแวงระวังตัวขนาดนี้นะ
ซูซีมู่เหมือนคนเสียสติ เขาโกรธจนยากจะบรรยาย ใช้มือยกโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงจนคว่ำ
คว่ำโต๊ะแล้วยังไม่พอ เขาเริ่มทุบโคมไฟที่หัวเตียงจนแตก
ทุบโคมไฟเสร็จก็มาทุบโต๊ะน้ำชา จากนั้นก็โซฟา ตู้เสื้อผ้า…
สามารถพูดได้ว่า อะไรก็ตามที่ซูซีมู่เห็น เขาก็จะเข้าไปทุบทำลายอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
การกระทำของซูซีมู่นั้น ช่างน่าตกใจยิ่งนัก
คนที่ตื่นตระหนกตกใจเป็นคนแรก ก็คือโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ห้องข้าง ๆ
โล่เฟยเอ๋อถูกเสียงดังจากการทุบทำลายข้าวของทำให้ตื่น
เธอลืมตาด้วยความงัวเงีย หลังจากที่ได้ยินเสียงทุบทำลายสิ่งของ ซึ่งเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องของซูซีมู่ เธอก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที จากนั้นก็ไปเคาะประตูห้องของซูซีมู่
“ซูซีมู่ นายกำลังทำอะไรน่ะ นายเปิดประตูสิ…”
ซูซีมู่ที่กำลังทำลายข้าวของอยู่นั้น ไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกเลย