งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 398
บทที่398 งั้นหนูจะแต่งงาน
โล่เฟยเอ๋อนั่งอยู่ข้างๆ ซูยุ่น สังเกตเห็นการกระทำของคนข้างๆ จึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ “เป็นอะไรหรือเปล่า? อาหารไม่ถูกปากหรอ? ”
หลังสิ้นสุดคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ทุกคนจึงพากันหันมาสนใจซูยุ่น
ทำให้ซูยุ่นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เอ่อ… เปล่าหรอกค่ะ อาหารถูกปากมาก”
เพื่อไม่ให้ทุกคนเข้าใจผิด ซูยุ่นจึงยัดกับข้าวเข้าปากคำโตๆ ไม่หยุด ทำลายภาพลักษณ์ของเธอโดยสิ้นเชิง
เล่นเอาคุณท่านยังหัวเราะ รีบขนาดที่ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลยนะ
ซูยุ่นก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก ขณะเดียวกันก็ไม่วายจ้องโจวเฉิงด้วยสายตาอาฆาต
ต้องโทษหมอนั่นที่ทำให้เธอขายหน้า
โจวเฉิงผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยว่าตัวเองกำลังถูกซูยุ่นโยนความผิดให้ เขาจัดการข้าวในชามจนหมด จึงพูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า ‘ขอให้ทุกท่านทานกันอย่างอร่อยครับ’ แล้วลุกขึ้นยืน
ซูยุ่นเห็นโจวเฉิงลุก เธอก็รีบวางชามข้าวกับตะเกียบลง แล้วรีบลุกขึ้นตาม
ท่าทางรีบร้อนนั่น ดึงความสนใจให้ทุกคนหันมามองเธอเป็นสายตาเดียว
แต่ซูยุ่นไม่ได้สนใจ เธอรีบเร่งฝีเท้าตามโจวเฉิงออกไป
เมื่อซูยุ่นตามจนออกมาจากตัวคฤหาสน์ โจวเฉิงเดินไปจนถึงหัวโค้งแล้ว เธอจึงรีบตะโกนใส่แผ่นหลังเขา “นายหุ่นไม้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
โจวเฉิงที่เดินอยู่ด้านหน้าหยุดฝีเท้าลง แล้วหันกลับมามองซูยุ่น “คุณซูเรียกผม? ”
ซูยุ่นเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับถามขึ้นด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก “ตรงนี้นอกจากนายแล้วยังมีใคร? ”
“ไม่มีครับ” โจวเฉิงตอบ
ซูยุ่นพ่นลมหายใจแรง แล้วเดินผ่านโจวเฉิงมุ่งหน้าไปอีกทาง “นายมากับฉัน”
โจวเฉิงขมวดคิ้ว ไม่ขยับตัว
ซูยุ่นหันกลับมาเห็นเขาไม่เดินตาม ก็พูดอย่างหัวเสีย “ฉันสั่งให้นายมานี่”
“ครับ” โจวเฉิงก้าวขายาวเดินเข้าไป
ซูยุ่นระงับอารมณ์หงุดหงิดกับสิ่งที่เขาทำ ตลอดทางเธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ในขณะที่โจวเฉิงไม่รู้สักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินตามหญิงสาวเงียบๆ
กระทั่งพาเขาเข้ามาในคฤหาสน์หลังที่เธอพักอาศัยได้ ในที่สุดก็พูดขึ้นอย่างหมดความอดทน “นายไม่มีอะไรจะพูดกับฉันหรอ? ”
โจวเฉิงนิ่งไปเล็กน้อย แล้วส่ายหน้า “ไม่มีครับ”
“นาย…” ซูยุ่นชี้ไปที่เขาอย่างหงุดหงิดแล้วพูดแค่คำว่า ‘นาย’ ก่อนจะฟึดฟัดพูดต่อ “ฉันจะกินน้ำ ไปเทน้ำมาให้ฉัน”
“ครับคุณซู” โจวเฉิงรีบเทน้ำมาให้ด้วยความรวดเร็ว
ซูยุ่นไม่ได้ดื่ม แต่ยังเอ่ยปากสั่งต่อ “เมื่อกี้ฉันยังกินข้าวไม่อิ่ม นายไปหาอะไรมาให้ฉันกินที”
“ครับ…”
วิ่งไปวิ่งมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดซูยุ่นก็ระเบิดออกมา “นอกจากคำว่า ‘ครับ’ นายพูดอย่างอื่นเป็นไหม?”
โจวเฉิงยืนเงียบอยู่กับที่
ซูยุ่นสูดหายใจลึกระงับโทสะ ก่อนจะเอ่ย “นายไปเถอะ”
โจวเฉิงตอบคำว่า ‘ครับ’ มาทีหนึ่ง แล้วเดินอออกไป
ตั้งแต่นั้นมา เมื่อไหร่ก็ตามที่โจวเฉิงมาที่คฤหาสน์ตระกูลซู ซูยุ่นก็มักจะเรียกเขาแล้วออกคำสั่งใช้งานไม่หยุด
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์โจวเฉิงต้องไปประเทศMอีกครั้ง ซูยุ่นกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
“ซูยุ่น? ซูยุ่น?” โล่เฟยเอ๋อยื่นมือมาตรงหน้าเธอแล้วโบกไปมา
ซูยุ่นดึงสติกลับ “อ้ะ? พี่สะใภ้ ว่ายังไงนะคะ?”
“เมื่อกี้ผู้ดูแลบ้านฝากเด็กมาบอกว่าคุณป้าสองมาน่ะ” โล่เฟยเอ๋อพูดซ้ำอีกครั้ง
ซูยุ่นอุทานตกใจ “แม่ฉันมาหรอคะ?”
“ใช่ เธอจะไปที่หน้าบ้านคฤหาสน์กับฉันหรือเปล่า?” โล่เฟยเอ๋อรู้ดีว่าซูยุ่นมาพักอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องการหลบหน้าครอบครัว เพราะงั้นถึงมาถาม
“ฉันไม่ไปดีกว่าค่ะ…” ซูยุ่นยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงจากด้านนอกก็ดังเข้ามา “ไม่อยากเจอหน้าแม่ตัวเองขนาดนี้เลยหรือไง?”
ความจริงคุณป้าสองพอจะเดาได้นานแล้วว่าซูยุ่นกำลังหนีเธออยู่ จึงต้องมาตามด้วยตัวเอง
“คุณป้าสอง นั่งก่อนค่ะ” โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้น ปากรีบเชิญแม่ของซูยุ่นให้นั่ง ขาก็เดินไปรินน้ำชามาให้
คุณป้าสองเห็น ท่าทีของโล่เฟยเอ๋อ จึงรีบเข้ามาห้าม “เฟยเอ๋อ เรากำลังท้องกำลังไส้ รีบนั่งลงเถอะ”
“คุณป้าสอง หนูสบายมากค่ะ” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
“ถึงสบายมากก็ห้ามออกแรงเยอะๆ” คุณป้าสองให้โล่เฟยเอ๋อนั่งลง แล้วเดินไปรินน้ำเอง จากนั้นก็มานั่งคุยกับโล่เฟยเอ๋อ
คุณป้าสองไม่ได้อยู่นาน นั่งคุยได้สักพักก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ “เฟยเอ๋อ ถึงเวลาแล้ว พวกเราควรกลับสักที ช่วงนี้ซูยุ่นรบกวนเราน่าดูเลย”
“คุณแม่… หนู…” ซูยุ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แม่หันมาจ้องเธอตาเขียว ดังนั้นจึงรีบปิดปากแน่น
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับยิ้มๆ “ไม่เลยค่ะ หนูต่างหากต้องขอบคุณซูยุ่นที่มาอยู่เป็นเพื่อน”
“เฟยเอ๋อจะปลอบป้าหรือไง? เจ้าเด็กนี่โดนตามใจจนเคยตัว นอกจากเอาแต่ใจตัวเอง อะไรก็ทำไม่เป็น” คุณป้าสองหัวเราะเหอะๆ
โล่เฟยเอ๋ออ้าปากจะพูดอะไรต่อ ซูยุ่นเอ่ยขึ้นมาก่อน “พี่สะใภ้ ที่ผ่านมารบกวนพี่แล้ว ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่รบกวนอะไรทั้งนั้น พี่พี่ใจที่มีเธอมาอยู่เป็นเพื่อน” โล่เฟยเอ๋อว่า
“ขอบคุณค่ะ ไว้เจอกันนะคะ” ซูยุ่นโบกมือบ๊ายบายโล่เฟยเอ๋อ แล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไป
คุณป้าสองเองก็บอกลาโล่เฟยเอ๋อ แล้วตามออกไป
โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจเศร้า แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา…
ซูซีมู่เดินเข้ามา เห็นโล่เฟยเอ๋อนั่งหน้างออยู่บนโซฟา จึงรีบถาม “เป็นอะไร?”
“ไปกับคุณป้าสองแล้ว” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูซีมู่เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาวางกระเป๋าใส่เอกสารลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงข้างๆ โล่เฟยเอ๋อ “เป็นห่วงซูยุ่นสินะ?”
“ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
ซูซีมู่ดึงเธอเข้ามากอด “ไม่ต้องคิดมาก ถ้าเธอไม่ยอมสักอย่าง ใครก็บังคับไม่ได้หรอก”
“จริงหรอคะ?” โล่เฟยเอ๋อไม่ค่อยเชื่อนัก
“อืม” ซูซีมู่พยักหน้า
ซูซีมู่เคยเข้าใจว่านิสัยดื้อด้านอย่างซูยุ่น ไม่มีทางยอมก้มหัวให้ครอบครัว แต่ใครจะคิดว่าเธอยอมแต่งงานซะงั้น ที่สำคัญคือว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ ยังทำให้ซูซีมู่รู้สึกเหนือความคาดมากอย่างมาก
“คุณแม่มาหาหนูทำไมคะ?”
แม่ของซูยุ่นไม่ตอบ แต่ย้อนถามกลับ “ทำไมหรอ?”
ได้ยินแบบนั้น ซูยุ่นก็ถึงกับหน้าซีด เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูด “คุณแม่ หนูจะไม่ไปดูตัวตามที่แม่สั่ง”
“นี่เป็นประเพณีของตระกูลซู เราไม่มีสิทธิ์เลือก” ใบหน้าอ่อนโยนของแม่ซูยุ่นเผยความดุดันขึ้นเล็กน้อย
ซูยุ่นเงียบไปไม่นาน จึงถามต่อ “แค่แต่งงานแม่ก็จะพอใจใช่ไหมคะ?”
“แน่นอน” แม่ของซูยุ่นพยักหน้า
“งั้นหนูแต่ง” ซูยุ่นตอบ
แม่ซูยุ่นเข้าใจว่าเธอแค่พูดตัดรำคาญ “ซูยุ่นจะบอกปัดแล้วเบี้ยวดูตัวใช่ไหม?”
“เปล่าค่ะ หนูตั้งใจจะแต่งงานจริงๆ” ซูยุ่นมีสีหน้าจริงจัง
แม่ของซูยุ่นขมวดคิ้ว แล้วถาม “แต่งเมื่อไหร่? แต่งกับใคร?”
“ภายในหนึ่งเดือนค่ะ ส่วนว่าที่เจ้าบ่าว ถึงเวลาคุณแม่ก็จะรู้เอง” ซูยุ่นตอบเสียงเรียบ
“ถ้าภายในหนึ่งเดือนยังไม่แต่ง เราจะต้องเริ่มดูตัวทันที”
“แน่นอนค่ะ…”