งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 373
บทที่ 373 ผู้จัดการใหญ่ที่น่าอนาถ
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองชายฝรั่งเศสวัยกลางคนที่ยืนหันหลังให้เธออยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
อย่าหาว่าเธอทำไมจึงสับสน เพราะหลังจากผู้จัดการใหญ่พาเธอมาที่นี่ ผู้ชายคนนี้นอกจากเสียง ‘อืม’ แล้ว จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่เปิดปากพูดอะไรเลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดชายคนนั้นก็หมุนตัวกลับมา
“กำลังแปลกใจอยู่ใช่ไหมว่าทำไมผมถึงต้องการพบคุณ”
โล่เฟยเอ๋อกระตุกริมฝีปาก ถามขึ้น “พบฉัน ไม่ใช่การหลอกเหรอ”
ชายวัยกลางคนถูกจับเท็จได้ แต่ก็ไม่โกรธเลยสักนิด กลับหัวเราะและพูดขึ้นว่า “คุณช่างเหมือนกับเธอจริงๆ”
“เหมือนใคร” โล่เฟยเอ๋อเลิกคิ้ว
ชายวัยกลางคนเดินมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณครูของคุณ” โล่เฟยเอ๋ออึ้ง แล้วถามขึ้นว่า “คุณครูไค่ตี้”
“ใช่ ไค่ตี้” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
ไม่รู้ทำไม โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าตอนที่ผู้ชายคนนี้พูดถึง ‘ไค่ตี้’ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก
เธอมองด้วยสายตาสงสัย แล้วถามขึ้นว่า “คุณรู้จักคุณครูไค่ตี้เหรอ”
“รู้จักกันหลายปีแล้ว……” ไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนนึกอะไรได้ นัยน์ตามีแววหม่นหมองลง
แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็เป็นอยู่ไม่กี่วินาที ก็กลับสู่ปกติ
“ผมอยากพบคุณครูของคุณ”
โล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจว่าชายวัยกลางคนคนนี้ที่แท้จะรู้จักกับคุณครูไค่ตี้หรือไม่ แต่เมื่อคิดถึงวิธีการที่คนคนนี้หาตัวเธอ เธอจึงตัดสินใจว่า ไม่ให้เขาพบกับคุณครูไค่ตี้ “ขอโทษนะคะ ฉันไม่สามารถให้คุณพบกับเธอได้”
ได้ยินที่โล่เฟยเอ๋อพูด สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ขรึมลง “ตอนนี้คุณอยู่ในกำมือผม คุณคิดว่าคุณมีทางเลือกเหรอ”
โล่เฟยเอ๋อประสานสายตาเข้ากับชายคนนั้นอย่างไม่หวาดกลัวเลยสักนิด “แม้จะไม่มีทางเลือก ฉันก็ไม่สามารถให้คุณพบกับคุณครูไค่ตี้ได้”
“คุณ……คุณ……” ชายวัยกลางคนลุกยืนขึ้น ชี้ไปยังโล่เฟยเอ๋อแล้วพูดคำว่า ‘คุณ’ ไปสองคำ จากนั้นก็พูดกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความเกรี้ยวกราด “พาเธอออกไป”
บอดี้การ์ดสองคนนั้นรีบเข้ามา คิดจะลากตัวโล่เฟยเอ๋อ
“ฉันเดินเองได้” โล่เฟยเอ๋อตะโกนหยุดการกระทำของพวกเขา ลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก
มีที่อยู่ของมือถือโล่เฟยเอ๋อที่โจวเฉิงส่งให้กับซูซีมู่ บวกกับความช่วยเหลือของไป๋หวนหยู่ ไม่นานพวกของซูซีมู่ก็พบตำแหน่งของฝ่ายตรงข้าม
ซูซีมู่กดความรู้สึกใจร้อนที่อยากจะพุ่งเข้าไป จากนั้นก็ให้สัญญาณเย่รู่ไป๋ให้โทรหาผู้จัดการใหญ่เพื่อหยั่งเชิง
มือถือดังขึ้นประมาณสิบวินาที ฝั่งนั้นมีเสียงของผู้จัดการใหญ่ส่งผ่านมา
“ฮัลโหล”
“ผู้จัดการใหญ่ ผมเย่รู่ไป๋” เย่รู่ไป๋ตอบกลับไป
ผู้จัดการใหญ่ทำเสียง ‘ออ’ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “หัวหน้าเย่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เย่รู่ไป๋แกล้งทำทีเป็นถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “ผู้จัดการใหญ่ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณโล่อยู่ไหน”
ฝั่งผู้จัดการใหญ่ลังเลอยู่หลายวินาที จึงถามขึ้นว่า “คุณโล่ ไม่รู้สิ”
เย่รู่ไป๋ถามขึ้นอย่างรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง “ผู้จัดการใหญ่ ก็ไม่รู้หรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องให้สามีของคุณโล่แจ้งความแล้วล่ะ”
“แจ้งความ ……” น้ำเสียงของผู้จัดการใหญ่มีแววลนลานแฝงอยู่
เย่รู่ไป๋ถามขึ้นอย่างสงสัย “ใช่แจ้งความ ทำไมเหรอครับ”
“ผมหมายถึง หายไปยังไม่ถึง24ชั่วโมง แจ้งความ ตำรวจคงไม่รับเรื่อง” ผู้จัดการใหญ่ตอบอย่างอึกอึกอักอัก
“เรื่องนี้ผมรู้ แต่เหมือนว่าสามีของคุณโล่จะมีเส้นสาย ตำรวจน่าจะรับเรื่อง……” เย่รู่ไป๋ยังพูดไม่ทันจบ ฝั่งนั้นก็มีเสียงปังดังขึ้นส่งมาในมือถือ
ตามติดด้วยเสียงตู้ดตู้ดตู้ดไม่กี่เสียง ก็เงียบไปแล้ว
“ประธานซู สายหลุดแล้วครับ ทำไงดี” เย่รู่ไป๋ชูมือถือขึ้นถาม
ซูซีมู่พูดแค่คำเดียว รอ สายตาจดจ่ออยู่ที่บ้านพักตากอากาศฝั่งตรงข้าม
เย่รู่ไป๋เดิมทีคิดอยากจะถามว่าทำไมต้องรอ แต่สีหน้าของซูซีมู่ทำให้เขาไม่กล้าถามออกไป
ผ่านไปประมาณสิบนาที ประตูของบ้านพักตากอากาศก็เปิดออก ผู้จัดการใหญ่ออกมาจากบ้านอย่างเร่งรีบ ไปเอารถที่โรงจอดรถ
ตอนนี้เอง ซูซีมู่เคลื่อนไหวแล้ว
เห็นเพียงเขาผลักประตูรถออก จากนั้นก็กระโดดข้ามกำแพงบ้านพักตากอากาศไปด้วยท่าทีสวยงาม พุ่งตรงไปยังผู้จัดการใหญ่ที่กำลังไปยังโรงจอดรถ จากนั้นยังไม่ทันที่ฝ่ายตรงข้ามจะรู้ตัว ก็ใช้เท้าเตะจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เย่รู่ไป๋ยังคิดว่าเป็นความสามารถพิเศษซะอีก
“วาว ประธานซูเก่งโคตรๆ”
ไป๋หวนหยู่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขากระตุกมุมปาก จากนั้นก็หันไปด่าบอดี้การ์ของเขา “ยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบเข้าไปช่วยอีก”
“ครับ……” บอดี้การ์ดรีบลงจากรถ กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในบ้านพัก
แม้ความสามารถจะไม่เท่าซูซีมู่ แต่ก็นับว่าไม่เลว ไม่ช้าก็มาถึงข้างกายซูซีมู่
“ประธานซู……”
ซูซีมู่ ‘อืม’ เบาๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า “ทำให้เขาตื่น”
ตอนนี้ทุกคนเพิ่งจะรู้ว่า ลูกเตะของซูซีมู่ ทำให้ผู้จัดการใหญ่สลบไปแล้ว
ประธานซูคนนี้ช่างน่ากลัว เหล่าชายหนุ่มต่างสะท้อนในใจ จากนั้นก็ทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟังทำให้คนตื่นขึ้นมา
“โอ๊ย……” ผู้จัดการใหญ่โอดโอย ตื่นขึ้นมา
เมื่อมองเห็นบอดี้การ์ดหลายคนข้างตัว ก็รีบถามขึ้นว่า “พวกนายเป็นใครกัน จะทำอะไร”
บอดี้การ์ดไม่ตอบเขา เพียงแต่พูดกลับซูซีมู่ว่า “ประธานซู คนฟื้นแล้ว”
ตอนนี้เอง ผู้จัดการใหญ่จึงสังเกตเห็นซูซีมู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ประธานทำไมจึงมาอยู่ที่นี่
“ซู……ประธานซู ทำไมคุณมาอยู่นี่”
ซูซีมู่ไม่ตอบคำถามของผู้จัดการใหญ่ ถามขึ้นว่า “เฟยเอ๋ออยู่ที่ไหน”
เฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อ ประธานรู้จักโล่เฟยเอ๋อ ประกายตาของผู้จัดการใหญ่สั่นไหว จากนั้นก็พูดว่า “ประธานซู คุณถามผิดคนแล้ว ผมไม่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋ออยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้” สีหน้าของซูซีมู่ขรึมลงอย่างร้ายกาจ วินาทีต่อมา หมัดของเขาก็จรดลงไปยังใบหน้าของผู้จัดการใหญ่
พร้อมกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวด คางของผู้จัดการใหญ่ถูกต่อยจนเบี้ยวไปแล้ว
จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเขายังไม่ทันสิ้นสุดลง ก็ตามติดมาด้วย หมัดที่สอง หมัดที่สาม หมัดที่สี่
ได้ยินเสียงร้องอย่างอนาถของทางนั้น คนรอบข้างต่างก็รู้สึกหนาวสั่น
ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าลูกเตะของซูซีมู่ที่ทำให้คนสลบได้ช่างน่ากลัวเกินไป แต่ตอนนี้เห็นที ถูกเตะจนสลบไปยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจ็บปวดอย่างน่าอนาถเช่นนี้
ซูซีมู่รัวหมัดใส่ผู้จัดการใหญ่ไปสิบกว่าหมัด หิ้วคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมา โยนออกไป ตามติดด้วยเสียงตุบตับ ผู้จัดการใหญ่จึงหล่นอยู่บนพื้น
ซูซีมู่ก้าวเข้าไปทีละก้าว จากนั้นก็เหยียบไปบนหน้าอกของเขา น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถาม “เฟยเอ๋ออยู่ที่ไหน”
ผู้จัดการใหญ่กลัวแล้วจริงๆ เขาตอบด้วยเสียงอันสั่นเทา “อยู่…… อยู่…… ที่ ……คุณครูของผม”
ซูซีมู่หรี่ตาอย่างอันตราย แล้วถามว่า “ครูของนายเป็นใคร”
“ไอ……ไอบุต……” หลังจากเสียงของผู้จัดการใหญ่สิ้นสุดลง ก็ตามติดด้วยเสียง ‘เอ๋’ ของไป๋หวนหยู่
ซูซีมู่หันมามองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถามต่อไปว่า “ที่อยู่ล่ะ”
“หลัน……หลันโปวาน…………บ้านตากอากาศ……เลขที่12”
ซูซีมู่ปล่อยเท้าที่เหยียบอยู่บนอก จากนั้นก็หมุนตัว ก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆ ออกไปจากบริเวณบ้านพักตากอากาศ
ไป๋หวนหยู่พูดกับบอดี้การ์ดว่า “อยู่ที่นี่คนหนึ่งเฝ้าเขาไว้ ที่เหลือตามฉันไป” จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ ตามซูซีมู่ไป