งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 46
บทที่ 46 เพิ่งได้รู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุ
ขึ้นรถแล้วโล่เฟยเอ๋อก็ถามโจวเฉิง“วันนี้เขาไม่ทำงานเหรอ?”
“ประธาณซูเขาได้รับ……”โจวเฉิงตอบครึ่งเดียวก็นึกถึงคำเตือนของซูซีมู่รีบเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว“ประธาณซูหยุดพักสองสามวัน”
“อืม”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างไม่ได้สงสัย
เห็นโล่เฟยเอ๋อเชื่อเขาแล้ว โจวเฉิงก็ค่อยๆถอนหายใจออกมา แล้วขับรถต่อไป
รถผ่านไปได้ครึ่งทาง โทรศัพท์ของโจวเฉิงก็ดังขึ้น
โจวเฉิงจับพวงมาลัยด้วยมือเดียวแล้วหยิบโทรศัพท์มารับสาย
“ฮัลโหล……มีเรื่องอะไร?ลูกค้าต้องการพบประธาณซู?เลื่อนเวลาออกไปสักสองสามวัน ใช่……ประธาณซูยังไม่ฟื้นตัว……ถึงเวลาจะบอกคุณอีกที……”
โล่เฟยเอ๋อได้ยินโจวเฉิงพูดว่า‘ประธาณซูยังไม่ฟื้นตัว’แค่ไม่กี่คำ ก็ทำให้ตกตะลึงไปหมด
เขายังไม่ฟื้นตัว?เขาเป็นอะไร?
โล่เฟยเอ๋ออยากจะถามโจวเฉิงทันที ว่าซูซีมู่เป็นอะไรธอรู้ว่าโจวเฉิงมีบางอย่างที่ต้องจัดการ ดังนั้นเธอจึงนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป
รอจนโจวเฉิงวางสาย โล่เฟยเอ๋อถึงรีบถามอย่างร้อนรน“เขาเป็นอะไร?เขาเจ็บตรงไหน?”
โจวเฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเขาถึงได้รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อได้ยินที่เขาคุยโทรศัพท์เมื่อกี้นี้
โจวเฉิงเอามือลูบจมูกและตัดสินใจแกล้งทำตัวโง่ ๆ “คุณโล่ คุณพูดอะไร?ผมไม่เข้าใจ”
“คุณโจวไม่รู้?งั้นฉันจะโทรถามเขาเอง”โล่เฟยเอ๋อพูดแล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าจะกดโทรหาซูซีมู่
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดแบบนี้โจวเฉิงก็รีบตอบว่า:“ถ้าอย่างนั้นคุณโล่ คุณอย่าโทรหาประธาณซู ผมจะบอกคุณทั้งหมด”
โล่เฟยเอ๋อมองโจวเฉิงกับโทรศัพท์มือถือของเธอด้วยสีหน้า ‘คุณพูดมาฉันจะฟัง’
บนหน้าผากของโจวเฉิงมีเหงื่ออผุดขึ้นมา หน้าผากที่เปียกโชกทำให้โล่เฟยเอ๋อใจอ่อน เธอไม่ได้อยากจะรังแกคนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า:“ประธาณซูประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และบาดเจ็บที่กระดูกต้นคอ”
โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความประหลาดใจ“เกิดอุบัติเหตุเมื่อไหร่?กระดูกต้นคอได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า?”
“เมื่ออาทิตย์ก่อน……”โจวเฉิงหยุดไปสักครู่แล้วพูดว่า:“ดูเหมือนว่าเป็นคืนที่《zero》ฉายรอบปฐมทัศน์ผู้อำนวยการประสบอุบัติเหตุที่ตึกอวิ๋นเหซียง……”
คืนที่《zero》ฉายรอบปฐมทัศน์?ตึกอวิ๋นเหซียงที่อยู่ด้านั้นเหรอ?
ตึกอวิ๋นเหซียงอยู่ใกล้กับลานกว้างหวั้นด๋า คืนนั้นเขานัดกับเธอเพื่อดูรอบปฐมทัศน์ของ《zero》ที่ลานกว้างหวั้นด๋า
เขาประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปยังลานกว้างหวั้นด๋า
หัวใจของโล่เฟยเอ๋อแตกสลายในพริบตาเหมือนโดนฉีกเป็นชิ้นๆ และน้ำตาก็รินไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
โจวเฉิงมองโล่เฟยเอ๋อร้องไห้จากกระจกหลัง แล้วดึงกระดาษทิชชูส่งให้เธอแล้วพูดว่า:“คุณโล่ คุณอย่าร้องเลย”
“ฉันไม่ได้ร้องไห้ คุณมองผิดแล้ว”โล่เฟยเอ๋อรีบก้มหน้าลง
ร้องไปขนาดนี้แล้ว ยังบอกว่าไม่ได้ร้อง โจวเฉิงเต็มไปด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังจากนั้นไม่นานโล่เฟยเอ๋อหยุดร้องไห้และถามด้วยเสียงต่ำว่า “กระดูกต้นคอเขาได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างไร?”
โจวเฉิงตอบว่า“ต้องรักษาด้วยการดึงคอ ให้กลับมาหายดียังต้องรักษาเป็นเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์”
อีกตั้งหนึ่งอาทิตย์?ทำไมถึงออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ?โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ไม่ใช่ว่าต้องรักษาอีกหนึ่งอาทิตย์เหรอ?ทำไมเขาถึงออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนี้?”
โจวเฉิงมองไปที่กระจกหลัง เห็นใบหน้าที่กังวลของโล่เฟยเอ๋อ ก็ตอบว่า“ประธาณซูไม่ชอบอยู่ในโรงพยาบาล เขาเลยให้หมอไปทำการรักษาที่บ้านเอง”
ได้ยินโจวเฉิงพูดแบบนี้โล่เฟยเอ๋อก็โล่งใจ
“งั้นก็ดีแล้ว”โล่เฟยเอ๋อมองที่โจวเฉิงแล้วพูดว่า:“ฉันจะไม่บอกเขาว่าคุณบอกเรื่องนี้กับฉัน”
โจวเฉิงมองโล่เฟยเอ๋ออย่างงุนงง“คุณโล่ คุณ……”
“เขาไม่อยากให้คุณบอกฉันไม่ใช่เหรอ?”ก่อนหน้านี้ซูซีมู่ตัดบทโจวเฉิง แล้วเมื่อกี้โจวเฉิงทำเป็นแกล้งโง่เพื่อปกปิดอีก โล่เฟยเอ๋อพอจะเดาได้ ว่าซูซีมู่ไม่ให้โจวเฉิงบอกเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์กับเธอ
“ครับ” โจวเฉิงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“อย่างงั้นฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร คุณโจวก็แกล้งทำเป็นว่าไม่พูดอะไร”
โจวเฉิงลังเลสักครู่แล้วพยักหน้า “ตกลงครับ”
โล่เฟยเอ๋อ‘อืม’ไปหนึ่งคำ แล้วหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ซ่อนความเจ็บปวดในดวงตาไว้ไม่มิด
เขาไม่ต้องการให้เธอรู้ ดังนั้นเธอก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักอะไรเลย……
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที โจวเฉิงก็จอดรถที่ริมถนนอย่างช้าๆ “คุณโล่ ถึงแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณโจว”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วลงจากรถไป
หลังจากโจวเฉิงส่งโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทดี้ก้วนแล้วถึงได้ขับรถออกไปเมื่อถึงเวลาเลิกงาน โล่เฟยเอ๋อก็รีบออกจากบริษัท เพื่อเอาตั๋วหนังให้หซิวหชูเฉียวที่ปโรงภาพยนตร์ซีจีเมเจอร์
ใช่แล้ว เธอเอาตั๋วหนังมาให้เพื่อน ไม่ได้มาดูหนัง
ก่อนที่จะรู้ว่าซูซีมู่ไม่ไปดู โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าซูซีมู่ได้รับบาดเจ็บ เธอก็ไม่อยากดูแล้ว
ถ้าไม่ใช่ว่าที่ทำงานของหซิวหชูเฉียวอยู่ค่อนข้างไกลจากบริษัทดี้ก้วน ไปไปมามาเปลืองเวลาโล่เฟยเอ๋อคงไม่ต้องตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปเขตตะวันออกเพื่อเอาตั๋วหนังไปให้หซิวหชูเฉียว เธอคงจะรีบไปหาซูซีมู่ที่วิลล่าหลันถิงด้วยความยินดี
เพิ่งออกจากประตูบริษัท โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วเห็นว่าโล่หยิวชิวโทรมา เธอยิ้มแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล พี่สาว”
หลายวันมานี้โล่หยิวชิวโทรหาโล่เฟยเอ๋อทุกวัน ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองพี่น้องเมื่อก่อนไม่เคยสนิทกันมาก่อน
“โล่เฟยเอ๋อ ฉันอยู่ที่ถนนอีกฝั่ง”เสียงของโล่หยิวชิวดังมาจากโทรศัพท์
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาและเห็นโล่หยิวชิวโบกมือให้เธอที่อีกฝั่งของถนน
โล่เฟยเอ๋อเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าแล้วข้ามถนนไปหา“พี่สาว พี่มาแล้ว”
“อืม พอดีมาทำธุระแถวนี้ เห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานของเธอแล้ว เลยมาชวนเธอกินข้าว”ใบหน้าของโล่หยิวชิวยิ้มด้วยความเอ็นดู มองดูแล้วเหมือนพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียว
ในความจริงแล้ว โล่เฟยเอ๋อไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าโล่หยิวชิวมาเพื่อหยั่งเชิงโล่เฟยเอ๋อ
หลายวันมานี้เธอโทรหาโล่เฟยเอ๋อทุกวันโดยตั้งใจสืบเสาะว่าโล่เฟยเอ๋อกับชายคนนั้นระหว่างพวกเขาได้รับผลกระทบจากที่เธอโทรไปหรือไม่ ถึงดู้ว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ได้ติดต่อกับชายคนนั้นเลยเธอรู้ว่าที่เธอยุแยงเขาไปมันได้ผล แต่เธอยังไม่วางใจ ดังนั้นวันนี้เธอเลยตั้งใจมาหยั่งเชิงดูอีกรอบ
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง ถึงตอบกลับไปว่า:“พี่สาว วันนี้ไม่ได้ ฉันต้องรีบไปโรงหนังซีจีเมเจอร์ที่เขตตะวันออก”
ดูหนังเหรอ?โล่หยิวชิวขมวดคิ้ว แล้วถามกลับไปว่า“ไปดูกับคุณซูเหรอ?”“ไม่ใช่ ไปกับหชูเฉียว……”โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่จบก็คล้ายกับนึกขึ้นมาได้:“พี่ ฉันจะไปไม่ทันเวลาแล้วฉันไปก่อนนะ”
ดูแล้วชายคนนั้นคงจะเลิกติดต่อกับโล่เฟยเอ๋อแล้วจริงๆ ลึกลงไปในดวงตาของโล่หยิวชิวมีรอยยิ้มอย่างได้รับชัยชนะ แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
เธอพูดกับโล่เฟยเอ๋อ “เธอไปถอะ วันอื่นค่อยไปกินข้าวด้วยกัน”
“ขอบคุณพี่สาว”โล่เฟยเอ๋อบอกกับโล่หยิวชิวแล้วโบกมือลา แล้วโบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งและขึ้นรถไป