งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 27
บทที่ 27 อยู่ต่อเพื่อดูแลเขา
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อซื้อของกลับมา ก็พบว่าซูซีมู่นอนหลับอยู่บนโซฟา
มองเห็นว่าไม่มีอะไรมาห่มไว้เลย โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วพลางเดินเอาของวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็หาผ้ามาห่มให้ซูซีมู่
เมื่อหาผ้าห่มมาได้แล้ว เธอก็ค่อยๆบรรจงห่มให้เข้าช้าช้า
เมื่อเอาผ้าไปคลุมถึงไหล่เขา สายตานั้นก็ถูกใบหน้าของซูซีมู่ดึงดูด
ริมฝีปากของเขาซีดเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนเกือบจะชิด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ถึงแม้จะอยู่ในสภาพของคนป่วยเช่นนี้ เขาก็ยังคงดูดีดังเดิม
โล่เฟยเอ๋ออดไม่ได้ที่จะเหม่อมอง
จนมีเสียงข้อความเข้าดังขึ้น เธอถึงได้สติกลับมา
พบว่าตัวเองนั้นเผลอจ้องซูซีมู่ไปเสียเนิ่นนาน โล่เฟยเอ๋อได้แต่ทำตัวเลิกลั่กหมุนตัวเดินออกไป
เมื่อเดินมาได้สองก้าว เธอก็หยุดฝีเท้าลง ค่อยๆหันกลับมาอย่างระมัดระวัง เห็นว่าซูซีมู่ไม่ได้ถูกเธอรบกวนจนตื่น ก็ค่อยๆเดินกลับมา แล้วเอาของที่อยู่บนโต๊ะเข้าไปในครัว
ซูซีมู่ยังไม่ตื่น โล่เฟยเอ๋อกลัวว่ากับข้าวที่ซื้อเข้ามานั้นจะเสียรสชาติไปเสียก่อน จึงนำออกมาจากกล่องใส่จานแล้วเอาฝาครอบไว้
เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็นำดอกเก๊กฮวยและดอกสายน้ำผึ้งออกมาจากถุง เก็บเข้าไปในตู้เย็นแล้วจึงออกจากห้องครัว
โล่เฟยเอ๋อเดินกลับมาที่ห้องรับแขก เห็นผ้าห่มที่ห่มซูซีมู่อยู่ไหลลงมา ก็ค่อยๆเดินเข้าไปแล้วห่มให้เขาใหม่อีกครั้งอย่างเบามือ
จากนั้นจึงเดินไปที่โซฟาอีกตัว นั่งเล่นโทรศัพท์รอให้ซูซีมู่ตื่น
ซูซีมู่หลับตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน
ซูซีมู่ค่อยๆลืมตา จ้องมองไปบนเพดานอยู่สักพัก นัยน์ตาของเขาถึงขยับไปมองตรงอื่น เขามองไปรอบ ๆ จากนั้นสายตาก็ไปตกอยู่ที่โล่เฟยเอ๋อที่กำลังนั่งก้มหน้ามองโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาอีกตัว
เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?
ซูซีมู่พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น จึงสังเกตเห็นว่าบนตัวมีผ้าห่มคลุมอยู่
โล่เฟยเอ๋อเป็นคนเอามาห่มให้เขางั้นหรือ?
สายตาของซูซีมู่ก็เหลือบไปมองทางโล่เฟยเอ๋อ
แสงแดดยามเย็นทะลุผ่านผ้าม่านตกกระทบบนตัวเธอ เงาของขนตายาวงอนงามบนเปลือกตาที่กำลังจ้องโทรศัพท์อยู่นั้น สะท้อนเป็นเงาลงมาบริเวณรอบดวงตา
ผิวขาวละเอียดอยู่ภายใต้แสงสลัวยามเย็นทำให้ผิวของเธอดูชมพู
ราวกับว่าเธอจะสามารถรู้สึกได้ถึงสายตา โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้น มองกลับมาที่เขา
“คุณตื่นแล้ว? รู้สึกดีขึ้นนิดนึงมั้ยคะ?” โล่เฟยเอ๋อเอ่ยปากถาม
ซูซีมู่ส่งเสียงอึมเบา ๆ ในลำคอ หยิบผ้าที่คลุมตัวอยู่ออก ลุกขึ้นยืนหยิบแล้วน้ำบนโต๊ะชาขึ้นมาเตรียมจะดื่ม
โล่เฟยเอ๋อก็ส่งเสียงหยุดเขาไว้ “อย่าดื่มแก้วนั้น”
มือที่ถือแล้วอยู่ของเขานั้นหยุดชะงักพลางหันไปมองทางโล่เฟยเอ๋อ
“ฉันจะไปต้มชาเก๊กฮวยให้คุณ” โล่เฟยเอ๋อพูดเสร็จก็วางโทรศัพท์ลงบนโซฟา แล้วจึงเดินเขาไปในครัว
ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็ยกแก้วน้ำชาผสมดอกเก๊กฮวยและดอกสายน้ำผึ้งออกมา
ในแก้วมีดอกเก๊กฮวยและดอกสายน้ำผึ้งลอยอยู่ กลีบดอกไม้ทุกใบบานออก มองดูสวยงาม
“ฉัน … ทำครั้งแรก คุณลองชิมดูนะ” โล่เฟยเอ๋อยื่นแก้วชาให้กับซูซีมู่
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นมารับแก้วจากมือเธอไป
โล่เฟยเอ๋อบีบนิ้วเบา ๆ และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เลยถาม “คุณหิวมั้ย? ถ้าหิวแล้ว ฉันจะไปเอากับข้าวที่ซื้อมา ไปอุ่นเสียหน่อย”
จริง ๆ แล้วซูซีมู่ไม่ค่อยอยากอาหารนัก แต่พอคิดว่าโล่เฟยเอ๋ออาจจะรอกินข้าวกลางวันกับเขาตั้งแต่บ่ายจึงพยักหน้า “ได้”
โล่เฟยเอ๋อมองไปทางซูซีมู่พลางยิ้มจนตาหยี แล้วหมุนตัวออกไปอุ่นกับข้าว
ซูซีมู่หันกลับมา ยกแก้วน้ำขึ้นเกือบชิดจมูก
กลิ่นของดอกเก๊กฮวยผสมกับดอกสายน้ำผึ้งโชนมาปะทะกับจมูกเขา ซูซีมู่สูดกลิ่นหอมนี้เข้าไปเต็มปอด รู้สึกว่าสมองที่เคร่งเครียดของเขานั้นผ่อนคลายขึ้นมาก
เขาลองจิบดูคำหนึ่ง มีความหวานติดปลายลิ้น รสชาติดีทีเดียว
ซูซีมู่กำลังจะยกดื่มอีกครั้งก็ได้ยินเสียงดังมาจากในครัว เขาชะงักไปชั่วครู่ เอาแก้วน้ำที่ถืออยู่วางลงบนโต๊ะและพุ่งไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินเข้าไปในครัว เห็นโล่เฟยเอ๋อยืนอยู่หน้าเตากำลังง่วนอยู่กับการใช้ตะหลิว ‘พลิก’ ผักไปมา
ดูจากการเคลื่อนที่ของผัก แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน
เมื่อเห็นซูซีมู่เดินเข้ามา โล่เฟยเอ๋อก็หน้าแดง “คือ …ขอโทษ ฉันทำไม่ค่อยเป็น”
“ผมเอง” ซูซีมู่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากนัก
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วถอยไปยืนข้าง ๆ
เธอยืนมองซูซีมู่ที่ผัดผักอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางคุ้นเคยกับการทำอาหาร จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “คุณทำกำข้าวเป็นด้วย?”
“เป็น” ซูซีมู่พยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อทำหน้ามู้ “เก่งมากเลย ฉันทำกับข้าวไม่เป็น ก็เลยต้องซื้อตลอด”
ซูซีมู่เอียงหัวไปมองเธอเล็กน้อย “เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้น่ะ จำเป็นต้องเรียน ตอนที่เรียนอยู่เมืองนอก กินอาหารยุโรปทุกวัน จนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ก็เลยเริ่มทำเอง พอกลับมาก็ไม่ค่อยได้ทำแล้ว”
“กลับมาก็ยุ่งตลอด คงไม่มีเวลาทำกับข้าวสินะ?” โล่เฟยเอ๋อพูดพลางยิ้มบาง ๆ
ซูซีมู่ตอบรับในลำคอเช่นเดิมและไม่ได้พูดอะไรต่อ
โล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ คอยแอบมองเขาอุ่นกับข่าวเงียบ ๆ
หลังจากอุ่นกับข้าวเสร็จ ทั้งสองคนก็นั่งหันหน้าเขาหากัน เริ่มกินข้าว
บนโต๊ะอาหารนั้นไม่มีใครพูดอะไร เพียงแค่กินในส่วนของตัวเองไปเงียบ ๆ แต่ทั้งสองคนกลับแอบเลือบตาไปมองคนที่นั่งตรงข้ามอยู่ตลอด
แต่ว่าพอเขามองเธอ ก็เป็นจังหวะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าว และในตอนที่เธอมองเขา เขาก็กำลังก้มหน้าตักซุป
นอกจากเสียงตะเกียบที่กระทบจานชามเป็นครั้งครา ทั้งคฤหาสน์ก็เงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มตก
เมื่อนกินเสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็รีบลุกขึ้นเก็บของบนโต๊ะ
“คุณวางไว้ ดึกดึกจะมีคนทำความสะอาดเข้ามาทำ”ซูซีมู่เอ่ยปากหยุดเธอไว้
“ฉันล้างจานเป็น” โล่เฟยเอ๋อกังวลใจว่าซูซีมู่จะไม่เชื่อ เลยพูดออกมาอีกประโยค “ฉันอยู่กับรูมเมท มีแค่ฉันที่เป็นคนล้างจาน”
พอได้ยินคำว่ารูมเมท ปฏิกิริยาแรกของซูซีมู่ก็คือ รูมเมทของโล่เฟยเอ๋อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?
แน่นอนเขาไม่ถามออกมาในทันที ดังนั้นจึงเงียบเฉยไม่ได้พูดอะไร
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้รู้ถึงความคิดของเขา ก็เอาจานชามเข้าไปในครัว
เธอยุ่งอยู่ในครัวสักพักถึงออกมา
ตอนที่เธอออกมา ซูซีมู่กำลังนั่งอ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่โซฟา ดูแล้วอาการดรขึ้นเยอะมาก
โล่เฟยเอ๋อมองอยู่สักพัก ก็เดินเข้าไปหาเขา
ที่จริงเธอตั้งใจจะมาส่งยาให้เขาเท่านั้น สุดท้ายอยู่ที่นี่ไปเสียครึ่งค่อนวัน แถมยังอยู่กินข้าวเย็นอีกด้วย
“นี่ก็มืดแล้ว ฉันกลับก่อนนะ”
ซูซีมู่มองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงพยักหน้า “วันนี้ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไรเลย” โล่เฟยเอ๋อยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาจากบนโซฟา
ซูซีมู่ก็ลุกขึ้นยืนตาม เดินไปส่งโล่เฟยเอ๋อที่หน้าประตูใหญ่
“อย่าลืมดื่มน้ำเยอะ ๆ ดอกเก๊กฮวยกับดอกสายน้ำผึ้งฉันเก็บไว้ในตู้เย็นแล้ว” ภายในเวลาอันสั้นนั้นโล่เฟยเอ๋อก็กำชับเพิ่มไปอีกครั้ง
“รู้แล้ว” ซูซีมู่พยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อโบกมือให้เขาแล้วก็เดินจากไป