จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 114
หลังจากที่ออกจากตระกูลถัง
ฟางเหยียนถาม“เทียนขุย เจอปัญหาตระกูลถังแล้วหรือยัง”
เทียนขุยลังเล ถามขึ้น“คุณหมายความว่า”
“หลินถงมีปัญหา!”ฟางเหยียนพูดเสียงเรียบ
เทียนขุยไม่ค่อยเข้าใจ ฟางเหยียนพูดต่อ“นายไม่เห็นเหรอว่าประมุขตระกูลถังฟังหลินถงแค่ไหน ความสัมพันธ์แบบนี้เกินกว่าประมุขของบ้านกับหลานสะใภ้”
เทียนขุยขมวดคิ้ว พูดอย่างคิดได้“ความหมายคือ ไม่เคารพผู้อาวุโส”
ฟางเหยียนส่ายหน้าพูด“ไม่ใช่ แค่รู้สึกว่าประมุขของบ้านไม่จำเป็นต้องออกเงินรักษาหลานสะใภ้ขนาดนั้น หนึ่งร้อยล้าน ถ้าลูกชายหรือลูกสาวก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้ลูกชายตายแล้ว ใครจะมาใช้เงินมากมายขนาดนี้กับผู้หญิงที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด มีเงินแค่ไหนก็ไม่ทำแบบนี้”
“คุณหมายความว่า หลินถงเป็นลูกสาวของเขา”
ฟางเหยียนกล่าว“ก็หวังเช่นนั้น แต่เรื่องนี้คุณต้องตรวจสอบดูอีกที หลินถงคนนี้มีปัญหาแน่”
หนานหลิง คฤหาสน์ตระกูลหม่า
ด้านในคฤหาสน์ตระกูลหม่าสร้างศาลบรรพชนเอาไว้ วางโลงศพของหม่าซวี่ซงเอาไว้ในห้องโถง ในห้องโถงมีคนมากมาย หลายสิบคน สีหน้าแต่ละคนแฝงไปด้วยความโศกเศร้าที่บรรยายไม่ถูก พวกเขาล้วนเป็นคนตระกูลหม่า
คนตระกูลหม่าพวกนี้ต่างทำงานกันอยู่ข้างนอก พอได้ยินข่าวการตายของหม่าซวี่ซง ต่างก็เร่งรีบกันกลับมา ที่จริงหม่าซวี่ซงเป็นคนที่มีอนาคตกว้างไกลในตระกูลหม่า อายุน้อยขนาดนี้ ก็ควบคุมโลกใต้ดินของหนานหลิง เป็นความภูมิใจของตระกูลหม่า
แต่ว่า ใครจะไปคิดว่าเรื่องซวยๆพวกนี้จะเกิดขึ้นกับเขา
หม่าจงหัวนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหน้าโลงศพหม่าซวี่ซง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ สีหน้าเศร้าสลด ตาแก่ที่เดิมทีกำลังคึกคัก จู่ๆก็แก่ลงไปอีกหลายปี
“คุณท่าน หาทั่วหนานหลิงแล้วครับ หาคุณหนูหรงหรงไม่เจอเลย!”พ่อบ้านคนหนึ่งก้าวขึ้นหน้ารายงาน พูดต่อหน้าหม่าหัวจงอย่างพินอบพิเทา
หม่าหัวจงขมวดคิ้ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร ด้านล่างมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น“เสี่ยวซงตายแล้ว หรงหรงจะทนเห็นศพเสี่ยวซงในบ้านในไงกัน พวกเขารักและผูกพันกันมากตั้งแต่เด็ก หรงหรงก็เป็นลูกสาวของผม ความรู้สึกของเธอผมเข้าใจ”
นี่คือบิดาของหม่าหรงหรง หม่ากวางเย่า และก็เป็นลูกชายคนที่สามของหม่าจงหัว
เขามีลูกชายสี่คน ต่างก็ออกไปสร้างเนื้อสร้างตัว มีแต่เพียงลูกชายคนโตที่อยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนเขา ลูกชายคนโตก็คือลูกชายของหม่าซวี่ซง หม่าเฉวียน ตอนนี้คู่สามีภรรยาหม่าเฉวียนได้สูญเสียจิตวิญญาณ ทั้งสองคนดูเหม่อลอย
หลังจากที่ได้ยินว่าหม่าซวี่ซงตาย พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบแตกสลาย พวกเขาในตอนนี้นั่งอยู่ข้างโลงศพหม่าซวี่ซง สองมือกอดโลงศพไว้ ไม่ยอมปล่อยมือ
ตระกูลหม่าทั้งตระกูลตกอยู่ในความโศกเศร้า ราวกับโดนครอบคลุมไปด้วยไอหมอก
นี่เป็นวันที่มืดมนของตระกูลหม่า วันเวลาอันแสนนานของตระกูลหม่า ไม่เคยต้องเจอเรื่องทุกข์ตรม
ขนาดนี้
หม่ากวางชาวตบโต๊ะเสียงดัง พูดขึ้น“พ่อครับ ผมไม่เข้าใจว่าตกลงเป็นใครกัน ทำไมต้องยำเกรงขนาดนี้ด้วย ตระกูลหม่าของพวกเราทำอะไรให้ประเทศมากมายขนาดนี้ หรือว่าแค่นี้ก็ขัดใจไม่ได้”
นี่คือลูกชายคนที่สองของหม่าจงหัว และก็เป็นคนที่อารมณ์รุนแรงที่สุดคนหนึ่ง ตอนนี้นับเป็นคนมีชื่อเสียงเล็กๆน้อยๆในเจียงตู
“ใช่ครับ พ่อ ผมไม่เข้าใจ คนๆนั้นเก่งกาจขนาดนั้นเลยเหรอ อย่างมากพวกเราก็สู้กับเขาไปข้างนึงเลย เอากันให้ตายไปข้างนึง!”หม่ากวางเย่าพูดดุดัน กำหมัดแน่น
หม่าจงหัวที่นั่งมืดมนถอนหายใจออกมายาว แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ พูดว่า“พวกแกคิดว่าสู้กันง่ายมากใช่มั้ย บางทีพวกเราสู้จนตาย ก็อาจจะสู้พวกเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“สู้กับเขา เท่ากับทำลายตัวเองชัดๆ!ต่อไปไม่ว่าใครก็ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก การตายของหม่าซวี่ซง เป็นการรนหาที่ตายแท้ๆ ”สีหน้าของหม่าจงหัวเต็มไปด้วยความกังวล สิ่งที่โจมตีเขาหนักที่สุดคือ คนที่เขาเลี้ยงจนเติบโตกับมือ
“พ่อครับ!พ่อกลัวเหรอ”หม่ากวางเย่าพูดออกไปตรงๆอย่างไม่ปิดบัง
หม่าจงหัวจ้องเขม็ง ไม่ได้พูดอะไร หม่ากวงเย่าพูดต่อ“พี่สอง พวกเราตระกูลหม่าเคยกลัวอะไรด้วยเหรอ พวกเราเป็นตระกูลใหญ่ในแผ่นดิน เป็นทหารมาหลายชั่วอายุคน จะใช้คำว่ากลัวมานิยามพ่อของพวกเราได้ไง”
หม่ากวางชาวแค่นเสียง พูดว่า“พ่อครับ ถ้าพ่อไม่กล้าลงมือ อย่างมาก พวกเราก็เข้าร่วมพวกเขา พวกเขาคอยเรียกพวกเราตระกูลหม่าอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ มีพวกเขาอยู่ พวกเรายังต้องกลัวจอมพลโผ้จวินอีกเหรอ งั้นพวกเรามาดูกันว่าใครแน่กว่ากัน กล้าต่อต้านพวกเราหรือเปล่า”
หม่าจงหัวได้ยินหม่ากวางชาวพูดถึงพวกเขา สีหน้าถอดสีทันที กำหมัดทุบลงไปบนโต๊ะไม้เต็มๆ ตะโกนใส่พวกเขาว่า“หุบปาก!”
“ต่อไปเวลาพูดถึงพวกเขา จะกำจัดแกเป็นคนแรก”
พอสิ้นเสียง โต๊ะที่อยู่ในมือก็แหลกละเอียด
หม่ากวางชาวยังคงไม่สบอารมณ์ เนื้อบนใบหน้ากระตุก พอหม่าเหาที่เงียบมาโดยตลอดเห็นสถานการณ์ จึงรีบพูด“พี่ใหญ่ พี่สอง พี่สาม อย่าเศร้าเกินไปนักเลย พ่อตัดสินใจเองได้ เรื่องนี้จะไม่ได้จบแบบนี้หรอก”
หม่าเหาเป็นลูกชายคนเล็กของหม่าเหา ปีนี้อายุสามสิบ และก็เป็นคนที่ฉลาดที่สุด เรียนวัฒนธรรมจีนมาตั้งแต่เด็ก มีสติปัญญาอันไร้ขีดจำกัด ในบ้านนี้ เขามักเป็นตัวแทนที่สงบนิ่งที่สุด
หม่าจงหัวไม่พูดไม่จา ได้แต่ลุกขึ้นยืนค่อยๆลุกออกไป ทิ้งคำพูดไว้คำหนึ่ง“ไปหาหรงหรงต่อ อย่าให้เธอก่อเรื่องเดือดร้อน ในช่วงเวลานี้ หม่าเหารับช่วงดูแลตระกูลหม่าต่อ ทุกคนห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”
พูดจบ หม่าจงหัวก็ค่อยๆออกจากตระกูลหม่าไป
จนกระทั่งหม่าจงหัวออกจากคฤหาสน์ตระกูลหม่า หม่ากวางชาวถึงได้ถามหม่าเหาว่า“น้องสี่ พ่อ
หมายความว่าไง”
หม่าเหาตอบ“พี่สอง ความรู้สึกของพวกคุณผมเข้าใจดี บางทีตอนนี้เราอาจจะไปล่วงเกินคนที่ล่วงเกินไม่ได้ก็ได้”
“คนที่ล่วงเกินไม่ได้!ตระกูลหม่าของเราล่วงเกินใครไม่ได้บ้าง ผู้ที่หนุนหลังตระกูลเราคือ…”หม่ากวางชาวตาเป็นประกายสังหาร
แต่ว่าหม่าเหาตัดบทเขา“พี่สอง เรื่องนี้ อย่าพูดอีกเลย!ถ้าพูดอีกตระกูลหม่าของเราคงจบ”
“ในแผ่นดินนี้ มีใครที่กล้าแตะต้องเราอีก?!ตระกูลยิ่งใหญ่ของเรา สั่งตายก็เป็นต้องตาย”หม่ากวางชาวไม่ยอมให้ตระกูลถูกรังแก ความรู้สึกนี้อึดอัดมาก
หม่าเฉวียนที่กำลังร้องไห้ลุกขึ้นทันที พูดขึ้น“ผมจะไปฆ่าผู้หญิงคนนั้น กาลีบ้านกาลีเมือง ผู้หญิงคนนั้นข้าลูกผม”
จุดนี้หม่าเฉวียนคิดได้ทั่วถึง เขาคัดค้านหม่าซวี่ซงให้เข้าใกล้หลินถง เขารู้ตั้งนานแล้ว หม่าซวี่ซงต้องตายเพราะหลินถง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจริงเร็วขนาดนี้
หม่าเหารีบดึงหม่าเฉวียน พูดขึ้น“พี่ใหญ่ ฆ่าเธอไม่มีประโยชน์หรอก อีกอย่างพี่ไปแบบนี้ จะฆ่ายังไง พวกเราฆ่าผู้หญิงคนนั้นได้ และก็ฆ่าคนที่ชื่อจอมพลได้เหมือนกัน เพียงแต่ ยังไม่ถึงเวลา”