จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 11
บทที่ 11 ดาวนำโชคของครอบครัว
หลังออกจากโรงแรมนานาชาติฟู่คาง เย่ชิงหยู่สติไม่อยู่กับตัว
เธอไม่ได้จากไปในทันที หากแต่นั่งลงที่น้ำพุของหน้าโรงแรมนานาชาติฟู่คาง
ไม่รู้ว่าฟางเหยียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอวนหาไปทั่วโรงแรมแต่ก็ไม่พบตัวเขา ที่น่าตลกไปมากกว่านั้น คือเธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของฟางเหยียน ไม่สามารถติดต่อฟางเหยียนได้เลย เพราะงั้นเธอได้แต่รออยู่ที่หน้าโรงแรม
ในเวลานี้เอง เธอมีเซนส์อะไรบางอย่าง เป็นไปได้ไหมที่ฟางเหยียนได้ทิ้งเธอไปแล้ว?
หรืออาจจะ เกิดอะไรขึ้นกับฟางเหยียน?
เมื่อสักครู่เขาล่วงเกินตู้หมิงล่างและเสิ่นจื่อเจี๋ย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอเป็นกังวลมากขึ้นไปกว่าเก่า
“เธอรอฉันอยู่เหรอ?” ทันใดนั้น น้ำเสียงของฟางเหยียนก็ดังขึ้น
“ฟางเหยียน!” เย่ชิงหยู่แหงนหน้าขึ้นมอง ฟางเหยียนมุ่งมาที่เธอในทิศทางที่ไม่ไกล
เธอตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “เป็นนายจริงๆ ด้วย ฟางเหยียน เมื่อกี้นายไปอยู่ที่ไหนมา?”
เธอเร่งฝีเท้าก้าวไปที่ฟางเหยียนอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างของเขาจับแขนของฟางเหยียนเอาไว้แน่น
แต่ไม่นาน เธอก็รู้สึกว่าเธอเสียมารยาทเกินไป
แม้ว่าเธอกับฟางเหยียนจะเป็นสามีภรรยาต่อกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ
ทั้งคู่โตมาด้วยกัน แต่ทั้งคู่ไม่เคยแม้แต่เป็นแฟนกัน เธอไม่ได้ชอบฟางเหยียนแต่แรก เพียงแต่นี่เป็นคำสั่งของบิดาของเธอ ที่ตัวเธอไม่อาจต่อต้านความจริงนี้ได้
กระทั่งทั้งคู่แต่งงานกัน เธอถึงได้เปิดใจยอมรับความจริงที่เธอได้แต่งงานกับฟางเหยียนแล้ว
ปฏิกิริยาของเย่ชิงหยู่ ฟางเหยียนเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ชิงหยู่เข้าหาเขาก่อนตั้งแต่ที่พวกเขาแต่งงานกัน
“ฟางเหยียน เมื่อสักครู่นายไปไหนมา? ฉันหานายไม่เจอเลย” เย่ชิงหยู่กล่าวด้วยความโมโห
ฟางเหยียนกล่าวตอบ “คุณเป็นห่วงผมเหรอ?”
เมื่อฟางเหยียนรู้ทัน ใบหน้าของเย่ชิงหยู่แดงก่ำขึ้นมา แต่เธอกลับปากแข็ง “ไม่ใช่ซะหน่อย ใครบอกกันว่าฉันเป็นห่วงนาย”
“ฮ่าฮ่า ผมแค่ไปคุยกับเพื่อนเท่านั้น”
“อืม” เย่ชิงหยู่ตอบ ก่อนที่จะกล่าวเสริม “คราวหน้าที่นายคิดจะหายตัวไปช่วยบอกฉันก่อนจะได้ไหม?”
“โอเค รู้แล้ว” ฟางเหยียนตอบ
เย่ชิงหยู่เอ่ยเสียงเรียบ “ไปกันได้แล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
ที่เธอดีต่อฟางเหยียน เพียงเพื่อจะตอบแทนเขาเท่านั้น!
…
เรื่องที่ตงข่ายกรุ๊ปได้รับคัดเลือกให้ร่วมงานกับหวงหยวนฉาวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองจินโจว หลายคนต่างไปแสดงความยินดีกับตระกูลจางถึงบ้าน ต่อให้จางฉี่เหาไม่อยากรับรู้ข่าว ก็คงยาก
ตอนนี้ ตระกูลจางประดับประดาอย่างมีสีสัน รอการกลับมาของเย่ชิงหยู่และฟางเหยียน
การที่ได้ร่วมงานกับหวงหยวนฉาว นั่นก็หมายความว่าตระกูลจางกำลังจะรุ่งโรจน์
“ชิงหยู่ ในที่สุดเธอก็กลับมา มาเร็วเข้า เข้าไปนั่งด้านในก่อน”
เมื่อจางฉี่เหาเห็นการปรากฏตัวของเย่ชิงหยู่รีบเดินไปกล่าวทักทาย ด้วยทีท่าที่เปลี่ยนไปกว่า360องศา
“ชิงหยู่เป็นดาวนำโชคของเราจริงๆ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันบอกแล้ว ว่ามีบ้านมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา ก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นด้วย พลังนี้มาเหนือจริงๆ”
“ชิงหยู่ของเราเป็นดาวนำโชคมาตลอดอยู่แล้ว”
เพราะงั้นเย่ชิงหยู่จากตัวนำปัญหากลายเป็นดาวนำโชคที่ทุกคนในบ้านได้กล่าว
เย่ชิงหยู่กวาดมองทุกคนอย่างทำอะไรไม่ถูก ห้าวันก่อนหน้า ทุกคนต่างโทษเธอว่าเป็นตัวนำปัญหา แถมยังจะบังคับให้เธอแต่งงานกับลู่หย่องถิงเพื่อเชื่อมดองกันอีก
เมื่อนั่งลง ป้าของเธอเหมียวจินฮัวก็ยกน้ำชามาให้ ทำดีต่อเย่ชิงหยู่มาก
“เจียวเจียว ลูกสาวของเธอนี่ดีจริงๆ เก่งชะมัดเลย ช่างเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเราจริงๆ” จางซื่อข่ายยกนิ้วโป้งขึ้น
“นั่นสิ ได้รับถ่ายทอดจากน้องเขยของเรามาเต็มๆ ยินดีจริงๆ” จางซื่อตงเองก็ชมไม่ขาดปาก
“อย่าลืมนะ ว่าในตัวเธอมีสายเลือดของตระกูลจางไหลอยู่ครึ่งหนึ่ง ฮ่าฮ่า”
หลังอาหารเริ่ม ทุกคนต่างพากันตั้งคำถามต่อเธอ ว่าจะเซ็นสัญญาเมื่อไหร่ ในสัญญามีข้อตกลงอะไรอีกไหม ทำให้เย่ชิงหยู่แทบไม่ได้ทานอาหาร เพราะมัวแต่ตอบคำถามของทุกคน
มาที่ฟางเหยียน เขานั่งเงียบกริบ มัวแต่ก้มหน้าทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า
ทุกคนในตระกูลจางตำอยู่ในความตื่นเต้นดีใจราวกับถูกรางวัลใหญ่ ยกเว้นอยู่คนหนึ่งที่หน้าบูดหน้าบึ้ง นั่นคือจางไห่เฟิง
จางไห่เฟิงก้มหน้าไม่พูดอะไรสักคำ ตลอดงาน ไร้ความริษยาในดวงตาคู่นั้นแต่อย่างใด หากแต่จับจ้องเย่ชิงหยู่ด้วยความชิงชัง หากการเซ็นสัญญาของเย่ชิงหยู่ลุล่วงไปได้ด้วยดีละก็ หลังจากนี้ตระกูลจางก็จะไม่มีพื้นที่ของเขาอีกต่อไป เมื่อนึกถึงสถานะของตัวเองในอนาคต เขาก็เริ่มอารมณ์เสียมากขึ้น
หลังทานอาหารเสร็จ จางฉี่เหามองชุดแต่งงานเลื่อมทองสุดหรูให้กับเย่ชิงหยู่ชุดหนึ่ง
“ชิงหยู่ นี่เป็นชุดแต่งงานเลื่อมทองที่ตกทอดมาหลายร้อยปีของตระกูลจาง ที่จะส่งต่อให้กับลูกสะใภ้เท่านั้นไม่ส่งต่อให้กับคนนอก ตอนนี้ฉันจำส่งต่อให้กับเธอ รักษาเอาไว้ให้ดี”
ชุดแต่งงานเลื่อมทองนั้น ซึ่งถักทอด้วยลวดไหมทอง ที่ไม่ใช่แค่ลวดสีทองเท่านั้น แต่เป็นไหมที่ทำมาจากทองแท้ มูลค่าความสูงส่งของมันไม่สามารถตีราคาด้วยเงินทองได้เลย
“คุณปู่ ท่านบอกว่าชุดนั้นจะให้กับลูกสะใภ้ของผมในอนาคต” จางไห่เฟิงร้อนรน คำรามขึ้นกะทันหัน
หากได้รับชุดนี้ นั่นก็หมายความว่าจะได้ขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลในอนาคต นี่เป็นประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาแต่ช้านานของตระกูลจาง
“แกหุบปากไปซะ! ดูชิงหยู่เป็นตัวอย่าง ต่อจากนี้แกต้องเอาเธอเป็นตัวอย่าง” จางฉี่เหาเอ็ดด้วยความดุดัน
จางไห่เฟิงจับจ้องเย่ชิงหยู่ด้วยความริษยา สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“คุณตาคะ ของขวัญชิ้นนี้มีมูลค่ามาก ฉัน…..ฉันรับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เย่ชิงหยู่ไตร่ตรองถึงประเพณีที่ได้กล่าวเมื่อสักครู่ ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ตอนนี้เธอเพียงแค่ต้องการดูแลมารดาของเธอและฟางเหยียนเท่านั้น
จางฉี่เหาหัวเราะออกมา “ไม่ไม่ไม่ นี่เป็นสิ่งที่เธอสมควรที่จะได้รับ”
“ชิงหยู่ เธอรับเอาไว้เถอะ” จางเจียวเจียวเชียร์ให้เธอรับอยู่อีกด้าน
คนในตระกูลเองก็เชียร์ให้เธอรับเอาไว้ทุกคน แต่เย่ชิงหยู่ไม่มั่นใจ จึงหันไปทางฟางเหยียน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอเริ่มเพิ่งพาฟางเหยียนขึ้นมา
ฟางเหยียนส่ายหน้าส่งสัญญาณให้เธอไม่ต้องรับ เย่ชิงหยู่กล่าวขึ้น “คุณตา ฉันรับเอาไว้ไม่ได้จริงๆ ในระหว่างที่บ้านเราเกิดเรื่องขึ้นเยอะขนาดนี้ ท่านยังใจดีรับพวกเราเข้ามาในบ้านอีก พวกเราก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วล่ะค่ะ”
“เธอพูดอะไรของเธอ เราเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว” จางฉี่เหากล่าว
ภายใต้การปฏิเสธอย่างมุ่งมั่นของเย่ชิงหยู่ จางฉี่เหาจึงไม่ยืดเยื้อต่อไป “ถ้างั้นก็ได้ หลังจากที่เธอเซ็นสัญญา ฉันจะจัดงานฉลองให้เธอและฟางเหยียน ถึงตอนนั้นเธอค่อยใส่แล้วกัน”
เย่ชิงหยู่ใบหน้าแดงก่ำ นี่เป็นการให้เธอแต่งงานกับฟางเหยียนอีกรอบไม่ใช่หรือไง
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน จางไห่เฟิงโมโหหนักกว่าเก่า
หากปล่อยให้เย่ชิงหยู่พองขนต่อไปแบบนี้ สถานะของเขาจะได้รับผลกระทบอย่างเเน่นอน
เขาต้องทำอะไรสักอย่าง หากรอให้เย่ชิงหยู่ได้เซ็นสัญญา ถึงตอนนี้ทุกคนก็จะสนใจแค่เย่ชิงหยู่ เขาก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาจึงเดินมาที่ห้องรับแขก ก็ได้พบกับจางซื่อตงที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ “พ่อครับ เราจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้”
จางซื่อตงนิ่งไปสักพัก ก่อนกล่าวตอบ “แกหมายความว่ายังไง?”
“พ่อครับ ท่านจะจ้องมองเย่ชิงหยู่แย่งชิงธุรกิจของตระกูลเราไปต่อหน้าต่อตาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? เธอเกินไปมาก ในสายตาของคุณปู่มีแต่เธอ หากปล่อยให้เธอเซ็นสัญญาสำเร็จ ตำแหน่งสถานะของบ้านเราก็จะสั่นคลอนนะครับ”
จางซื่อตงขมวดคิ้วแน่น “แกคิดว่าฉันคิดไม่ได้หรือยังไง? แต่เราทำอะไร? เธอเป็นคนไปเข้าร่วมประชุม สัญญาก็เป็นเธอที่คว้ามาได้”
“พ่อครับ ผมว่านะ ให้ผมไปเซ็นสัญญาดีไหมครัว”
จางซื่อตงจ้องเขม็ง “จะดีหรือ?”
จางไห่เฟิงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “ทำไมจะไม่ได้ พ่อครับ ท่านลองคิดดู หากผมเป็นคนไปเซ็นสัญญา คุณปู่ก็จะมองผมต่างออกไป ยังไงซะผมต่างหากที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจาง”
จางซื่อตงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนกล่าวผม “ก็มีเหตุผลของแก แต่แกจะไปพูดกับปู่แกยังไง แกจะวู่วามไม่ได้นะ”
“คุณพ่อครับ วางใจเถอะ ผมมั่นใจว่าคุณปู่จะต้องเห็นด้วยกับผมแน่”