จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 119
เทียนขุยผู้อยู่บนสนามรบ ประหนึ่งสัตว์ร้าย หมัดคู่นั้นสามารถกวาดล้างไปแปดทิศ นอกจากชื่อของจอมพลที่ทำให้คู่ต่อสู้ยำเกรงแล้ว การมานั่งดูในทั้งเจ็ดวันของจอมพลก็ทำให้ผู้รุกรานชาวต่างชาติระส่ำระสายแล้ว
ที่มาดูทั้งเจ็ดวันแต่ละคนล้วนเป็นพลโทระดับสี่ดาวทั้งนั้น ทุกคนมีความสามารถในแบบฉบับของตัว เอง ทั้งสนามรบและเขตแดนของประเทศหวา นอกจากฟางเหยียน ไม่มีใครสามารถออกคำสั่งพวกเขาได้
เทียนขุยได้ออกกระบวนท่าธนู แววตาทั้งสองข้างมองกระปรี้กระเปร่าไปทางชายฉกรรจ์ยุโรป
ย้อนกลับมาที่ชายฉกรรจ์ยุโรปที่มองเทียนขุยอย่างลำพอง แววตามีริ้วรอยดูแคลน
ต่อจากนั้น น้ำเสียงที่ราวกับระเบิดเปล่งออกมา“ระดับแปด กระโดด!”
แค่คำพูดเดียว สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้า ราวกับรวบรวมกำลังทั้งหมดพุ่งไปยังชายฉกรรจ์ยุโรปยโสที่อยู่ตรงหน้า
“ปัง!”ได้ยินแต่เสียงกัมปนาท หมัดทั้งสองของเทียนขุยปะทะเข้าไปบนตัวชายฉกรรจ์ยุโรปคนนั้นเต็มๆ เขาอึ้งก่อนอันดับแรก จากนั้นจึงกระดอนไปทั้งตัว ใช่แล้ว กระดอนไปทั้งตัว แถมยังพุ่งชนกำแพงและเชือกที่แขวนไว้อย่างแรง เชือกนั้นมีแรงยืดหยุ่น พอกระทบกับเชือก เขาก็ตกลงบนพื้นอย่างจัง
เนื่องจากชายฉกรรจ์ยุโรปแข็งแรง หนักราวๆร้อยห้าสิบกว่ากิโล พอชนเข้า เวทีทั้งเวทีก็สะท้าน
เทียนขุยรักษาท่าการจู่โจม หมัดทั้งสองกำแน่น ย่างก้าวออกไปดุจคันศร ค้อมเอว หมัดนั้นราวกับปล่อยแสงไฟออกมา
เทียนขุยในเวลานี้ ได้แค่ใช้คำสองคำมาบรรยาย “เผด็จการ”!
หลังจากที่ชายฉกรรจ์ยุโรปล้มลงกับพื้นแล้วเงยหน้ามองขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาแพ้แล้ว!
เมื่อกี้คืออะไรกัน ร่างกายของเขาราวกับถูกรถบรรทุกทับ นี่เป็นพลังที่คนปล่อยออกมาหรือ คนจะมี พลังที่น่ากลัวแบบนี้ได้อย่างไร
เขาขึ้นประลองมานับไม่ถ้วน และก็เคยวิ่งในสมรภูมิ แต่ก็ไม่เคยเห็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ที่คือหมัดคนหรือ ไม่สิ ไม่ใช่พลังที่คนจะปล่อยออกมาได้แน่
หมัดๆนี้ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับชายฉกรรจ์ยุโรป ไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้เลย เป็นครั้งแรกที่เขาลิ้มรสชาติแบบนี้ เขารู้สึกราวกับเครื่องในจะแตกสลาย
เขาค่อยๆพยุงตัวขึ้น กำลังจะพูดว่าไม่สู้แล้ว ยอมแพ้ แต่ว่าเขายังไม่ทันได้พูด ก็ล้มลงไปอีก
ร่างกายของเขาในตอนนี้ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยมีมาก่อน!
เทียนขุยไม่ปล่อยเขาไปในเวลานี้แน่ๆ เขาเคยพูด ต้องใช้เวลากำจัดชายฉกรรจ์ยุโรปคนนี้ภายในเวลาสิบวินาที เขาจะต้องพูดได้ทำได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็เท่ากับผิดสัญญากับจอมพล และไม่คู่ควรกับตำแหน่งพลโทสำนักเจ็ดพิฆาตของเขา
ดังนั้นเขาจึงเก็บหมัดที่จู่โจม กระโดดขึ้นสูง ใช้กำปั้นขวาทุบลงไปราวกับสายฟ้าฟาด
จากนั้น จึงคำรามเสียงก้อง“ระดับแปด กระจาย!”
หมัดที่หนักเป็นตันใช้ความเร็วเป็นร้อยไมล์ในการระดมใส่ชายฉกรรจ์ยุโรป แววตาดูแคลนเมื่อครู่ของชายฉกรรจ์แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว แล้วเปลี่ยนเป็นหวาดผวา เขาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้!
“NO!”เขาใช้กำลังทั้งหมด ตะโกนออกไป
แต่ว่าเทียนขุยลงมือไปแล้ว ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ในตอนที่เทียนขุยลงมือ คนทั้งคนก็เท่า
กับตายไปแล้ว ยังจะร้องไม่อะไรอีก
ถ้าการบอกว่า”ไม่” มีประโยชน์ โลกนี้ก็คงไม่มีการต่อสู้แล้ว แล้วก็คงไม่มีความตายด้วย
ต่อจากนั้น หมัดทรงพลังราวลูกไฟได้ทุบลงไปบนร่าง
เขารู้สึกว่าตัวเองกระดูกร้าวไปทั้งตัว พลังแบบนี้เป็นพลังขั้นสูงสุดแล้ว
หมัดของเทียนขุยทุบลงบนอกของเขา อกของเขาเป็นหลุมใหญ่ขึ้นมาทันที จากนั้นเทียนขุยจึงออก
แรงใช้เท้ากระทืบ กระทืบทีหนึ่งชายฉกรรจ์ก็กระดอนขึ้น
“ระดับแปด ทำลายล้าง!”หมัดสองหมัดทะยานพุ่งขึ้นไป ปะทะลงบนร่างชายฉกรรจ์ยุโรปเต็มๆ พลังมรณะตลบอบอวลไปทั่วเวที ชายฉกรรจ์ยุโรปเห็นหมัดราวสัตว์ร้ายสองหมัดพุ่งเข้าหาตน เหมือนกับทูตมรณะก็ไม่ปาน
นี่เป็นสติสุดท้ายของเขา และก็เป็นเรื่องสุดท้ายที่เขารับรู้!
“ปัง!”หมัดกระทบลงบนตัวชายฉกรรจ์ยุโรป ร่างเขาของกระเด็นออกนอกเวที เชือกที่พันล้อมเวทีเป็นชั้นๆทำจากยางหุ้มเหล็ก เหล็กขาดลงทันที!ร่างของชายฉกรรจ์ยุโรปล้มกระแทกลงบนพื้น เลือดพุ่งออกจากปาก ทวารทั้งเจ็ดพุ่งไปด้วยเลือด จากนั้นเขาก็นิ่งไม่ขยับอีกเลย
ทั้งกระบวนการ ไม่พูดพล่ามทำเพลง เรียบง่ายหากรุนแรง เพียงสามหมัดก็ตายคาที่
ที่เขาบอกว่าให้เทียนขุยปล่อยสามหมัด คิดไม่ถึงว่าหลังจากเทียนขุยลงมือแล้ว เขาไม่เหลือแม้พื้นที่ให้โต้ตอบคืนเลย คนที่ยโสโอหัง ก็ต้องรับผิดชอบในความยโสโอหังของคน ไม่มีข้อยกเว้น
เทียนขุยมองชายฉกรรจ์ยุโรปอย่างเย็นชา หลังจากที่ยืนยันว่าเขาตายสนิท จึงเก็บการจู่โจม ก้าวออกไปเดินลงเวที สีหน้าปราศจากความรู้สึก ราวกับการฆ่าเขาให้ตายเป็นเรื่องง่าย และก็เป็นสิ่งที่ตนเองคาดคะเนไว้แล้ว
ทุกคนในสนามต่างเงียบกริบ ในเวลานี้ เงียบจนน่าประหลาดใจ นี่เป็นสถานที่ที่จุคนเป็นหมื่น ทุกคนต่างตกตะลึงกับเทียนขุย ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ช่วงเวลาไม่ถึงสิบวินาที สามหมัด ก็จัดการชายฉกรรจ์ที่สูงสองเมตรตายคาที่ ราวกั้นบนเวทีก็แตกละ เอียด นี่มันพลังอะไรกันแน่ นี่เป็นใครกัน แล้วนี่จะเป็นอย่างไรต่อไป
ในฐานะประชาชนประเทศหวา หรือเห็นพลังงานแบบนี้ แต่นั่นมันการแสดงรายการในทีวี แต่ตอนนี้
อยู่สดๆตรงหน้าพวกเขา เป็นการแสดงการต่อสู้ที่รายการทีวีเติมเอฟเฟคลงไป ทำให้ทุกคนเปิดหูเปิดตา
เถาไห่หลงมองตาค้างไปทางฟางเหยียน มีแต่เขาเท่านั้นที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สมควรเกิด คนที่ลงมือคือเทียนขุย แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ คนที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า
เถาไห่หลงลองคาดเดา แต่สุดท้ายก็รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
กรรมการชาวยุโรปสองสามคน ทั้งหมดตกใจจนพูดไม่ออก แต่ละคนอ้าปากค้างลิ้นจุกปาก
ในจังหวะที่เทียนขุยเดินลงเวที ทั้งเวทีก็โห่ร้องกึกก้อง ทั้งสนามเดือดระอุขึ้นมา เสียงโห่ร้องดังกังวานไปทั่วฮอลล์
บางคนอดวิจารณ์ขึ้นมาไม่ได้
“สวรรค์ นี่แหละศิลปะการต่อสู้ประเทศหวาโดยแท้จริง เห็นหรือยังล่ะ ศิลปะแห่งตำนานการต่อสู้ประเทศหวา หมัดแปดทิศ!”
“ฉันเคยบอกแล้วประเทศหวาของเรากว้างใหญ่ไพศาลทรัพยากรล้นหลาม ต้องมียอดฝีมือหลงเหลืออยู่แน่นอน ต้องรู้ว่ายอดฝีมือของเรานั้นปลีวิเวก และนี่ต้องเป็นยอดฝีมือที่ปลีวิเวกแน่นอน หมัดแปดทิศ เป็นมรดกของประเทศหวาของเราเลยนะเนี่ย”
“ต่อหน้าศิลปะการต่อสู้อันแท้จริงของประเทศหวา กล้ามเนื้อและพลังงานที่แสดงล้วนอ่อนเรี่ยวแรงทั้งสิ้น”
“ช่างเลือดระอุเสียจริง เป็นการประลองที่สนุกที่สุดตั้งแต่ดูมา ในฐานะประชากรประเทศหวา เวลานี้ พวกเราต้องเงยหน้ายืดอก ก้าวเดินออกไปอย่างทรนง”
“ประเทศหวามีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเสมอ!หมัดมวยของประเทศหวาไม่ด้อยไปกว่าใคร”
“ผู้รุกรานประเทศหวา จะต้องดับสิ้น!