งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 469
บทที่469 เริ่มสร้างความร้าวฉานอีกแล้ว
คืนนี้ซือเหม่ยหยวนก็อยู่ที่บ้านด้วย แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่คนในบ้านซือก็ปฏิบัติต่อเธออย่างดี ห้องออกแบบได้คล้ายของซือจิ้งสวน
วันนี้เพราะเรื่องผิดพลาดจึงไม่ทันได้พูดคุยอะไรกับซูซีมู่ มองเขาจากไปอย่างทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจสักนิด แถมยังอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก
ซือเหม่ยหยวนยิ่งคิดยิ่งโมโห จึงเริ่มถามสถานการณ์ช่วงนี้กับซูยุ่น
“ยุ่นเอ๋อ วันนี้ในงานกิจกรรมฉันเห็นโจวเฉิงจู๋จี๋กับผู้หญิงคนหนึ่ง”อันที่จริงแค่เห็นโจวเฉิงและซ่งหมิ่นหมิ่นคนหนึ่งเดินเข้าในงานก่อนแล้วอีกคนเดินเข้ามาที่หลังเท่านั้น
ที่พูดเช่นนี้ออกไปเป็นเพราะอยากดึงดูดความสนใจของซูยุ่นแบบนี้เพื่อจะปูทางไว้สำหรับเรื่องในภายหลังได้
สองวันมานี้ซือเหม่ยหยวนไม่ได้หาซูยุ่น อาจเป็นเพราะกำลังเตรียมงานกิจกรรมอยู่
แผนการนี้ล้มเหลวแล้ว เธอจึงต้องคิดหาวิธีมารั้งซูยุ่นไว้ นี่คือหนทางเดียวที่เธอจะเข้าใกล้ซูซีมู่ได้
โล่เฟยเอ๋อที่กำลังดูแลฉิงฉิงอยู่ได้ยินเสียงวีแชทของเครื่องสำรองไว้ดังขึ้น ไม่ต้องคิดมากรู้ได้เลยว่าคือซือเหม่ยหยวนที่ส่งมา
เปิดเนื้อหาวีแชทออกมาดูมีเนื้อหาเกี่ยวกับ”การนอกใจ”ของโจวเฉิง โล่เฟยเอ๋อก็มองบนย่างไร้คำพูด โจวเฉิงกวนอะไรเธอเหรอ ถึงได้ใส่ร้ายแบบนี้
แม้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะจำใจยังไงก็ต้องตอบกลับไป”เป็นไปได้ยังไง โจวเฉิงเป็นคนยังไงฉันทราบดี เธอพูดมั่วๆ ไม่ได้นะ”
ข้อความส่งออกไปไม่กี่วินาทีซือเหม่ยหยวนก็ตอบกลับมา”ฉันเดาว่าเธอไม่เชื่อ งั้นฉันจะไม่พูดแล้วกัน”
“ได้”
บางครั้งก็ไม่ควรเดินทางแผนการที่ซือเหม่ยหยวนวางไว้มากเกินไปมันจะอีกทำให้เธอร้อนใจมากขึ้น
หลังจากได้รับข้อความแล้ว ซือเหม่ยหยวนถึงมึนไปเลย เธอแสร้งปล่อยเพื่อได้ในสิ่งที่ต้องการกลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเลือกไม่ถามเลยจริงๆ เธอยังแอบกังวลว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะดีเกินไป ตัวเองพูดแบบนี้กลับกลายเป็นคนที่ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
“อุ๊ย เธอโกรธแล้วใช่ไหม ตอนนั้นฉันเห็นโจวเฉิงอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ มันเป็นความเป็นห่วงเธอถึงได้ส่งข้อความให้เธอ ไม่ได้อยากทำลายสัมพันธ์ของพวกเธอนะ”
โล่เฟยเอ๋อที่เห็นข้อความแล้วก็กระตุกมุมปากอย่างไม่ให้ค่า ตอบ”ก็ได้ เมื่อกี้ฉันโมโหนิดหน่อยจริงๆ ความสัมพันธ์ของฉันกับโจวเฉิงดีมาก ต่อไปเรื่องแบบนี้ไม่ต้องมาพูดกับฉันอีก”
สิ่งที่ทำให้โล่เฟยเอ๋อพูดไม่ออกคือเดิมทีคู่กรณีที่เธอค่อยจะหาเรื่องคือตัวเอง ตอนนี้เพียงแค่หลอกให้ซูยุ่นมาทำลายความรักของตัวเองกับซูซีมู่ ทำไมตอนนี้ถึงทำลายคนอื่นไปด้วยล่ะ เธอเห็นคนอื่นดีไม่ได้ใช่ไหม
“งั้น ขอโทษด้วยนะ…..มีเวลาฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงเธอทานข้าวนะ”ซือเหม่ยหยวนเห็นว่าซวยแล้วจึงรีบถอยแล้วเอาอกเอาใจแทน
“ทานข้าวไม่จำเป็นหรอก ครั้งนี้เธอทักมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ บัญชีนี้ฉันไม่ได้เข้าสู่ระบบบ่อยๆ “โล่เฟยเอ๋อถามไปตามตรง อยากรู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
หลังจากรู้จักกันมาช่วงเวลาหนึ่ง ซือเหม่ยหยวนก็สรุปว่าซูยุ่นคือผู้หญิงที่ไร้สมอง น่าจะหลอกได้ง่าย เธอก็เลยพูดแบบไม่สนใจใดๆ “ฉันอยากถามว่าประธานซูกับโล่เฟยเอ๋อเป็นยังไงกันบ้าง วันนี้ฉันเห็นประธานซูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแถมหน้าตาหม่นหมองมีเรื่องอะไรในใจ ฉันกังวลว่ามันจะเกิดจะเรื่องนี้ เพราะฉันกับเขาตอนนี้คือเพื่อนร่วมกัน หากเขาสภาพจิตใจแย่ก็จะส่งผลต่อความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย
เหตุผลนี่หาได้……
โล่เฟยเอ๋อถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ความสามารถในการแต่งเรื่องขึ้นเองนั้นยอดเยี่ยมมากต้องให้คะแนนเต็มอย่างแน่นอน อ้อมมายาวขนาดนี้ไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าสถานการณ์ช่วงนี้ของตัวเองกับซูซีมู่เหรอ
ในเมื่อเธอกระหายที่จะอยากรู้เช่นนี้ก็ให้เธอสมหวัง โล่เฟยเอ๋อเริ่มแต่งเรื่องขึ้นเอง”สถานการณ์เหมือนจะไม่ค่อยดี ช่วงนี้ยังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ เรื่องการร่วมงานเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ คือโจวเฉิงเป็นคนรับผิดชอบนะ”
“อุ๊ย นั้นไม่ได้ ตอนนี้คือช่วงสำคัญ โจวเฉิงอาจรับมือไม่ไหว หรือเธอว่าวิธีการติดต่อของประธานซูให้ฉันเพิ่งเป็นเพื่อนแล้วถามสถานการณ์เองก็ได้”
เริ่มขอวิธีการติดต่ออีกแล้ว ที่จริงก็เคยพูดในแชทมาก่อนแล้วแต่ถูกโล่เฟยเอ๋อจัดการแกไข้ได้อย่างดิบดี นึกย้อนกลับไปตอนที่โล่หยิวชิวพี่สาวตัวเองเอามือถือตัวเองมาเพิ่มซูซีมู่แบบไม่บอกไม่กล่าว ซูซีมู่โกรธไปหลายวัน ไม่สนใจเธอ ตอนนั้นเสียใจอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังผลกระทบอยู่
“อุ๊ย เรื่องนี้ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้ พี่ชายฉันพูดแล้ว ว่าไม่อนุญาตให้แอบเอาวิธีติดต่อส่วนตัวของเขาให้คนนอกโดยไม่บอกไม่กล่าว ถ้าโดนจับได้ต้องแย่มากแน่ ถึงฉันจะเป็นน้องเขา เขาก็ไม่ปล่อยฉันไว้แน่ ถ้าเธออยากได้จริงๆ มาที่บ้านถามพี่ชายด้วยตัวเองแล้วกันนะ”
แม้จะรู้ว่าซือเหม่ยหยวนไม่กล้ามาในบ้านซูซีมู่แท้ๆ แต่โล่เฟยเอ๋อก็จงใจจะพูด
แต่คิดไม่ถึงเลยสักนิด ว่าซือเหม่ยหยวนที่หน้าด้านหน้าทนยังแม่งมาว่าขอที่อยู่บ้านซูซีมู่จริงๆ …..
“งั้นดี ในเมื่อพูดแบบนี้แล้วฉันก็ไม่ทำให้เธอลำบากใจ งั้นที่อยู่บ้านประธานซูอยู่ที่ไหนล่ะ ฉันจะไปถาม”
“แม่ง”โล่เฟยเอ๋ออดด่าออกเสียงไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาถึงจนโตขนาดนี้เพิ่งจะเคยเห็นคนอะไรหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้
“อ๋อ…..นี่ไม่ได้แน่นอน เธอคิดสิวิธีการติดต่อไม่ให้แล้ว ที่อยู่บ้านจะให้ได้ง่ายได้ยังไง เรื่องของพวกเขาเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”โล่เฟยเอ๋อปฏิเสธ
เธอมาหาซูซีมู่ที่บ้านจริงๆ คาดว่าซูซีมู่ต้องทำให้เธอออกจากเมืองนี้แน่ ถึงตอนนั้นจะทำตระกูลซือเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน
ทางด้านซือเหม่ยหยวนเกลียดอย่างมาก เป็นโอกาสที่ดีสุดแล้วแท้ๆ แต่ถ้าหากไม่ได้วิธีการติดต่องั้นก็น่าเสียดายมากๆ
เมื่อก่อนเธอก็เคยเจอผู้ชายหล่อเย็นชา แต่สุดท้ายพอคุยกันไปคุยกันมาก็เกิดความรู้สึกดีต่อกัน
ผู้ชายในเมื่อก่อนนั้นเล่นๆ ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เธออยากได้และครอบครองซูซีมู่จริงๆ เธอรู้สึกว่ามีเพียงผู้ชายแบบซูซีมู่ที่ที่สามารถคู่ควรกับเธอได้
“งั้นก็ได้ งั้นมีเรื่องอะไรเธอต้องบอกฉันนะ ใช่แล้ว สุดสัปดาห์นี้พวกเราออกมาพบหน้ากันหน่อยเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”
ซือเหม่ยหยวนยังคิดว่าเพียงแค่ออกไปเที่ยวด้วยกันที่สามารถทำให้ความรู้ระหว่างกันแน่นแฟ้นขึ้นได้
โล่เฟยเอ๋อต้องปฏิเสธอยู่แล้ว หนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ใช่ซูยุ่น สองคือแม้จะเป็นซูยุ่นก็ไม่สามารถให้เธอออกไปกับคนอย่างซือเหม่ยหยวนได้
“ขอโทษนะ สุดสัปดาห์ฉันมีนัดเรียนโยคะแล้ว”โล่เฟยเอ๋อหาเหตุมั่วๆ รับมือกลับไป
“อ๋อ……แบบนี้เอง เธอไปเรียนโยคะที่ไหน ฉันไปด้วยสิ”
“……”
โล่เฟยเอ๋อพูดไม่ออก ซือเหม่ยหยวนคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ยังยอมไปไหนใช่ไหม
“ตอนนี้เป็นช่วงที่ตึงเครียดในการร่วมงานไม่ใช่เหรอ เรื่องงานสำคัญกว่านะ รอให้ยุ่งช่วงนี้ให้เสร็จก่อนค่อยดูกันอีกที่ว่ามีเวลาออกไปด้วยกันไหม”โล่เฟยเอ๋อยังคงรับมือกลับไปได้
เหตุผลนี้เธอไม่สามารถโต้แย้งได้
ซือเหม่ยหยวนถอนหายใจ ในใจคิดว่าซูยุ่นทำไมนัดยากนัดเย็นขนาดนี้ หรือว่ากำลังระมัดระวังตัวเองอยู่
แต่ว่าคิดไปคิดมามันก็ใช่ เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันก็นัดคนอื่นออกมาเที่ยวด้วย มันสะเพร่าไปหน่อยจริงๆ
รอผ่านไปสักระยะก่อนเถอะ รอให้ผ่านช่วงปรับจูนไปก่อนแล้วค่อยนัดใหม่ก็ยังไม่สาย