งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 326
บทที่ 326 ความโลภของโล่ชิงไป๋
เมื่อโล่ชิงไป๋เห็นโล่เฟยเอ๋อจะกลับ เขาจึงรีบเรียกเธอ“ เฟยเอ๋อ พ่อเรียกลูกมา มีธุระจะคุยด้วย”
เมื่อต้องเผชิญกับพ่อของตัวเอง สุดท้ายโล่เฟยเอ๋อก็ใจอ่อนจนได้ หยุดเดิน แล้วหันกลับ“ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อหันกลับมา สีหน้าของโล่ชิงไป๋ดีใจขึ้นมาทันที จากนั้นชี้ไปที่เก้าอี้ข้างเตียงแล้วพูดขึ้นว่า:“เฟยเอ๋อ ลูกมานั่งที่นี่ก่อน”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ไปนั่ง แต่พูดขึ้นว่า:“ พ่อพูดเถอะ”
โล่ชิงไป๋จึงไม่ได้เรียกให้โล่เฟยเอ๋อไปนั่งข้างเตียงอีก แต่ถามขึ้นว่า“เฟยเอ๋อ หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัท ได้อยู่ในมือของลูกแล้วหรือยัง?”
“อะไรนะ?”โล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจความหมายของโล่ชิงไป๋ในตอนแรก
โล่ชิงไป๋จึงพูดซ้ำอีกครั้งกับคำพูดของตัวเอง “ซูซีมู่เคยบอกว่าจะโอนหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่อให้กับลูกไม่ใช่เหรอ?ได้อยู่ในมือลูกแล้วหรือยัง?”
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงที่โล่ชิงไป๋บอกว่ามีธุระจะพูดด้วยนั้น คือเป็นห่วงอยากได้หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่อที่อยู่ในมือของซูซีมู่
สีหน้าของเธอดิ่งลงทันที แล้วตอบกลับว่า:“หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั้น หนูไม่เอา”
เมื่อได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ โล่ชิงไป๋ด่าออกมาทันที “เธอมันลูกไม่รักดี เธอจะไม่เอามันได้ยังไง? นั่นมันเป็นสมบัติของตระกูลโล่นะ!”
โล่เฟยเอ๋อยิ้มประชดออกมาที่มุมปาก“สมบัติของตระกูลโล่?ไม่ใช่ถูกเห้อจิ้นเหยาผลาญไปจนหมอแล้วเหรอ?”
“เธอ……” โล่ชิงไป๋โกรธจนหน้าเขียว พูดอะไรไม่ออก
โล่เฟยเอ๋อทำเป็นมองไม่เห็น พูดออกมาเบาๆว่า :“พ่อกลายเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ต้องอยากได้หุ้นของบริษัทโล่ซื่ออีกแล้ว พักฟื้นอาการให้ดีขึ้นดีกว่า”
เมื่อพูดจบประโยคนี้ โล่เฟยเอ๋อไม่รอให้โล่ชิงไป๋ได้ตอบกลับ รีบเดินออกไปทันที
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อออกมาจากโรงพยาบาล ได้ขึ้นไปนั่งรถของคนขับรถแล้วกลับไปที่วิลล่าเลย
พูดตามความจริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อ
แต่ทุกครั้งที่ผิดหวัง เธอก็ยังแอบมีความหวังเล็กๆในใจ
อย่างไรก็ตามครั้งนี้……
เมื่อแม่บ้านเห็นโล่เฟยเอ๋อกลับมาเช้าขนาดนี้ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คุณนาย วันนี้คุณเลิกงานก่อนเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อตื่นจากความเหม่อลอย ตอบกลับ ‘อืม ’แล้วพูดขึ้นว่า ‘ฉันกลับห้องก่อนนะ’ จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนเลย
เมื่อซูซีมู่กลับถึงบ้านแล้ว ไม่เห็นโล่เฟยเอ๋ออยู่ข้างล่างเหมือนปรกติ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เฟยเอ๋อ ยังไม่กลับมาเหรอ?”
แม่บ้านส่ายหัว “คุณนายกลับมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”
“กลับมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว?”ซูซีมู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ใช่ หลังจากที่คุณนายกลับมาในช่วงบ่าย ก็กลับเข้าห้องไป และไม่ออกมาอีกเลย” แม่บ้านให้คำตอบ
หลังจากที่กลับมาในช่วงบ่าย ก็กลับเข้าห้องไป และไม่ออกมาอีกเลยเหรอ?ซูซีมู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน จากนั้นเดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เห็นโล่เฟยเอ๋อนอนอยู่ที่เตียง แต่ไม่ได้นอนหลับ เพียงแต่จ้องมองไปที่เพดานไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ซูซีมู่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แล้วเรียกชื่อของเธอเบาๆ“ เฟยเอ๋อ?”
โล่เฟยเอ๋อเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงจ้องมองเพดานอยู่
ซูซีมู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วเดินไปหาโล่เฟยเอ๋อ
เมื่อซูซีมู่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของโล่เฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อถึงรู้ตัว “คุณ……คุณกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม เพิ่งกลับมาถึง”หลังจากที่ซูซีมู่ตอบแล้ว จึงถามขึ้นว่า“เมื่อกี้คิดอะไรอยู่เหรอ?ผมเรียกคุณเหมือนคุณไม่ได้ยิน”
“เมื่อกี้เหรอ……” โล่เฟยเอ๋อชะงักสักครู่ แล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้น โอบรอบคอของซูซีมู่ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาจูบลงไปที่ริมฝีปากของเขาหนึ่งครั้ง “ก็คิดถึงคุณไง”
“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน……” ดวงตาของซูซีมู่เหมือนมีแสงอะไรวิ่งผ่าน จากนั้นก้มลงไปจูบโล่เฟยเอ๋อ……
ในเมื่อซูซีมู่รู้แล้วว่าโล่เฟยเอ๋อมีความผิดปรกติเกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะยอมปล่อยให้เรื่องผ่านไปโดยไม่สนใจ
คืนนั้นหลังจากที่โล่เฟยเอ๋อนอนแล้ว เขาได้โทรศัพท์หาโจวเฉิง ให้เขาไปตรวจสอบว่าโล่เฟยเอ๋ออยู่ในบริษัทถูกใครรังแกอะไรหรือเปล่า
หลังจากที่ได้ข้อมูลมาว่า โล่เฟยเอ๋อเวลาทำงานที่บริษัทปรกติดีทุกอย่างแล้ว ซูซีมู่จึงได้เรียกคนขับรถของเธอให้ไปหา
ปรากฏได้เรื่องจากคนขับรถว่า ช่วงบ่ายโล่เฟยเอ๋อได้ไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลซื่อซาน
ซูซีมู่ทายว่าสาเหตุที่โล่เฟยเอ๋อผิดปรกติต้องเกี่ยวข้องกับโล่ชิงไป๋แน่นอน จึงไม่ได้ตรวจสอบต่อ จึงตัดสินใจจะเกลี้ยกล่อมโล่เฟยเอ๋อ ดีๆ เพื่อให้เธอลืมเรื่องพวกนั้นทั้งหมด
ปรากฏว่า เขาไม่ไปหาเรื่องโล่ชิงไป๋ แต่โล่ชิงไป๋กลับมาหาเขาเอง
หลังจากที่โจวเฉิงได้รับโทรศัพท์ของโล่ชิงไป๋แล้ว ก็รีบแจ้งให้ซูซีมู่ทราบเรื่องทันที
“ประธานซู เมื่อกี้คุณโล่โทรศัพท์มา อยากจะขอหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่อที่อยู่ในมือของคุณคืน”
“เขาพูดว่ายังไง?”ซูซีมู่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คุณโล่บอกว่า ประธานซูได้ตกลงยินยอมแล้วที่จะถ่ายโอนหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่อให้แกคุณนาย ก็ควรที่จะรักษาคำพูด เขายังพูดอีกว่า คุณนายไม่รับหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั้น ประธานซูก็ควรโอนหุ้นให้แกคนของตระกูลโล่ 。”
เมื่อโจวเฉิงพูดถึงช่วงท้าย รู้สึกโกรธในการกระทำของโล่ชิงไป๋จนหน้าแดงเล็กน้อย
ประธานซูจะถ่ายโอนหุ้นให้กับคุณนาย ในเมื่อคุณนายไม่เอา ทำไมประธานซูต้องโอนให้คนของตระกูลโล่ด้วย?และถ้าจะถ่ายโอน ก็ควรจะเป็นหลังจากที่ประธานซูถ่ายโอนให้คุณนายแล้วคุณนายค่อยถ่ายโอนให้คนของตระกูลซูอีกทีไม่ใช่เหรอ?อีกอย่างทั้งตระกูลโล่ก็เหลือแค่โล่ชิงไป๋คนเดียวแล้ว นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัวโล่ชิงไป๋เองที่ต้องการหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่ออย่างนั้นเหรอ?
ตัวเองก็กลายเป็นอัมพาตแล้ว ร่างกายอีกข้างก็ใช้การไม่ได้แล้ว ทำไมยังต้องคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้อีก……
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฉิง สีหน้าของซูซีมู่ดิ่งลงเล็กน้อย
เขารู้แล้ว ว่าทำไมสองสามวันนี้สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อถึงไม่ดีเลย
ที่แท้เป็นเพราะโล่ชิงไป๋ขอหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่อกับเธอนั่นเอง
เมื่อโล่เฟยเอ๋อไม่ยินยอม โล่ชิงไป๋จึงมาหาเขา
ซูซีมู่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แล้วพูดขึ้นว่า:“นายไปโอนหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั้นให้เขา”
“ประธานซู แบบนี้จะดีเหรอ?”โจวเฉิงไม่เห็นด้วย
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบคำถามของโจวเฉิง พูดแค่เพียงว่า:“ถ้าเขามีเรื่องทำ ก็จะไม่เวลามาหาเรื่องเฟยเอ๋ออีก”
ในสายตาของซูซีมู่นั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเฟยเอ๋ออีกแล้ว
หุ้นแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโล่ซื่อ ถ้าแลกกับการที่โล่ชิงไป๋ไม่มาหาเรื่องเฟยเอ๋ออีก เขายอม
โจวเฉิงเมื่อเข้าใจความหมายของซูซีมู่แล้วจึงตอบว่า“ครับ ประธานซู”
ประสิทธิภาพการทำงานของโจวเฉิงไวมาก หลังจากได้รับคำสั่งของซูซีมู่แล้ว ก็รีบไปจัดการทำสัญญา ไปหาโล่ชิงไป๋ที่โรงพยาบาลซื่อซานทันที
“คุณโล่” ทัศนคติของโจวเฉิงที่มีต่อโล่ชิงไป๋นั้นไม่ให้ความเคารพเท่าไหร่ แต่ก็ไม่หยาบคายเกินไป พูดได้ว่าแค่เย็นชาเท่านั้นเอง
เมื่อโล่ชิงไป๋เห็นโจวเฉิง รู้สึกแปลกใจมาก
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าหลังจากที่โทรศัพท์หาโจวเฉิงแล้ว โจวเฉิงต้องมาหาเขาอยู่แล้ว แต่คาดคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้
“คุณโจวมาแล้วเหรอ เชิญนั่ง”
“คุณโล่ไม่ต้องเกรงใจ ผมทำตามคำสั่งนำสิ่งนี้มาให้คุณโล่” เมื่อโจวเฉิงพูดจบก็ยื่นเอกสารไปให้โล่ชิงไป๋
โล่ชิงไป๋ก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือไปรับซองใส่เอกสารในมือของโจวเฉิงมา หยิบเอกสารออกมาเป็นปึก
โจวเฉิงยืนมองเงียบๆอยู่ข้างๆ ไม่มีอาการใดๆแสดงออกมาจากใบหน้าของเขา
ภายในห้องเงียบมาก มีเพียงเสียงกระดาษที่โล่ชิงไป๋เลื่อนดูเอกสารดังออกมาเป็นระลอกๆเท่านั้น
เมื่อเอกสารเปิดดูถึงหน้าสุดท้ายนั้น โล่ชิงไป๋เงยหน้าขึ้นยิ้มกับโจวเฉิงแล้วพูดขึ้นว่า:“ประธานซูมีความน่าเชื่อถือพูดคำไหนคำนั้นจริงๆ”
ไม่รู้จริงๆว่าทำไมคุณนายถึงมีพ่อแบบนี้!
ดวงตาของโจวเฉิงมีความเกลียดชังเล่นผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง จากนั้นหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นไปให้โล่ชิงไป๋“คุณโล่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เซ็นชื่อได้เลย ประธานซูให้ผมพาทนายของบริษัทมาด้วย รออยู่ด้านนอกห้อง เพียงแค่คุณโล่เซ็นชื่อ ผมจะเรียกทนายเข้ามา แล้วทำการรับรองให้ จากนั้นเอกสารพวกนั้นจะมีผลทางกฎหมาย ทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฉิง โล่ชิงไป๋เหมือนกลัวว่าโจวเฉิงจะกลับคำ รีบแย่งปากกาจากมือของเขา เซ็นชื่อลงในเอกสารอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว โจวเฉิงลุกขึ้นไปเรียกให้ทนายเข้ามา
ขั้นตอนการทำงานของทนายเร็วมาก ไม่ถึงสิบนาที ทุกอย่างเรียบร้อย
โจวเฉิงเก็บเอกสารหนึ่งในนั้นเข้ากระเป๋าทำงานหนึ่งชุด เสร็จแล้วกลับออกไปทันที
หลังจากที่โจวเฉิงออกไปแล้ว โล่ชิงไป๋ดีใจมากหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมา แล้วส่งข้อความออกไป
“หุ้นในบริษัทโอนเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องกังวล ผมจะรับคุณกลับมาให้เร็วที่สุด”