จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 110
หนานเจียว คฤหาสน์ตระกูลเซียว
นี่เป็นเขตที่มีเงินและร่ำรวยที่สุดในหนานหลิน บนเกาะแห่งนี้ มีทะเลสาบอยู่รอบด้าน และสามารถได้ยินเสียงนกในตอนกลางคืน เรียกได้ว่าเหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ที่คนธรรมดาทั่วไปจะได้ความเพลิดเพลิน
คนอย่างหวงหยวนฉาวซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้านนั้นไม่มีปัญหา
หวงหยวนฉาว ฟางเหยียน หวงหานเยว่ และเทียนขุย นั่งบนระเบียงชั้นบนสุดของคฤหาสน์เพื่อรับประทานอาหารค่ำ ซึ่งพวกเขาสามารถมองเห็นอ่าวทะเลสาบทั้งหมดได้ แม้ว่าจะเป็นกลางคืน แต่บริเวณโดยรอบของทะเลสาบก็เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ และฉากกลางคืนก็ดูมีเอกลักษณ์
หวงหานเยว่นั่งข้างๆ มองไปที่ฟางเหยียนด้วยใบหน้าที่จริงจัง ในสมองของเธอยังคงคิดแต่เรื่องที่ฟางเหยียนฆ่าคนเมื่อครู่ นั่นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคุณชายของตระกูลหม่า หม่าซวี่ซง ผู้ซึ่งถูกฆ่าโดยคำสั่งของเขา
นี่เขามีฐานะอะไรนะ ตอนนี้ เธอเริ่มรู้สึกโชคดีเริ่มแรกแอบจู่โจมเขาไม่ได้ทำให้เขาโมโห ถ้าหากยังวุ่นวายต่อไป ไม่แน่เธอก็อาจจะถูกฆ่าแล้ว
เมื่อนึกถึงท่าทางที่ไม่แยแสของฟางเหยียน ในใจของหวงหานเยว่อดไม่ได้ที่จะหนาวเย็นขึ้นมา
“จอมพลโผล้จวินมาถึงหนานหลิง ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือครับ?” หวงหยวนฉาวยกแก้วขึ้นมาชน ถามอย่างเกรงอกเกรงใจ
ฟางเหยียนก็ยกแก้วขึ้นและตอบว่า “จัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง”
หวงหยวนฉาวพูดว่า “มาถึงหนานหลิน ทำไมไม่แจ้งตาแก่หงำเหงือกสักหน่อย ครั้งที่แล้วเรื่องที่ท่านช่วยผม ผมยังไม่ทันขอบคุณท่านจอมพลโผ้จวินเลย”
ฟางเหยียนโบกมือและพูดว่า “ท่านหวงไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็เคยช่วยผมไว้เหมือนกัน สหายก็ต้องอาศัยพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
เมื่อได้ยินคำว่าสหายสองคำนี้ หวงหยวนฉาวรู้สึกได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ และรีบหัวเราะออกมาและพูดว่า “ใช่ๆ จอมพลโผ้จวินพูดถูก”
ถ้าคนธรรมดาบอกว่าพวกเขาเป็นสหายหวงหยวน นั่นคืออาศัยบารมีของเขา แต่คนนี้บอกว่าเป็นสหายของหวงหยวนฉาว กลับเป็นเกียรติของหวงหยวนฉาว ที่ได้เป็นสหายกับตำนานของประเทศหวา นั่นคือโชคดีอย่างหนึ่ง
“ใช่แล้ว ท่านหวงตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?” ฟางเหยียนถือว่าถามอย่างเห็นอกเห็นใจ
หวงหยวนฉาวตบหน้าอกของเขาและพูดว่า “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาก จอมพลโผ้จวินท่านคือฮว่าถัวที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”
“มีคำถามอย่างหนึ่งอยากถามจอมพลโผ้จวินตรงๆ ไม่รู้ว่าจะถามคำถามนี้ได้ไหม”
ฟางเหยียนพูดว่า “ไม่เป็นไร!”
หวงหยวนฉาวยิ้มและพูดว่า “คืออย่างนี้ ร่างกายของผมป่วยเป็นโรคเก่านานแล้ว อวัยวะภายในของผมทั้งหมดได้รับบาดเจ็บจากกังฟูที่ฝึก โรคนี้ทรมานผมมาสามสิบปี ผมคิดว่าตัวเองจะตายด้วยโรคนี้ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบท่านจอมพลโผ้จวิน ผมรู้ว่า จะรักษาโรคของผมต้องใช้ยาฟื้นคืนชีพ ยาฟื้นคืนชีพนี้เป็นสมบัติที่หายากในโลก เป็นของที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ขอบังอาจถามสักคำ ยาฟื้นคืนชีพนี้ท่านจอมพลโผ้จวินกลั่นด้วยตัวเองหรอครับ?”
ถามจบ หวงหยวนฉาวก็รู้สึกว่าเสียมารยาท ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “ผมแค่ไม่อยากเชื่อ แต่ไม่ใช่ว่าสงสัยความสามารถของท่านจอมพลโผ้จวินนะครับ” ต่อหน้าฟางเหยียนเขาแสดงทุกอย่างออกมาอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะพูดผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฟางเหยียนพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ผมเป็นคนกลั่นมันด้วยตัวเอง!”
หวงหยวนฉาวเบิกตากว้างทันที ถึงแม้ว่าฟางเหยียนจะเป็นจอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาต แต่อายุยังน้อยนั่นเป็นเรื่องจริง ยาฟื้นคืนชีพนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ห้าสิบปีขึ้นไปถึงจะกลั่นได้ ยังต้องอาศัยพรสวรรค์ด้านการแพทย์ถึงจะมีความสามารถนี้
แต่ฟางเหยียน ดูเกินความคาดหมายของเขาเล็กน้อย
แต่เขาไม่กล้าสงสัย บุคคลระดับนี้ จะไม่โกหกตัวเองแน่
“ท่านหวงสนใจยาหรอครับ?” ฟางเหยียนถามกลับ
หวงหยวนฉาวรีบพูดว่า “ก็ไม่เชิง มันเหลือเชื่อมากที่คิดว่าคุณประสบความสำเร็จในระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อมองไปทั่วประเทศหวา อาจไม่สามารถหาอัจฉริยะแบบคุณได้อีกเลย”
ฟางเหยียนพูดอย่างเฉยเมย “ท่านหวงพูดเกินไปแล้ว วิธีกลั่นยาฟื้นคืนชีพนั้นซับซ้อนมาก ผมก็กลั่นออกมาสองเม็ด เม็ดหนึ่งผมกินเอง และอีกเม็ดให้ท่านแล้ว หรือจะพูดว่า ยานั้นกับท่านมีบุญต่อกัน”
ตอนแรกที่ได้รับบาดเจ็บ ฟางเหยียนกลั่นยานี้ขึ้นเพื่อตัวเองจริงๆ เนื่องจากยานี้กลั่นยากมาก เขาจึงกลั่นได้ครั้งละสองเม็ด
หวงหยวนฉาวเบิกตากว้างและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะขอบคุณท่านจอมพลโผ้จวินยังไง”
ฟางเหยียนพูดว่า “ท่านขอบคุณผมแล้ว”
ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก และหวงหยวนเฉาก็ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าท่านจอมพลโผว้จวินจะอยู่ที่หนานหลิงอีกนานแค่ไหน?”
ฟางเหยียนไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วส่ายศีรษะพูดว่า “ผมยังไม่รู้ มีเรื่องหนึ่งอยากให้ศาสตราจารย์โจวของมหาวิทยาลัยซีหนานช่วยเหลือ ดังนั้นยังต้องรอดูสักพัก ท่านหวง มีธุระอะไรหรอ?”
“อ๋อ คืออย่างนี้ หลังจากสามวัน หนานหลินจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ระดับนานาชาติ ผู้ชื่นชอบกังฟูต่างชาติบางคนจะได้รับเชิญให้สื่อสารในประเทศ ถ้าจอมพลโผ้จวินยังอยู่ที่หนานหลิง หวังว่าจะสามารถเชิญท่านจอมพลโผ้จวินไปชมพร้อมกัน”
ฟางเหยียนไม่สนใจการประชุมแลกเปลี่ยนพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ถึงเวลาค่อยว่ากัน!”
ทั้งสองยังพูดคุยกันต่อสักพัก ฟางเหยียนก็อำลาหวงหยวนและกลับไปที่รีสอร์ทหยูฉวน
หลังจากที่ฟางเหยียนจากไป หวงหานเยว่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความโล่งอก
เมื่อเห็นท่าทางของหวงหานเยว่ หวงหยวนฉาวจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? หานเยว่ ทำไมเธอไม่พูดอะไรสักคำ? วันนี้”
หวงหานเยว่ได้ยินเสียงคุณปู่ ก็ได้สติกลับมา พูดว่า “คุณปู่ จอมพลโผ้จวินออกคำสั่งฆ่าคุณชายของตระกูลหม่า หม่าซวี่ซงแล้ว อีกทั้งตระกูลหม่าเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเอง”
“เมื่อครู่ฉันไม่กล้าบอกท่าน ตอนนี้ฉันเห็นพวกเขาไปแล้ว ฉันถึงกล้าบอกคุณ”
“อ๋อ?” หวงหยวนฉาวขมวดคิ้วเล็กน้อยและถาม “ทำไม? จอมพลโผ้จวินจะไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์”
หวงหานเยว่พูดว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าคุณชายตระกูลหม่าไปจีบคุณนายใหญ่ของตระกูลถัง ผลสุดท้ายคุณนายใหญ่ของตระกูลถังนัดเจอจอมพลโผ้จวินไปทานข้าว หม่าซวี่ซงทนดูไม่ได้ จึงไปโรงแรมหนานโจวหาจอมพลโผ้จวิน หลังจากนั้นถูกโยนลงไป แล้วยังถูกอัดวิดีโอโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต คงจะโกรธมาก ดังนั้นเขาจึงรวบรวมพลังใต้ดิน เพื่อไปจัดการจอมพลโผ้จวิน ”
“สมควร!” หวงหยวนฉาวพูดสองคำนี้ออกมาอย่างหนักและพูดว่า “ลูกหลานของตระกูลหม่าล้วนหยิ่งผยอง หยิ่งยโสเสมอ และไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ครั้งนี้พวกเขาน่าจะเข้าใจถึงเรื่องต่างๆไม่น้อย”
หวงหานเยว่เห็นคุณปู่พูดแบบนั้น ถอนหายใจและพูดว่า “คุณปู่ คุณอาจไม่รู้ ว่าตอนนั้นท่าทางของจอมพลโผ้จวินน่ากลัวมากจริงๆ”
หวงหยวนฉาวเหล่ตาของเขาและพูดว่า “นี่ยังไม่เท่าไหร่? นี่ถือว่าเมตตามากแล้ว คนที่ฆ่าศัตรูในสนามรบเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ว่าเขากลับควบคุมได้ดีมาก เขาสามารถควบคุมฆ่าได้เพียงคนเดียว เขาถือว่าเป็นแม่ทัพที่ดีคนหนึ่ง มีเขา เป็นบุญของประเทศหว่าเราแล้ว”
หวงหานเยว่ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าในศตวรรษนี้ยังมีอะไรให้รบกันอีก แต่เมื่อเธอคิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าจอมพลโผ้จวินมีอำนาจและมีชื่อเสียงมาก
หวงหานเยว่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับนึกถึงอะไรบางอย่างได้ แล้วถามว่า “ใช่แล้ว คุณปู่ ตระกูลหม่าจะหาเรื่องจอมพลโผ้จวินไหม?”
หวงหยวนฉาวหัวเราะฮ่าฮ่าฮ่าขึ้นมาและพูดว่า “ถ้าหากตระกูลหม่า เพื่อหม่าซวี่ซงคนเดียวแล้วไปหาเรื่องจอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาตเพื่อแก้แค้น งั้นตระกูลหม่าก็รอวันพินาศเถอะ ปู่คิดว่าถึงหม่าจงหัวคิดแต่ก็คงไม่กล้าทำแบบนี้..”
“พอแล้ว เธอไม่ต้องสอดรู้สอดเห็นเรื่องพวกนี้ รีบไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปเรียนที่เจียงตู”
หวงหานเยว่แลบลิ้น และพูดว่า “ฉันอยากดูการแข่งขันแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ก่อนค่อยไป