จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 104
ฟางเหยียนโบกมือและพูดว่า “ผมเคยพูด อยู่ที่สนามรบผมจะเข่นฆ่าอย่างไม่รู้จบ แต่ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองนี้ การเข่นฆ่า ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว เว้นแต่คุณจะเจอคนชั่วที่ชั่วร้ายสุดๆ ไม่งั้นก็ไม่จำเป็นต้องสังหารหมู่ คนพวกนี้ไม่มากก็น้อยก็เคยทำความชั่วไว้ โดยธรรมชาติแล้วคุณยังไม่ถึงที่จะต้องสังหารหมู่”
“ใช่แล้ว เรื่องที่ให้นายไปทำ ทำเป็นยังไงบ้าง?” ฟางหยานถามอีกครั้ง
ใบหน้าของเทียนขุยค่อยๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ตั้งแต่เด็กเกิดในครอบครัวที่ถือว่ามั่งคั่งพอสมควร ถือได้ว่าเป็นคุณหนูคนหนึ่ง แต่งงานกับถังเจิ้งเหา ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นของครอบครัวเธอ”
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “คุณแน่ใจหรือว่าเธอไม่มีอะไรผิดปกติ?”
เทียนขุยส่ายศีรษะและพูดว่า “ก็ไม่มีนะ แค่ตอนเด็กร่างกายอ่อนแอ ขี้โรค ป่วยเป็นประจำ เริ่มแรกก็ไปโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน ต่อมาพบว่ามันไม่มีประโยชน์ ดังนั้น จึงหาพวกไสยศาสตร์มารักษาเธอ”
อันนี้ไม่น่าแปลก เรื่องนี้ฟางเหยียนรู้เอง ในร่างกายเธอมีวิญญาณสิงอยู่จริงๆ ในตอนแรกฝังเข็มประตูผีสิบสามท่าเพื่อรักษาอาการป่วยของเธอ ทั้งหมดเห็นได้ชัดถึงสาเหตุอาการป่วย
“จอมพลโผ้จวิน ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างผมมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจ!” เทียนขุยพูดอย่างตรงไปตรงมา
“พูดมา!” ฟางเหยียนก็ให้สัญญาณเทียนขุยเปิดปากพูด
เทียนขุยดูเหมือนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “หรือว่าจอมพลโผ้จวินสนใจผู้หญิงที่ชื่อหลินถง?”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมแค่ต้องการเตือนจอมพลโผ้จวินว่านั่นคือผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถ้าเรื่องนี้คุณนายรู้เข้า เกรงว่ามันจะไม่ดี! จอมพลโผ้จวินสามารถเพิกเฉยกับสายตาพวกนี้ได้ แต่ถ้าท่านทำอย่างนี้ เกรงว่าจะผิดต่อคุณนาย”
ฟางเหยียนขมวดคิ้วมองเทียนขุยและถามว่า “เรื่องที่นายยุ่ง รู้สึกจะมากเกินไปแล้วมั้ง!”
ใบหน้าของเทียนขุยกังวลตกใจผวาสั่นเทาไปหมดรีบ คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นแล้วพูดว่า “จอมพลโผ้จวิน โทษที่ผมโง่เขลา! โปรดลงโทษผมด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ทันใดนั้นฟางเหยียนก็หัวเราะ “นี่นายกำลังทำอะไรอยู่ ลุกขึ้น อย่าเอะอะก็คุกเข่า! ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสนามรบ เราสามารถเป็นพี่น้องหรือเพื่อนกันได้ ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัด”
พูดไป เขาก็พยุงเทียนขุยขึ้นมาจากพื้น
เทียนขุยพูดอย่างตื้นตันว่า “สามารถได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจอมพลโผ้จวินถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของผม ไหนเลยผมจะกล้าอาจเอื้อมไปเป็นเพื่อนของท่าน เป็นพี่น้อง เป็นทหารของจอมพลโผ้จวินหนึ่งวัน ก็เท่ากับเป็นทหารของจอมพลโผ้จวินตลอดไป..”
พอเห็นเทียนขุยที่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ฟางเหยียนก็ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา และพูดว่า “เอาเถอะ ให้นายไปสืบเรื่องหลินถง ก็แค่ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคนนี้เล็กน้อย ถ้าแน่ใจว่าไม่มีอะไรก็พอแล้ว”
เทียนขุยก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นเพราะความสงสัย ถึงแม้ว่าปกติจอมพลโผ้จวินจะเป็นคนเย็นชา แต่ระยะนี้ก็มักจะมีผู้หญิงอยู่ข้างกายเขาตลอด เริ่มแรกเป็นเวินหลาน แต่ตอนนี้ก็มีหลินถงคนนี้ ผู้หญิงพวกนี้อีกคนก็สวยกว่าอีกคน
เขาเตือนแบบนั้น เพราะกลัวว่าเขาจะควบคุมไม่เป็น ถึงแม้ว่าเขาอยู่ในสนามรบจะห้าวหาญไม่มีที่ติ แต่เรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิง คาดว่าอายุยังน้อยคงควบคุมไม่ได้
“ไปเถอะ!” ฟางเหยียนก้าวขาลงจากตึก!
เทียนขุยถาม “คุณจะไปไหน? จอมพลโผ้จวิน”
ฟางเหยียนพูดว่า “หวงหยวนฉาวนัดไว้ ให้ผมไปที่บ้านของเขาและหลานสาวของเขาจะมารับผม”
“อะไรนะ?” เทียนขุยตกตะลึงอีกครั้ง ทำไมหลานสาวของหวงหยวนฉาวปรากฏตัวขึ้นมาอีกคน ถ้าเขาจำไม่ผิดละก็ คราวที่แล้วที่อยู่ร้านจุ้ยเซียน หวงหยวนฉาวคนนั้นเคยเสนอตัวอยากเกี่ยวโยงเป็นญาติกับฟางเหยียน
หรือว่า มาอีกคนแล้ว?
ฟางเหยียนไม่สนใจเทียนขุย และเดินลงไปข้างล่างต่อ!
เทียนขุยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากอีก
เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าประตูของรีสอร์ทหยูฉวน ถูกภาพที่อยู่ต่อหน้าหยุดเท้าลงอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่ทั้งสองเดินออกจากประตูของรีสอร์ทหยูฉวน ทันใดนั้นไฟรถยนต์หลายสิบดวงก็เปิดขึ้น ส่องตรงไปที่ร่างของฟางเหยียนและเทียนขุย เช่นเดียวกับเวทีใหญ่ จู่ๆก็มีแสงวาบปรากฏขึ้น ราวกับส่องไฟไปที่ร่างของพระเอก
เทียนขุยรีบเอาตัวไปบังฟางเหยียนไว้โดยสัญชาตญาณ พูดว่า “จอมพลโผ้จวิน ระวัง”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร และไม่ทำอะไรเลย แต่ยืนอยู่ข้างหลังเทียนขุยอย่างเงียบ ๆ
ไฟรถกระพริบสองสามครั้ง และเสียงของผู้ชายก็ดังขึ้นอย่างน่าประหลาด “คุณคิดว่าหลบอยู่ที่รีสอร์ทหยูฉวน ผมก็จะหาคุณไม่เจอหรอ?”
เสียงนี้เย่อหยิ่งมาก ด้วยท่าทางที่เหมือนราชามองอย่างดูถูก
เทียนขุยก้าวไปอย่างมีสติและพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ใครกัน? กล้าอวดดีต่อหน้าสำนักเจ็ดพิฆาตจอมพลโผ้จวิน? ถ้ารู้แล้ว ก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหยาบคายดังออกมาอีกครั้ง พูดว่า “หรือว่า คุณไม่รู้ว่าผมคือใคร? ผมว่าคุณน่าจะรู้ตั้งนานแล้วนะว่าผมจะมา? แต่น่าเสียดาย คุณหนีไม่พ้นแล้ว”
ตามด้วยร่างเงาสีดำกระโดดออกมาจากรถคันนั้น ร่างของเขาอยู่ตรงหน้าไฟรถ แสงไฟรถกระทบร่างของเขา ทำให้เงาของเขายาวออกไป ยาวจนถึงร่างของฟางเหยียนกับเทียนขุย ฉากนี้ราวกับร่างของเขากลืนฟางเหยียนและเทียนขุยทั้งสองหายไป
นี่คือภาพที่เขาตั้งใจจัดเตรียม เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา!
เมื่อมองดูเงานั้น เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “นี่คือจุดจบของพวกนาย วินาทีเดียวก็ถูกผมกลืนหายไป”
เมื่อเสียงของเขาลดลง ฝูงชนจำนวนมากก็มาจากด้านหน้าด้านหลังด้านซ้ายและด้านขวาของรถ หลังจากที่ทุกคนยืนขึ้น ทุกคนก็แสดงอาวุธในมือ มีท่อเหล็กมีมีด แค่มองดูท่าทางก็ยิ่งรู้ว่าใครมา
ไม่ผิด ก็คือหม่าซวี่ซงมาถึงที่แล้ว!
“เป็นอย่างไรบ้าง? ตอนนี้พวกคุณสองคนยังวางแผนจะไปไหน?” หม่าซวี่ซงกอดอก ถามด้วยสีหน้าหยอกเย้า
จากนั้นเขาก็กางมือออก และตะโกนด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ “เปิดไฟ!”
ทันทีที่เสียงนั้นดับลง ไฟทั้งหมดรอบๆรีสอร์ทหยูฉวนก็สว่างขึ้น แม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน แต่ว่ารีสอร์ทหยูฉวนในตอนนี้ก็เหมือนกับตอนกลางวัน
ฟางเหยียนเห็นใบหน้าที่ยโสโอหังอย่างยิ่งของหม่าซวี่ซงอย่างชัดเจน ความเย่อหยิ่ง อวดดี ความเศร้าโศก ล้วนเขียนไว้บนใบหน้านั้น
นี่เป็นคนชั่วร้ายต้องการแก้แค้นที่โง่เง่า ไม่มีความสงบเหมือนตระกูลใหญ่แม้แต่น้อย
“เกิดอะไรขึ้น?” เหอวี่เฉวียนได้ยินเสียงข้างนอก เดินออกจากห้องทำงานของรีสอร์ทหยูฉวนอย่างลุกลี้ลุกลน
ทันทีที่เขาเดินไปที่ประตู เขาก็ตกใจกับรัศมีมหึมาที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาถามอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “นี่ๆๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนถึงมากันเยอะขนาดนี้!”
เมื่อเห็นท่อเหล็กและมีดในมือของคนเหล่านั้น เขายิ่งรู้ว่านี่คือกลุ่มคนที่มาโดยเจตนาไม่ดี
เหอวี่เฉวียนเป็นเพียงนักธุรกิจคนหนึ่ง ปกตินอกจากการทำธุรกิจแบบเรียบง่ายแล้ว ยังชอบศึกษาดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์อีกด้วย เขาไม่เคยต่อสู้กับโลกและตอนนี้กลุ่มคนที่แข็งแกร่งล้อมรอบรีสอร์ทหยูฉวนของเขา จะพูดว่ามาทุบสถานที่ของเขา นั่นก็เป็นเรื่องในอีกไม่กี่นาที ฉากนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว