งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 323
บทที่ 323 ระหว่างพลอดรักกันในออฟฟิศถูกขัดจังหว่ะ
“หญิงสาวรีบไปโรงพยาบาล หลังจากที่พ่อของเธอผ่าตัดเสร็จ อยู่ในสภาพที่หมดสติ แม่เลี้ยงเล่าให้เธอฟังว่า พ่อของเธอหลังจากที่รู้ว่าชายหนุ่มโจมตีบริษัทของเขา ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก จนทำให้เส้นเลือดในสมองแตกกลายเป็นอัมพาต หญิงสาวไม่เชื่อ แม่เลี้ยงจึงโทรหาชายหนุ่ม เพื่อให้พวกเขาทั้งสองเผชิญและยืนยันความจริงกัน”
“เมื่อได้ยินชายหนุ่มยอมรับในโทรศัพท์ว่าเขาเป็นคนโจมตีบริษัทของพ่อเธอ หญิงสาวสะเทือนใจมาก จึงได้พูดคำที่ไม่น่าฟังกับชายหนุ่มไป จากนั้นก็วิ่งออกจากโรงพยาบาลไป”
เมื่อโล่เฟยเอ๋อพูดถึงเรื่องนี้ ซูซีมู่ที่ฟังอยู่เงียบๆได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ชายหนุ่มหลังจากที่รู้ว่าเธอเชื่อใจแม่เลี้ยง เป็นกังวลมาก โทรศัพท์หาเธอ ส่งข้อความให้เธอ เพื่ออยากอธิบาย”
“หญิงสาวปฏิเสธที่จะฟังคำอธิบายจากฝ่ายชาย จึงปิดโทรศัพท์ จนกระทั่งพ่อของเธอตื่นขึ้นมาจากอาการโคม่า เวลานั้นหญิงสาวได้ใจเย็นลงแล้ว เธอค้นพบว่าเรื่องทั้งหมดมีข้อสงสัยอยู่หลายจุด จึงรีบร้อนเปิดมือถือ เมื่อเปิดเครื่องแล้วเห็นข้อความที่ชายหนุ่มส่งมาให้ เพื่อต้องการอธิบายกับเธอ เธอจึงรีบเตรียมตัวเพื่อไปหาชายหนุ่ม”
เธอเตรียมตัวจะไปหาเขา แล้วเพราะอะไรถึงไม่ไป?ซูซีมู่เก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วฟังต่อ
“เธอเตรียมตัวจะไปหาเขา ปรากฏว่าแม่เลี้ยงได้ยินว่าเธอจะไปหาชายหนุ่ม จึงสั่งให้เธอหยุดอย่างโกรธเคือง” ดวงตาคู่นั้นของ
โล่เฟยเอ๋อแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเล่าต่ออีกว่า:“ตอนที่เธอหันกลับไปหาแม่เลี้ยงนั้น ถูกบอดี้การ์ดที่แม่เลี้ยงจ้างมาดูแลตีและสลบไป”
เมื่อได้ยินที่โล่เฟยเอ๋อพูด สีหน้าของซูซีมู่ซีดลงทันที เขานึกขึ้นได้ ตอนที่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น เฉียวอันเห่าได้บอกกับเขาตอนอยู่ในลิฟต์ ที่เธอไปวิลล่าหลันถิงไม่ได้ เพราะถูกเห้อจิ้นเหยาตีจนสลบไป
ในตอนนั้นเขานึกว่าโล่เฟยเอ๋อหาข้ออ้างเพื่อขอเอาตัวรอดแบบขอไปทีเท่านั้นเอง
คิดไม่ถึง ว่ามันไม่ใช่ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เธอมาไม่ได้จริงๆ
ซูซีมู่ถามอย่างใจร้อน“ หลังจากนั้นหล่ะ?”
“หลังจากนั้นเธอถูกแม่เลี้ยงกักขังไว้ในโรงพยาบาล ฉีดยานอนหลับให้เธอทุกวัน อยู่ในสภาพสะลึมสะลือตลอดเวลา”
โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงักไปสักครู่ แล้วเล่าต่อ:“ ทั้งหมดรวมสองวันสองคืน จากนั้นในคืนที่สอง เธอตื่นขึ้นมาก่อนเวลากำหนด ได้ยินที่พยาบาลพูดสนทนากันพอดี จึงรู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ เป็นเพราะแผนการของแม่เลี้ยงที่จัดวางไว้ ฉีดยานอนหลับให้เธอ และยังให้บอดี้การ์ดเฝ้าเธอไว้อีกด้วย”
ซูซีมู่อยากถาม แล้วหลังจากนั้นหล่?ปรากฏว่าอ้าปากจะถาม แต่ก็ถามไม่ออก
“เธอวางแผนกีดกันให้บอดี้การ์ดออกไป แล้วยืมโทรศัพท์ของคุณพยาบาลโทรแจ้งตำรวจ จึงหนีออกมาได้ หลังจากนั้นเธอกลับไปตามหาชายหนุ่มที่วิลล่า ปรากฏว่าหาไม่เจอ……”
โล่เฟยเอ๋อนึกถึงเวลานั้น หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาล ความรู้สึกที่ตามหาซูซีมู่ไม่เจอนั้น อดไม่ได้ ที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“คุณเห็นแค่ข้อความแรก?”คุณจึงไม่ได้ป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้ถูกทำร้ายจากเห้อจิ้นเหยา
“คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมรอคุณอยู่ที่วิลล่าหลันถิง?”ไม่เช่นนั้นหลังจากที่หลบหนีออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว คงไม่วิ่งกลับไปหาเขาที่วิลล่าหรอก
น้ำเสียงของซูซีมู่ยิ่งอยู่ยิ่งสั่น ยิ่งถึงตอนหลัง เหมือนพูดขาดๆตอนๆ “ดังนั้น…… คุณไม่ได้ตัดสายผมทิ้ง และไม่ได้…… ส่งข้อความ ให้ผม…… ออกไป……”
เธอถูกตีจนสลบไป และถูกฉีดยานอนหลับ เรื่องทั้งหมดเธอไม่ได้เป็นคนทำ
คนที่ปฏิเสธเขาอย่างไม่มีเยื่อใย ให้ออกไปจากชีวิตเธอ ไม่ใช่เธอ
เธอไม่ได้ทำให้เขาสิ้นหวัง เธอไม่ได้ทอดทิ้งเขา……
“ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน……ฮึฮึ…… ” โล่เฟยเอ๋อร้องไห้ไปด้วยส่ายหัวไปด้วย。
ซูซีมู่หันกลับไปมองโล่เฟยเอ๋อ ถามออกมาทีละคำ “คุณไม่เคยทอดทิ้งผมใช่ไหม? ใช่ไหม?”
ประโยคนี้ โล่เฟยเอ๋อฟังแล้วเจ็บปวดในใจลึกๆ เธอตอบกลับด้วยเสียงสะอื้นว่า“ฉันไม่เคยทอดทิ้งคุณ ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งคุณมาก่อน……”
“ดีจัง ที่คุณไม่เคยทอดทิ้งผม”ซูซีมู่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่โล่งอกบนใบหน้าของซูซีมู่แล้ว โล่เฟยเอ๋อยิ้มออกมาที่มุมปาก“ฉันรักคุณ ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณเด็ดขาด”
เนื่องจากโล่เฟยเอ๋ออารมณ์และความรู้สึกถึง จึงได้แสดงความรักออกมา
ปรากฏว่าการแสดงความรักออกมาของเธอ ทำให้ซูซีมู่ตะลึงจนเซ่อไปเลย
เธอรักเขา?คำพูดนี้ซูซีมู่ ทบทวนในสมองซ้ำๆหลายครั้ง รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง
“เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะ?”
โล่เฟยเอ๋อกะพริบตาเล็กน้อย แล้วตอบว่า “ฉันรักคุณ ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณ”
ซึ่งครั้งนี้ ซูซีมู่ได้ยินอย่างชัดเจน โล่เฟยเอ๋อบอกรักเขา
ที่แท้เธอรักเขา เธอรักเขา……
“เฟยเอ๋อ……”
“อืม?”โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมอง
“ฉันรักคุณ……” หลังจากพูดจบคำนี้ ซูซีมู่ก้มหน้าลงมา จากนั้น ริมฝีปากของเขากดทับลงไปที่ริมฝีปากของโล่เฟยเอ๋อ แล้วตวัดลิ้นเข้าไปหาลิ้นของเธอ
โล่เฟยเอ๋อโอบกอดคอเขาไว้ ตอบสนองโดยสัญชาตญาณ
จากนั้นยิ่งจูบยิ่งร้อนแรง เสื้อผ้าเริ่มถอดออกทีละชิ้นทีละชิ้น……
ในเวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก
ซูซีมู่ดึงสติของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว เก็บเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเอาไปห่มให้แก่โล่เฟยเอ๋อ
จากนั้นหันไปทางนอกออฟฟิศ ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “ใสหัวไป……”
เสียงเคาะประตูด้านนอก หยุดลงทันที
โล่เฟยเอ๋อหน้าแดงก่ำ ไม่กล้ามองไปที่ซูซีมู่
ซูซีมู่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย จ้องมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงราวกับว่าจะกลืนเธอเข้าไปในท้องเสียให้ได้ ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆยื่นมือออกไป สัมผัสเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของโล่เฟยเอ๋อ“ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเคาะประตู ผมเกือบลืมไปแล้วว่านี่คือออฟฟิศทำงาน”
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อยังไม่ได้สังเกตอะไร แต่เมื่อได้ยินซูซีมู่พูดแบบนี้ เธอเริ่มสัมผัสถึงช่วงล่างของชายหนุ่มที่เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอราวกับโดนไฟเผา แดงก่ำขึ้นมาทันที สุดท้ายก้มหน้าไปซบกับอกเขา แล้วพูดพึมพำออกมาเบาๆ:“น่าเกลียดที่สุดเลยอ่า”
คำสุดท้าย “อ่า” เนื่องจากว่าตัวเธอเองไม่ได้สังเกตว่าอยู่ในสถานการณ์อะไร ได้ลากเสียงยาวออกมา เหมือนอาการคนออดอ้อน ได้ยินเสียงคำรามออกมาของซูซีมู่ ลมหายใจที่แนบชิดกับใบหน้าของเธอเหมือนยิ่งร้อนระอุขึ้นไปอีก
เขาดึงเธอเขาไปในอ้อมกอดแรงๆ แล้วสวมกอดเธอแน่นๆในอ้อมกอดของเขา
เวลาผ่านไปสักพัก ซูซีมู่ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ จากนั้นค่อยๆดึงโล่เฟยเอ๋อออกจากอกเล็กน้อย แล้วเก็บเสื้อผ้าที่ตกกระจายอยู่บนโซฟา เสร็จแล้วช่วยโล่เฟยเอ๋อใส่เสื้อผ้า เมื่อเธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบว่าเสื้อผ้าบนตัวเธอไม่มีอะไรผิดปรกติ จึงได้ลุกขึ้น ใส่เสื้อผ้าตัวเอง
โล่เฟยเอ๋อใบหน้าแดงก่ำ ค่อยๆเงยหน้ามองไปที่ซูซีมู่ เห็นเขาสวมใส่เสื้อผ้าอย่างอ่อนโยน จากนั้น จึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า:“ต้องขอโทษด้วย ที่รบกวนเวลาประชุมของคุณ”
ซูซีมู่เดินเข้ามาหา ลูบไล้เส้นผมของเธอเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนขึ้นมาว่า:“ ไม่เป็นไร ประชุมไม่สำคัญ”
(ใครบางคนที่อยู่นอกออฟฟิศอยากจะกระอักเลือดออกมา การประชุมที่จะเซ็นสัญญาร่วมทำการค้าต่อกันด้วยเงินพันกว่าล้าน ประธานซูพูดว่าไม่สำคัญมันจะดีเหรอ?)
โล่เฟยเอ๋อจึงโล่งใจได้“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี”
“อืม……”ซูซีมู่ยกข้อมือขวาขึ้นมาดู แล้วพูดขึ้นว่า กินข้าวแล้ว:“ คุณอยากกลับไปกินที่บ้าน หรือจะไปกินที่ร้านอาหาร?”
โล่เฟยเอ๋อเอียงหน้าเล็กน้อยและคิดแล้วสักครู่ พูดขึ้นว่า:“ พวกเราไปทำกับข้าวกินกันที่วิลล่าหลันถิงดีไหม?”
“ดี……”