งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 53
บทที่53 ความจริงใจอยู่ใกล้ความเจ็บปวด
เมื่อโล่เฟยเอ๋อจากไปแล้ว ซูซีมู่ยังคงยืนตะลึงมองออกไปนอกระเบียง นึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
ใบหน้าเธอเข้ามาใกล้เขา เธอกำลังทำอะไร?
เขารู้แต่เพียงว่าในช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้เสียงที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาเลย ในสายตามีเพียงโล่เฟยเอ๋อ
ถ้าหากว่าไม่มีโทรศัพท์สายนั้น เธอจะทำอะไร? แล้วเขาจะทำอะไร?
ซูซีมู่คิดจนปวดหัว ก็ไม่สามารถจะหาคำตอบได้
เขาสะบัดศีรษะอย่างแรง จากนั้นจึงดื่มน้ำเปล่าในแก้วทรงสูงในมืออึกเดียวหมด แล้วหันกลับเข้าไปในห้อง
ลู่ยู่ที่กล่าวทักทายกับผู้คนเห็นซูซีมู่กลับเข้ามาจากระเบียงเพียงลำพัง จึงถาม “ซูซีมู่ นายเป็นอะไรไปโล่เฟยเอ๋อล่ะ?”
ซูซีมู่หันหน้าไปมองลู่ยู่ด้วยงสายตาแหลมคม “หาเธอทำไม?”
แววตาของลู่ยู่หดตัวรีบยกมือปัด “ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไร…”
ซูซีมู่เลิกคิ้วและไม่พูดอะไร
ทันใดนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือในมือขึ้นมาเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง “ใช่แล้ว เหซิงโม่บินกลับมาช่วงเช้านะ นายมีเวลากินข้าวด้วยกันหน่อยไหม?”
ซูซีมู่จ้องมองลู่ยู่เล็กน้อยแล้วถาม “มื้อเย็น?”
“มื้อเย็น? ได้นะ เพียงแต่เราจะไปกินที่ไหนดี? ไม่งั้นนายลงมือไหม? ฝีมือทำกับข้าวนายฉันกับเหซิงโม่ไม่ได้ลองมาหลายปีแล้ว…”
“นายหาร้าน” ซูซีมู่คำพูดง่าย ๆ สามคำ ถือเป็นการปฏิเสธที่ลู่ยู่ที่ขอเขาเข้าครัว
“ไปบ้านนายไม่ได้เหรอ? นายทำ…” ลู่ยู่ชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ตบหน้าผากตนเอง: “ฉันลืมไป แผลจากอุบัติเหตุรถชนยังไม่หายดี…ไปกินที่หยู้ผินเซียงไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินลู่ยู่ที่พูดเองเออเองซูซีมู่ก็ขี้เกียจจะเสียน้ำลายพูดด้วย
เขาตอบอย่างเรียบเฉย “ได้”
เมื่อได้รับคำตอบจากซูซีมู่ ลู่ยู่ก็หยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเหซิงโม่และพูดขึ้นมา “ซูซีมู่ถึงเวลาพาโล่เฟยเอ๋อไปด้วยนะ”
พาโล่เฟยเอ๋อไปด้วย? ซูซีมู่ คิดถึงภาพที่ลู่ยู่จับมือโล่เฟยเอ๋อไม่ยอมปล่อย
ซูซีมู่ยังคิดถึงเรื่องที่ลู่ยู่เคยพูดไว้ว่าอยากให้ตัวเขาแนะนำโล่เฟยเอ๋อ ให้กับเขา
ในใจของซูซีมู่ก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นมา หน้าชาไปหมด จากนั้นจึงพูดกับลู่ยู่: “พาไปเธอไปทำไม?”
ลู่ยู่ ไม่เข้าใจเมื่อครู่ ซูซีมู่ยังดีอยู่ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้อารมณ์เสียอีกแล้ว
“ซูซีมู่ นาย…”
ลู่ยู่ยังพูดไม่จบ ซูซีมู่ก็ทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง ‘ฉันออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่ง’ แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง
หลังจากที่ซูซีมู่ออกมาจากห้องของลู่ยู่แล้ว จึงเตรียมจะไปห้องของตนเองด้วยความเคยชิน
จนเดินมาถึงหน้าห้องจึงคิดขึ้นได้ว่าโล่เฟยเอ๋อพักผ่อนอยู่ในห้องของเขา
เขาขมวดคิ้วและยืนอยู่หน้าห้องครู่หนึ่ง จากนั้นหมุนตัวแล้วเดินไปที่ระเบียงกลางแจ้งที่ด้านขวาของทางเดิน
เขายืนอยู่ที่ระเบียงครู่หนึ่ง เรื่องราวที่เป็นที่รำคาญใจเมื่อครู่ ค่อย ๆ สงบจางหายไป
ซูซีมู่ที่กำลังเตรียมจะกลับไปที่ห้องของลู่ยู่ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
โดยไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรบ้าง สีหน้าของซูซีมู่เปลี่ยนไปเหมือนน้ำแข็งเย็นยะเยือก เขาเดินมุ่งไปทางห้องของ ลู่ยู่ไปด้วยและคุยโทรศัพท์ไปด้วย: “ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อถึงห้องของลู่ยู่ หลังจากซูซีมู่บอกกล่าวลู่ยู่คำหนึ่ง ‘ฉันมีธุระต้องไปก่อน’ หยิบเสื้อคลุมจากราวแขวนเสื้อแล้วรีบออกไป
พูดถึงโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ในห้องของซูซีมู่เดิมทีเธอคิดว่าจะดูโทรทัศน์สักครู่ จากนั้นรอให้ซูซีมู่มาแล้วจึงค่อยไป
สุดท้ายดูไป ๆ เธอก็เผลอหลับอยู่ที่โซฟา
รอกว่าเธอจะตื่นก็ผ่านไปแล้วกว่าสองชั่วโมง
เธอมองดูห้องด้วยความงุนงงพักหนึ่ง จึงนึกขึ้นได้ว่าเป็นห้องของซูซีมู่
จากนั้นจึงลุกขึ้นและปิดโทรทัศน์ และกลับไปที่ห้องของลู่ยู่
เธอง่วนหาในห้องของลู่ยู่อยู่แต่ก็ไม่พบ ซูซีมู่ ทำได้เพียงเข้าไปถามลู่ยู่ที่ถูกรายล้อมอยู่
“คุณลู่คะ”
เมื่อโล่เฟยเอ๋อเอ่ยปาก ทุกสายตาของคนที่รายล้อมลู่ยู่ก็จับจ้องมาที่โล่เฟยเอ๋อ ด้วยแววตาแห่งการสำรวจ จนอย่างน้อยมีคนหนึ่งเอ่ยปากถามลู่ยู่ “ประธานลู่คุณคนนี้คือ…”
“เป็นเพื่อนผมเอง” ลู่ยู่ บอกว่าเป็นเพื่อน แต่กลับไม่ได้แนะนำว่าเป็นแฟนสาวอย่างมีเลศนัยเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจ โล่เฟยเอ๋อไม่ใช่คนที่จะถูกสำรวจได้ ทุกคนจึงได้แต่เก็บสายตาตัวเองลงไป
ลู่ยู่ลุกขึ้น หยุดอยู่ตรงหน้าโล่เฟยเอ๋อ “โล่เฟยเอ๋อ มีอะไรรึเปล่า?”
โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความร้อนใจ “คุณลู่ คุณรู้ไหมว่า… ซูซีมู่เขาไปไหนแล้ว?”
“ซูซีมู่ไปตั้งนานแล้วล่ะ โล่เฟยเอ๋อคุณไม่รู้เหรอ?” ลู่ยู่มองโล่เฟยเอ๋อด้วยความแปลกใจ
ที่แท้เขาก็กลับไปนานแล้ว! โล่เฟยเอ๋อแววตามืดมน
โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจลึก พยายามพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง: “ออ…เขาไม่ได้บอกฉันค่ะ”
ลู่ยู่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของโล่เฟยเอ๋อแม้แต่น้อย พูดเพียงว่า: “ผมก็ไม่รู้เขาเหมือนกัน เขาบอกแค่ว่าเขากลับก่อน”
“อ๋อ…ฉันเข้าใจแล้วค่ะ…” โล่เฟยเอ๋อพยายามฝืนยิ้ม: “คือว่าคุณลู่ งั้นฉันขอตัวค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าโล่เฟยเอ๋อจะกลับ ลู่ยู่เอ่ยปากชวนให้อยู่ต่อ “โล่เฟยเอ๋อ คุณอยู่เล่นก่อนสิ”
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันยังมีธุระ” โล่เฟยเอ๋อโค้งตัวให้ซูซีมู่ เล็กน้อย จากนั้นจึงหมุนตัวแล้วเดินออกไป
หลังจากออกมาจากห้องของลู่ยู่แล้ว ในใจของโล่เฟยเอ๋อก็ร้องโวยวายให้โทรหาซูซีมู่
เธอเปิดกระเป๋าและควานหาโทรศัพท์ เปิดดูบันทึกการโทรและพบชื่อ ซูซีมู่เป็นชื่อแรก แต่นิ้วกลับไม่กล้าแตะลงไป
เธอจะโทรหาเขาไปทำไม? ถามเขาว่าจะไปไม่บอกเธอสักคำงั้นเหรอ?
เขาเป็นอะไรกับเธอล่ะ? เขามีหน้าที่ต้องรายงานเธอรึไง?
หลังจากโล่เฟยเอ๋อสงบลงแล้ว ใคร่ครวญถึงปฏิกิริยาของซูซีมู่ก่อนหน้านี้อย่างละเอียด สีหน้าสุดท้ายมีความเจ็บปวด
บางทีการที่เขาไปโดยไม่บอกกล่าว ก็เป็นเพราะเธอเกือบจะจูบเขาที่ระเบียงสินะ
ยังดีที่เธอไม่เอ่ยปากไปอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นคงไปถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้อีก…
แต่ว่ามันยังสามารถกู้กลับมาได้อีกเหรอ? การที่เขาจากไปมันไม่ได้หมายความว่า…
แท้จริงแล้วความจริงใจอยู่ใกล้ความเจ็บปวดเหลือเกิน ใกล้มาก ใกล้จนแยกไม่ออก
นัยน์ตาของโล่เฟยเอ๋อ ค่อย ๆ แดงรื้นขึ้นมา จากนั้นน้ำตาก็ร่วงหล่นทีละหยด ๆ ลงมาจากขอบตาของเธอ…
โล่เฟยเอ๋อรอจนเธออารมณ์ดีขึ้นแล้ว จึงได้โดยสารลิฟต์ไปที่ล็อบบี้
เมื่อออกมาจากลิฟต์ เธอพลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าพลางเดินเพื่อจะออกไปข้างนอก
ทันใดนั้นสายตาก็ชะงักกับการ์ดประตูห้องของซูซีมู่ที่นอนนิ่งอยู่ก้นกระเป๋า
ก่อนหน้านี้ตอนที่โล่เฟยเอ๋อเปิดประตูห้องเธอเก็บการ์ดไว้ในกระเป๋า
แล้วเธอจะคืนการ์ดให้เขาได้อย่างไร? ส่งไปที่คฤหาสน์ของเขา? เขาไม่ต้อนรับเราแล้ว
บางที…
โล่เฟยเอ๋อยื่นมือไปหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋า จากนั้นจึงหันและเดินไปหาพนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้
“สวัสดีค่ะ”
“คุณผู้หญิง สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” พนักงานต้อนรับกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท
“ฉันอยากถามค่ะว่าการ์ดห้องของลูกค้าสามารถฝากไว้ที่นี่ได้ไหมคะ?” โล่เฟยเอ๋อถาม
พนักงานต้อนรับพยักหน้า “ได้อยู่แล้วค่ะ”
“อ้อ การ์ดใบนี้เป็นของห้อง 999 เจ้าของห้องคุณ ซูซีมู่ทำตกไว้ค่ะ รบกวนคุณช่วยเก็บไว้ด้วย เมื่อเขากลับมา คุณช่วยคืนให้เขาด้วย” โล่เฟยเอ๋อพูดพร้อมกับนำการ์ดส่งให้พนักงาน
พนักงานต้อนรับพยักหน้า รับการ์ดไปและลงทะเบียน
รอจนพนักงานลงทะเบียนเสร็จ โล่เฟยเอ๋อกล่าวขอบคุณพนักงานแล้ว จึงออกมาจากคลับดี้เหา
แต่เดิมโล่เฟยเอ๋อคิดว่าการที่เธอถูกปฏิเสธทางอ้อมแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่าเวทนาพอแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับบ้านยังจะมีฉากโดนขโมยวิ่งราวอีก