งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 292
บทที่ 292 โจวเฉิงคุกเข่าขอโทษ
หลังจากที่ซูซีมู่จากไป ถึงแม้ว่าบริษัทซูซื่อจะกลายเป็นฝูงมังกรไร้หัว แต่กลับไม่วุ่นวายเลยสักนิด
บริษัทซูซื่อคนมีความสามารถปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ซูซีมู่ฝึกฝนผู้ใต้บังคัญบัญชามามากมาย หลังจากที่เขาไป คนเหล่านั้นก็เข้ารับช่วงต่ออย่างชำนาญ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือโจวเฉิงผู้ช่วยพิเศษของซูซีมู่คนนี้ยุ่งกว่าเมื่อก่อนมาก
เขาไม่เพียงแต่ยุ่งกับการจัดการเรื่องของบริษัทเท่านั้น แต่ยังต้องรวบรวมข้อมูลและรายงานต่อซูซีมู่ เขาจะไม่ยุ่งได้หรือ?
ถึงแม้จะยุ่ง แต่โจวเฉิงก็ยังโอบกอดความรู้สึกผิดที่มีต่อโล่เฟยเอ๋อเอาไว้ในใจและยังไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมโล่เฟยเอ๋อที่โรงพยาบาลทุกวัน
ก็เพราะมาเยี่ยมโล่เฟยเอ๋อ เขาถึงได้ยินความลับของโล่เฟยเอ๋อโดยบังเอิญ
เพราะโล่เฟยเอ๋อถูกฉีดยาระงับประสาทมากเกินไป ร่างกายยังไม่ทันฟื้นฟู แล้วยังตากฝนอีก ร่างกายจึงทนไม่ไหวและล้มป่วยลง
เพียงแต่ครั้งนี้เธอป่วยค่อนข้างหนัก เป็นไข้สูงครั้งแล้วครั้งเล่า จึงไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล
วันที่เธอถูกผู้คุ้มกันทำให้สลบได้ทำกระเป๋าใบนั้นหายและถูกตำรวจค้นพบยังที่พักของเห้อจิ้นเหยา จากนั้นส่งมาที่โรงพยาบาล
โล่เฟยเอ๋อเปิดกระเป๋า ก็เห็นโทรศัพท์มือถือของเธอ
หลังจากลังเลอยู่สักพัก เธอก็เปิดโทรศัพท์มือถือ
หลังจากเปิดเครื่อง ก็มีเสียงติ๊งต่องดังขึ้น
เสียงแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับหลายร้อยสายและเสียงเตือนข้อความหลายร้อยรายการ
โล่เฟยเอ๋อไม่ต้องดูก็รู้ เสียงเรียกเข้และข้อความเหล่านั้นล้วนเป็นซูซีมู่โทรหาเธอ
เพราะก่อนหน้านี้โจวเฉิงเคยบอกว่า ซูซีมู่โทรหาเธอหลายครั้งและส่งข้อความหาอีกมากมาย
ทำให้โล่เฟยเอ๋ออยากหลีกเลี่ยงความคิดโดยไม่รู้ตัวจึงปิดแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับและแจ้งเตือนข้อความทั้งหมด
จากนั้นคลิกที่สมุดรายชื่อ แล้วค้นหาเบอร์ของหซิวหชูเฉียวและโทรหาเธอ
เธอนัดกับหซิวหชูเฉียวไว้แล้ว มักจะโทรหาเธอตลอด ครั้งนี้เธอไม่ได้ติดต่อหซิวหชูเฉียวไปหลายวัน เกรงว่าหซิวหชูเฉียวคงจะกำลังตามหาเธอ
ไม่ผิดจากที่โล่เฟยเอ๋อคาดไว้ หลังจากหซิวหชูเฉียวรับสายนั้น ก็เริ่มต้นด้วยคำถาม “เฟยเอ๋อ สองสามวันมานี้เธอไปทำอะไรมา ทำไมโทรหาไม่ติด?”
แน่นอนว่าโล่เฟยเอ๋อไม่มีทางบอกว่าตนเองเกิดเรื่อง เพียงแค่ตอบ: “มือถือฉันถูกขโมยไปแล้ว หลังจากนั้นเพราะยุ่งมาก ยังไม่ได้จัดการเอาโทรศัพท์มือถือกลับมา ถึงไม่ได้โทรหาเธอ”
หซิวหชูเฉียวไมได้สงสัยคำพูดของโล่เฟยเอ๋อเลยสักนิด แล้วยังล้อโล่เฟยเอ๋อเล่น “ที่แท้โทรศัพท์มือถือถูกขโมยไปแล้ว ฉันยังนึกว่าเธอมัวพลอดรักอยู่กับคุณซู เลยไม่ว่างโทรหาฉันเสียอีก”
ร่องรอยของความขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อแวบหนึ่ง หลังจากนั้นถาม “เฉียวเฉียว สองสามวันนี้เธอสบายดีไหม?”
“ฉันสบายดีมากเลย บ้านคุณซูของเธอที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ ฉันชอบมาก”
พอได้ยินหซิวหชูเฉียวพูด โล่เฟยเอ๋อก็เพิ่งจะนึกได้ว่าเธอพักอยู่ที่วิลล่าส่วนตัวของซูซีมู่ ตอนนี้เธอตัดสินใจว่าจะไม่รบกวนซูซีมู่อีก ก็ต้องให้เฉียวเฉียวย้ายออกจากที่นั้นใช่ไหม?
พอเงียบไปสักพัก โล่เฟยเอ๋อก็เอ่ย: “เฉียวเฉียว คือแบบนี้นะ ฉันหาสถานที่ดีๆ อีกแห่งหนึ่งได้ อีกสองสามวัน ฉันไปรับเธอดีไหม”
หซิวหชูเฉียวไม่เข้าใจความคิดของโล่เฟยเอ๋อเลยสักนิด จึงถามอย่างสงสัยมาก “ที่นี่ของคุณซูดีมากนะ ทำไมยังต้องหาที่อื่นอีก? หรือว่าคุณซูไม่พอใจที่พักอยู่ในที่ของเขา?”
“ไม่ใช่” โล่เฟยเอ๋อกลัวหซิวหชูเฉียวจะเข้าใจซูซีมู่ผิด จึงรีบปฏิเสธ
หซิวหชูเฉียวถาม “อย่างนั้นทำไมต้องย้ายด้วยล่ะ?”
ตอนนี้โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเสียใจทีหลัง ทำไมเธอถึงพูดว่าให้เฉียวเฉียวย้ายออกจากวิลล่าส่วนตัวของซูซีมู่? ตอนนี้เหมือนเป็นการทำร้ายตัวเองชัดๆ
โล่เฟยเอ๋อขยับปากขยุกขยิกแล้วพูดอธิบาย: “คือรู้สึกว่าวิลล่าส่วนตัวของซูซีมู่อยู่ห่างจากเมืองAเกินไปแล้ว…”
โล่เฟยเอ๋อพูดไม่ทันจบ หซิวหชูเฉียวก็เอ่ยตัดบทเธอ
“เฟยเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับคุณซูใช่ไหม?”
โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากแล้วเอ่ย “ไม่มี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เฟยเอ๋อ เธอควรพูดให้ชัดเจน เธอปิดบังฉันไม่ได้หรอก เธอบอกฉัน ระหว่างพวกเธอเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เขาชอบของใหม่แล้วลืมของเก่าใช่ไหม ไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้ว?” น้ำเสียงของหซิวหชูเฉียวแฝงด้วยความโกรธอยู่ลึกๆ ถ้าตอนนี้ไม่ใช่เพราะว่าเธออยู่เมืองAล่ะก็ เธอคงวิ่งไปตีคนนานแล้ว
“ไม่ ไม่ใช่เขา ปัญหาคือฉัน คือฉันเอง…” เฟยเอ๋ออดกลั้นอารมณ์สองสามวันนี้ไม่ได้ พอเจอความกดดันอีกก็ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา
พอหซิวหชูเฉียวได้ยินโล่เฟยเอ๋อร้องไห้ ก็ร้อนใจบ้างแล้ว “เฟยเอ๋อ เธออย่าร้องไห้”
โล่เฟยเอ๋อร้องไห้ไปด้วยพูดสะเปะสะปะไปด้วย: “เฉียวเฉียว เป็นฉัน เป็นฉันที่ทำร้ายเขา เป็นฉันไม่เชื่อใจเขา เขาถึงไป เขาไปแล้ว ไม่ต้องการฉันแล้ว ไม่ต้องการฉันแล้ว…”
หซิวหชูเฉียวปลอบใจโล่เฟยเอ๋อ “เฟยเอ๋อ ไม่ต้องรีบ เธอค่อยๆ พูด…”
หลายวันมานี้ ในที่สุดก็มีคนให้ระบายความในใจแล้ว โล่เฟยเอ๋อจึงร้องไห้ไปด้วยแล้วเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดให้หซิวหชูเฉียวไปด้วย
ทางด้านของหซิวหชูเฉียวเงียบไปนาน หลังจากนั้นสักพักจึงถาม “เฟยเอ๋อ เธอวางแผนจะทำอย่างไร?”
“เฉียวเฉียว เขาไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรปล่อยมือแล้ว”
“เธอฉันเขามานานขนาดนี้ แถมเขาก็ยังรักเธอ เธอจะยอมแพ้แบบนี้เหรอ?”
ยอมแพ้? ถ้าก่อนหน้านี้หซิวหชูเฉียวถามเธอแบบนี้ เธอคงจะตอบว่าไม่ยอม
แต่ตอนนี้ เธอยินยอมอย่างมาก
“ฉันคิดว่าฉันรักเขาอย่างสุดซึ้งมานานขนาดนั้น แต่มันก็ไม่มากเท่าหนึ่งในพันที่เขารักฉัน ฉันทำร้ายเขาขนาดนั้นหนักขนาดนั้น เขาไม่รู้ว่าฉันรักเขา อย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาลืมฉันไปแบบนี้เถอะ เขาคู่ควรกับคนที่ดีที่สุดในโลกและฉันไม่ใช่คนๆ นั้น”
“ฉันก็เหมือนกับเมื่อก่อน แอบรักเขาเงียบๆ ก็ดีแล้ว ขอแค่เขาสบายดี ก็พอ”
……
ตลอดเวลาที่โล่เฟยเอ๋อโทรคุยกับหซิวหชูเฉียว เธอไม่รู้เลยว่า ระหว่างที่เธอพูดกับหซิวหชูเฉียวนี้ โจวเฉิงที่มาเยี่ยมเธอได้ยินอย่างชัดเจนจากข้างนอกห้องผู้ป่วยทั้งหมดแล้ว
ที่แท้ประธานซูไม่ได้แอบรักข้างเดียว ที่แท้คุณนายก็รักประธานซู แถมยังรักมานานมากแล้วด้วย
แล้วตอนนี้คุณนายก็ไม่คิดจะให้ประธานซูรู้ว่าเธอรักเขา แล้วก็คิดจะเลิกกับเขาด้วย
ในที่สุดโจวเฉิงก็นึกถึงคืนนั้นได้ ตอนที่โล่เฟยเอ๋อล้มลงหมดสติ ได้พูดประโยคนั้น “ซูซีมู่ ก็ให้พวกเราทั้งคู่…ไม่รู้จักความรักลึกซึ้งต่อไปเถอะ” หมายความว่าอย่างไร
เหตุผลที่ทำให้คุณนายตัดสินใจทำแบบนี้ ก็เพราะคำพูดที่เขาพูดกับคุณนายอย่างหุนหันพลันแล่นในคืนนั้น
พอคิดถึงตอนนี้ โจวเฉิงก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจทีหลังเท่านี้มาก่อน
ทำไมเขาถึงพูดหุนหันพันแล่นแบบนั้นออกไป? ทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้
ถ้าเขาไม่ปากมาก บางทีคุณนายกับประธานซูก็ไม่ต้องแยกกัน ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปแล้ว
แต่เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว สิ่งที่เขาทำได้ ก็คือการทำดีชดใช้ความผิด แล้วช่วยคุณนายพาประธานซูกลับมา
หลังจากที่ประธานซูกลับมา รู้เรื่องที่เขาทำ แล้วรีบไล่เขาออกจากตระกูลซู เขาก็คงได้แต่ยอมรับแล้ว…
โจวเฉิงที่ยืนอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด พอโล่เฟยเอ๋อคุยโทรศัพท์เสร็จ ถึงได้ยกมือเคาะประตู
พอได้ยินเสียงเคาะประตู โล่เฟยเอ๋อก็รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า หลังจากนั้นตอบกลับ “เข้ามา”
พอโจวเฉิงเข้าไปในห้องผู้ป่วย ก็เห็นโล่เฟยเอ๋อตาแดงๆ จึงเข้าใจในทันทีว่าโล่เฟยเอ๋อเพิ่งจะร้องไห้แล้ว
เขาขบกรามอย่างแรง จากนั้นคุกเข่าลงกับพื้น “ขอคุณนายโปรดอภัย”