งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 332
บทที่ 332 ไล่ภรรยาของเจ้านายออก
หลังจากกรอกเสร็จ ซูซีมู่ก็ยื่นเช็คให้ยี่ขื่อเว่ย “เอาเงินสองแสนนี้ไป แล้วออกไปจากบริษัทดี้ก้วนซะ”
ลงมือครั้งเดียวก็สองแสน…แถมยังไล่ให้ยี่ขื่อเว่ยออกไปจากบริษัทดี้ก้วน…เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นในสำนักงาน
ถึงแม้ว่ายี่ขื่อเว่ยจะถือว่ามีแฟนรวย แต่เธอรู้ตัวดีว่าแฟนของเธอไม่เหมือนแฟนของโล่เฟยเอ๋อที่สามารถใช้เงินสองแสนเพื่อระบายความโกรธให้เธอแบบนี้
แต่ว่าวันนี้ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว ยี่ขื่อเว่ยไม่อยากทำให้ตนเองขายหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ในบริษัทนี้ ถึงแฟนของโล่เฟยเอ๋อจะมีเงินแล้วอย่างไร? มีสิทธิ์อะไรมาไล่เธอออก?
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออกจากบริษัทดี้ก้วน?”
“สิทธิ์อะไร? ก็สิทธิ์…” ซูซีมู่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อดึงแขนเสื้อไว้ “ซูซีมู่ นายเคยสัญญากับฉันไว้แล้ว”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้บอกว่าซูซีมู่เคยสัญญาอะไรกับเธอเอาไว้ แต่ซูซีมู่กลับรู้ดี เรื่องที่โล่เฟยเอ๋อบอกว่าไม่ให้เปิดเผยฐานะของเขาที่บริษัทดี้ก้วน
ภรรยาของตนเองเป็นคนขอร้องไว้ แน่นอนว่าซูซีมู่ต้องเคารพอยู่แล้ว
เขายกมือขึ้นแล้วลูบใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อ แล้วพูดด้วยความรักใคร่ว่า: “อย่างนั้นเธอบอกให้จัดการอย่างไร ก็ตามนั้น”
ประธานผู้น่าเกรงขามของบริษัทซูซื่อ มีครั้งไหนบ้างที่ซูซีมู่ไม่ได้พูดคำไหนคำนั้น? แต่ก็มีเพียงโล่เฟยเอ๋อที่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้
โล่เฟยเอ๋อตอบ‘อืม’คำเดียว จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ายี่ขื่อเว่ยแล้วพูดเสียงเรียบว่า: “เงินสองแสนนี้เป็นเงินชดเชยนาฬิกาCOCOเรือนนั้นของเธอ ส่วนเธอจะไปหรือไม่ไปจากบริษัทดี้ก้วน ก็แล้วแต่เธอ”
เจตนาเดิมของโล่เฟยเอ๋อคือไม่อยากทะเลาะใหญ่โตจนเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของซูซีมู่ แต่ในสายตาของยี่ขื่อเว่ยท่าทางเหล่านี้ของเธอกลับเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้
เดิมทีวันนี้ยี่ขื่อเว่ยก็ตั้งใจจะทำให้โล่เฟยเอ๋อขายหน้าอยู่แล้ว พอตอนนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบ จะยอมปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?
เธอหัวเราะเบาๆ แล้วพูดเยาะเย้ยว่า: “เหอะๆ บอกว่าจะทำให้ฉันออกจากบริษัทดี้ก้วนไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ทำต่อล่ะ? ฉันยังคิดว่าแฟนของเธอจะมีอะไรที่เก่งกว่านี้เสียอีก?”
ตอนแรกที่โล่เฟยเอ๋อเรียกซูซีมู่มาที่สำนักงานก็เพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง ตอนนี้เธออุตส่าห์ไว้หน้ายี่ขื่อเว่ย แต่ยี่ขื่อเว่ยกลับยังกล้าดูถูกซูซีมู่ อย่างนี้ยกโทษให้ไม่ได้จริงๆ
ใบหน้าเนียนอมชมพูก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ยี่ขื่อเว่ย ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าเธอ แต่เธอกลับยังคงระรานชาวบ้านแบบนี้ อย่างนั้นก็ได้ ฉันจะทำให้เธอสูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมด”
“เฟยเอ๋อ อย่าโมโหคนประเภทนี้เลย ให้โจวเฉิงมาจัดการเถอะ” ซูซีมู่พูดปลอบโยนโล่เฟยเอ๋อเบาๆ
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้” เธอยิ้มให้ซูซีมู่อย่างสดใส แล้วพูดกับยี่ขื่อเว่ยว่า: “เธอคิดว่านักออกแบบเล็กๆ อย่างเธอ จำเป็นต้องให้แฟนของฉันเป็นคนลงมือไล่เธอเหรอ? จะบอกให้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเขา ฉันก็สามารถทำให้เธอไสหัวออกไปจากบริษัทดี้ก้วนได้”
หัวใจของยี่ขื่อเว่ยเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งเมื่อได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ หรือจะบอกว่าโล่เฟยเอ๋อสามารถทำให้เธอออกไปจากบริษัทดี้ก้วนได้จริงๆ ? แต่พอคิดทบทวนดูอีกรอบ ถ้าโล่เฟยเอ๋อสามารถทำให้เธอออกไปจากบริษัทดี้ก้วนได้จริงๆ อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้หล่อนถึงปล่อยเธอไป?
ดังนั้นยี่ขื่อเว่ยจึงคิดว่าโล่เฟยเอ๋อก็แค่พยายามรักษาหน้าไว้อย่างสุดความสามารถก็เท่านั้น เธอจึงยืดอกขึ้นแล้วเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลยสักนิด: “เอาสิ ฉันจะรอดู ว่าเธอจะทำให้ฉันออกไปจากบริษัทดี้ก้วนได้อย่างไร”
“ได้” โล่เฟยเอ๋อยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วเอ่ยออกมาคำเดียวว่า‘ได้’ จากนั้นควานหาโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์ของเย่รู่ไป๋แล้วโทรออก
ทางฝั่งของเย่รู่ไป๋ก็รับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว โล่เฟยเอ๋อไม่พูดอ้อมค้อมและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: “หัวหน้าเย่ ฉันเอง…ฉันต้องการไล่ยี่ขื่อเว่ยออกจากสำนักงาน คุณช่วยจัดการให้ฉันที…”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างได้ยินว่าโล่เฟยเอ๋อเรียกฝ่ายนั้นว่า‘หัวหน้าเย่’ ทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าหัวหน้าแผนกออกแบบนั้นแซ่เย่
พอได้ยินสิ่งที่โล่เฟยเอ๋อพูดกับฝ่ายนั้น ต่างก็พากันคาดเดาอยู่ในใจว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังโทรหาหัวหน้าจริงๆ หรือเปล่า?
และแน่นอนก็มีคนที่คิดว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังสร้างสถานการณ์ตบตาเพื่อข่มขู่เท่านั้น อย่างเช่นยี่ขื่อเว่ยเป็นต้น
แค่เสแสร้งก็ยังทำไม่ได้ แล้วยังจะโทรออกคำสั่งกับหัวหน้าให้ไล่ตนเองออก? เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?
ระหว่างเธอกับโล่เฟยเอ๋อ ได้มาถึงจุดที่ถ้าเธอไม่ตายก็ต้องเป็นหล่อนที่ตายแล้ว
ได้ยินมาว่าผู้อำนวยการเกลียดโล่เฟยเอ๋อคนนี้มาก…
ดวงตาของยี่ขื่อเว่ยแข็งกร้าว จากนั้นก็โทรศัพท์ออกไปเช่นเดียวกัน…
ทางด้านของเย่รู่ไป๋นั้นในตอนที่รับสายโล่เฟยเอ๋อ เขากำลังประชุมอยู่ข้างนอก
เนื่องจากการประชุมนี้สำคัญมาก เขาจึงปลีกตัวออกมาไม่ได้ เลยโทรศัพท์หาคาริน่า เพื่อให้คาริน่าเป็นตัวแทนไปจัดการเรื่องให้โล่เฟยเอ๋อแทนเขา
ด้วยเหตุนี้คาริน่าที่กำลังอยู่ในคลาสฝึกอบรมหลังจากที่วางสายเสร็จก็รีบมาที่ห้องทำงานของหัวหน้าเพื่อรับหนังสือไล่ออกจากมือเลขาของหัวหน้า…
และในตอนนี้ พอผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์รับสายยี่ขื่อเว่ยก็รีบมาที่สำนักงานทันที
พอยี่ขื่อเว่ยเห็นผู้อำนวยการเข้ามาก็รีบปรี่เข้าไปหาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม “ผู้อำนวยการ คุณมาแล้ว”
ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ตบเบาๆ ที่หลังมือของยี่ขื่อเว่ย จากนั้นถาม “ได้ยินมาว่ามีคนคุยโวโอ้อวดว่าจะไล่คนในสำนักงานของฉัน เป็นใครกัน?”
“ฉันเอง” โล่เฟยเอ๋อตอบเสียงเรียบ
แววตาของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ฉายแววเย็นชาแวบหนึ่งจากนั้นเอ่ย: “เธอคิดว่าเธอเป็นที่อยู่ภายใต้การดูแลของคาริน่า ถึงได้อวดดีขนาดนี้เหรอ? ฉันจะบอกเธอให้ อาศัยแค่เรื่องที่เธอไม่เชื่อฟังเจ้านาย ก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในที่ทำงาน ฉันก็สามารถทำให้เธอม้วนเสื่อกลับบ้านไปได้ทันที”
พอเธอเพิ่งจะพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “ผู้อำนวยการ คุณไม่สามารถตัดสินใจอย่างนี้ได้”
ทุนคนหันไปมอง ก็เห็นคาริน่าที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“คาริน่า คุณยังอยากปกป้องเธออยู่เหรอ?” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์มีสีหน้ามืดครึ้มและถามอย่างไม่สบอารมณ์
คาริน่าไม่ตอบคำถามของผู้อำนวยการ เพียงแค่ทำความเคารพโล่เฟยเอ๋อ “คุณโล่”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “คุณครูคาริน่า คุณไปสอนคลาสฝึกอบรมแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลับมาสำนักงานเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
“หัวหน้ากำลังประชุมอยู่ข้างนอกค่ะ จึงกลับมาไม่ได้ เขาเลยให้ฉันมาไล่ยี่ขื่อเว่ยออกแทน” คาริน่าตอบ
ทางด้านผู้อำนวยการที่เห็นคาริน่าพูดคุยอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมากับโล่เฟยเอ๋อโดยไม่เห็นผู้อำนวยการอย่างเธออยู่ในสายตาสีหน้าก็เริ่มดูไม่ได้แล้ว “คาริน่า เธอบอกว่าเธอได้รับคำสั่งจากหัวหน้าให้มาไล่ยี่ขื่อเว่ยออก เธอมีหนังสือแจ้งข่าวจากหัวหน้าหรือเปล่า?
คาริน่าได้เตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงนำหนังสือไล่ออกที่ได้รับจากห้องทำงานของเย่รู่ไป๋ส่งให้ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์
พอมองหนังสือไล่ออกในมือ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ก็รู้แล้วว่ายี่ขื่อเว่ยจะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ไม่มีผลอะไรกับเธอ แต่ที่เธอมาในวันนี้ก็เพราะโล่เฟยเอ๋อ เธออยากจะฉวยโอกาสนี้เพื่อไล่โล่เฟยเอ๋อออก
เมื่อเก็บงำอารมณ์ขุ่นโกรธแล้ว ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไล่พวกเธอสองคนออกไปพร้อมกันเถอะ”
พอพูดประโยคนี้ออกไป บรรยากาศในสำนักงานก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
คาริน่าอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นก็มองผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ด้วยความเห็นใจแวบหนึ่ง
บอกตามตรงเธอนับถือผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์อย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะพยายามไล่ภรรยาเจ้าของบริษัทซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างมีความกล้ามากจริงๆ
ผู้อำนวยการไม่รู้ว่าสีหน้าแบบนี้ของคาริน่ามันหมายความว่าอย่างไร ได้แต่คิดว่าเธอคงโกรธที่ปกป้องโล่เฟยเอ๋อไว้ไม่ได้
จึงยิ้มเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ทำไมคาริน่าเธอความคิดเห็นอย่างนั้นเหรอ?”