งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 371
บทที่ 371 โล่เฟยเอ๋อถูกผู้จัดการใหญ่หลอกไป
ณ ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลไป๋กับตระกูลโล่นั้นใกล้ชิดและดีต่อกันมาก
ต่อมาตระกูลไป๋และตระกูลโล่ก็ได้แต่งงานกัน เดิมทีทุกคนคิดว่าหลังการแต่งงานของสองตระกูล ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลจะยิ่งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แต่ว่า เรื่องจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ไป๋หนิงรักโล่ชิงไป๋มาก แต่โล่ชิงไป๋ไม่ได้รักเธอ กระทั่งเกลียดเธอด้วยซ้ำไป
คนของตระกูลไป๋คิดอยากจะให้ไป๋หนิงหย่ากับโล่ชิงไป๋ แต่ว่าไป๋หนิงให้ตายก็ไม่ยินยอม ทำเอาตาไป๋ตอนนั้นโกรธจนตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอ
หลังจากนั้นไป๋หนิงก็ได้เสียชีวิตลง คนของตระกูลไป๋เอาแต่แค้นใจโล่ชิงไป๋ เป็นปรปักษ์กับโล่ชิงไป๋ในบริษัท และเพราะเหตุนี้ทำให้พวกเขาลืมโล่เฟยเอ๋อที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวหนึ่งปี
จนกระทั่งวันที่เห้อจิ้นเหยาเข้าสู่ตระกูลโล่ พวกเขาจึงจำโล่เฟยเอ๋อได้
คิดอยากจะพาโล่เฟยเอ๋อกลับมาเลี้ยงที่ตระกูลไป๋ แต่เห้อจิ้นเหยาและโล่ชิงไป๋ไม่ยอม
พวกเขาจึงได้แต่ใช้วิธีการอื่นๆ ในการชดเชยให้กับโล่เฟยเอ๋อ โดยการยกหุ้นของตระกูลไป๋ที่มีในตระกูลโล่แต่หุ้นเหล่านี้โล่เฟยเอ๋อกลับไม่ได้รับ แต่ทั้งหมดกลับถูกโล่ชิงไป๋ยึดไปหมดแล้ว
โล่ชิงไป๋นอกจากจะยึดหุ้นของตระกูลไป๋ที่มีในตระกูลโล่ ยังบีบให้ตระกูลไป๋ต้องออกไปจากเมืองA ตระกูลไป๋ต้องทนลำบากต่อสู้อยู่ที่ทวีปแอฟริกาใต้อยู่หลายปีจึงยืนหยัดขึ้นมาได้ เพราะความแค้นที่มีต่อโล่ชิงไป๋ ฉะนั้นคนในตระกูลไป๋จึงไม่มีใครไปหาโล่เฟยเอ๋ออีก
จนกระทั่งวันนี้ ไป๋หวนหยู่พบกับโล่เฟยเอ๋อโดยบังเอิญที่โถงงานเลี้ยง
ไป๋หวนหยู่รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง เขากำลังคิดว่า จะบอกกับคนอื่นๆ ดีหรือไม่ เรื่องที่เขาพบกับโล่เฟยเอ๋อ
วันถัดไปเป็นวันแข่งขันของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็นั่งรถพร้อมกับพวกของคาริน่าไปยังบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ
แปดโมงตรง เข้าไปในสนามแข่งพร้อมกันกับคนอื่นๆ
หลังจากเลือกที่นั่งได้แล้วก็นั่งลง โล่เฟยเอ๋อเปิดเอกสารบนโต๊ะ
บนเอกสารไม่ได้บอกรายละเอียดที่ต้องการให้ออกแบบ มีเพียงหัวข้อในการออกแบบเท่านั้น
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้รู้สึกแปลกกับการออกแบบประเภทนี้ กลับกันตอนที่เรียนกับครูไค่ตี้ ครูไค่ตี้มักให้เธอออกแบบภาพเช่นนี้อยู่เสมอ
แต่ว่าหัวข้อการออกแบบ ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ
แสดงความรู้สึก……
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองเอกสารอย่างเงียบๆ อยู่สักครู่ จากนั้นก็เปิดกระดาษวาดรูปทำการวาดแบบขึ้น
จากแปดโมงเช้าจนสิบเอ็ดโมง เวลาสามชั่วโมง สำหรับนักออกแบบแล้วการวาดแบบหนึ่งรูปนั้นมีเวลาเหลือเฟือ
แต่การออกแบบครั้งนี้ของโล่เฟยเอ๋อแตกต่างออกไปอยู่บ้าง ฉะนั้นเธอจึงวาดโดยไม่หยุดพักเลย
เริ่มจากการร่างโครงร่างใหญ่จนถึงการลงรายละเอียดทีละอย่าง ภาพเปลี่ยนจากพร่ามัวเป็นสว่าง……
เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีคนออกแบบภาพเสร็จแล้วออกไปมากขึ้น
ในช่วงเวลาสิบนาทีสุดท้าย ในสนามแข่งนอกจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อแล้ว ก็เหลือเธอที่เป็นนักออกแบบเพียงคนเดียว
โล่เฟยเอ๋อเหมือนจะไม่รับรู้เลย ยังคงวาดรูปออกแบบของเธออย่างไม่รีบร้อน
ตอนนี้เอง ประตูได้เปิดออก ไป๋หวนหยู่พาบอดี้การ์ดของเขาเดินเข้ามา
“การแข่งขันสิ้นสุดหรือยัง”
เจ้าหน้าที่ชี้ไปยังโล่เฟยเอ๋อที่กำลังออกแบบภาพวาดอยู่ตอบขึ้นว่า “ประธานไป๋ ยังมีนักออกแบบอีกหนึ่งคนยังวาดไม่เสร็จ”
ตอนที่ไป๋หวนหยู่เห็นว่าเป็นโล่เฟยเอ๋อ ก็นิ่งอึ้งไป จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “รอให้เธอวาดเสร็จแล้ว เธอรีบส่งภาพออกแบบทั้งหมดไปยังห้องทำงานของฉันทันที”
“ค่ะ ประธานไป๋”
ไป๋หวนหยู่มองไปยังโล่เฟยเอ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นก็พาบอดี้การ์ดจากไป
ตอนที่เหลือเวลาเพียงห้านาที โล่เฟยเอ๋อวาดภาพเสร็จพอดี หลังจากที่เขียนชื่อของตนเองและบริษัทลงในกระดาษอย่างเป็นระเบียบแล้ว เธอก็ส่งภาพที่ออกแบบให้กับพนักงาน ออกจากสนามแข่งไป
เพิ่งเดินพ้นประตู ก็ถูกผู้จัดการใหญ่ทักขึ้นทันที
“โล่เฟยเอ๋อ ในที่สุดเธอก็ออกมา”
โล่เฟยเอ๋อถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือคะ”
“สามีเธอเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เธอรีบไปกับฉันเถอะ” ผู้จัดการใหญ่พูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย
ได้ยินผู้จัดการบอกว่าซูซีมู่เกิดเรื่อง โล่เฟยเอ๋อรู้สึกคิดอะไรไม่ออก รับรู้ไม่ถึงเลยว่าคำพูดของผู้จัดการใหญ่จะมีช่องโหว่ใหญ่แค่ไหน
จนกระทั่งขึ้นไปนั่งบนรถของผู้จัดการใหญ่แล้ว โล่เฟยเอ๋อจึงได้สติกลับมา
“ผู้จัดการ นี่คุณหลอกชั้นเหรอ”
ผู้จัดการใหญ่นิ่งอึ้งไป จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “เธอรู้ได้ไงว่าชั้นหลอกเธอ”
““เพราะว่าคุณไม่รู้สถานะของสามีฉันเลย” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ผู้จัดการใหญ่หัวเราะฮ่าฮ่า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้สถานะของสามีเธอจริงๆ นั่นแหละ ฉันจะพาเธอไปพบคนคนหนึ่ง”
“ใครหรือคะ” โล่เฟยเอ๋อถาม
ผู้จัดการใหญ่ตอบว่า “ถึงเวลาก็รู้เอง”
โล่เฟยเอ๋อ ออ หนึ่งเสียง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ฉันขอโทรหาสามีฉัน บอกเขาก่อนได้ไหม”
“ตอนนี้ไม่ได้” ผู้จัดการใหญ่พูดแล้วก็แย่งเอากระเป๋าไปจากมือของโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อมองการกระทำของเธอด้วยสายตาเย็นชา ไม่พูดอะไร
เดิมทีวันนี้ซูซีมู่คิดจะไปเป็นเพื่อนโล่เฟยเอ๋อในการแข่งขันที่บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ แต่โล่เฟยเอ๋อไม่ยอม ให้เขารออย่างเชื่อฟังอยู่ที่โรงแรมรอเธอกลับมาหลังแข่งเสร็จ
ฉะนั้นซูซีมู่จึงรอโล่เฟยเอ๋ออย่างใจเย็น
แต่เขารอจนถึงเที่ยง ก็ไม่เห็นโล่เฟยเอ๋อกลับมา
เขาเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาโล่เฟยเอ๋อ ปรากฏว่าไม่มีคนรับสาย
ตอนแรก ซูซีมู่คิดว่าโล่เฟยเอ๋อติดธุระอะไรบางอย่างอยู่จึงไม่สามารถรับสายได้
แต่โทรติดต่อกันมากกว่าสิบสาย ก็ไม่มีคนรับสาย ซูซีมู่เริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เขาโทรหาเย่รู่ไป๋ ถามถึงโล่เฟยเอ๋อ แต่ก็พบว่าเขาไม่มีเบอร์โทรของเย่รู่ไป๋
ทำได้เพียงโทรหาโจวเฉิง ขอเบอร์ของเย่รู่ไป๋จากโจวเฉิง
หลังจากได้เบอร์ของเย่รู่ไป๋แล้ว ซูซีมู่ก็รีบโทรหาทันที
เย่รู่ไป๋รับสายในไม่ช้า “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
ซูซีมู่พูดขึ้นว่า “ผมซูซีมู่นะ”
“ซู……ประธานซู คุณมีเรื่องอะไรหรือครับ” เย่รู่ไป๋รีบเอ่ยถามขึ้นอย่างนอบน้อม
ซูซีมู่ไม่เสียเวลา ถามตรงไปว่า “เฟยเอ๋ออยู่กับคุณหรือเปล่า”
“คุณผู้หญิง ไม่ใช่คุณมารับเธอไปหรือครับ” เย่รู่ไป๋ตอบกลับอย่างแปลกใจ
ได้ยินคำพูดของเย่รู่ไป๋ สีหน้าของซูซีมู่ก็ขรึมลงทันที จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ไปรอผมที่บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ จากนั้น ก็กดวางสายทันที
พลางวิ่งออกไปนอกห้อง พลางก็โทรหาโจวเฉิง
“โจวเฉิง นายรีบเช็คหมายเลขของเฟยเอ๋อที”
โจวเฉิงถามขึ้นอย่างสงสัย “ประธานซู เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“นายจะถามมากทำไม เช็คเสร็จแล้ว รีบรายงานฉัน” ซูซีมู่ตะคอกคำพูดนี้จบ ก็ตัดสาย มองลิฟต์ที่กำลังลงมา เขาหมุนตัววิ่งไปทางบันได
วิ่งมาถึงลานจอดรถ ซูซีมู่วิ่งจนลมหายใจกระหืดกระหอบ
ยังไม่ทันได้หายใจ เขาก็ดึงประตูรถออกขึ้นไปนั่งทันที จากนั้นแม้แต่เข็มขัดนิรภัยก็ไม่ได้คาด ก็เหยียบคันเร่งสุดฝีเท้า หมุนพวงมาลัย รีบพุ่งออกจากลานจอดรถ ไปยังบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ
ควบคู่ไปกับเสียงเบรกรถอย่างกะทันหัน ซูซีมู่จอดรถบิดๆ เบี้ยวๆ อยู่ที่หน้าประตูของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ
เขาผลักบานประตู ลงจากรถ ก็ตรงดิ่งไปยังประตูของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ
“คุณผู้ชาย ที่นี่ไม่สามารถจอดรถ……” ผู้รักษาความปลอดภัยเข้ามาขวางซูซีมู่ ซูซีมู่ผลักจนล้ม จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังล็อบบี้ของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่