จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 122
จางไห่เฟิงรีบพยักหน้าตอบรับ “ใช่ครับ ลู่หย่องถิงนั่นแหละ!”
นึกถึงลู่หย่องถิง จางไห่เฟิงยังอดไม่ได้ที่จะเอาเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับตัวเอง การตายของลู่หย่องถิงเกี่ยวกับกับตัวเองอย่างมาก แต่ว่าน่าเสียดายที่สุดท้ายลู่หย่องถิงก็ไม่ได้มันมา
“นายวางใจได้ เรื่องนี้ฉันจะทำอย่างรอบคอบแน่นอน แค่นายนัดคนออกมาให้ฉันก็พอ” เซียวห้านยีตาพูดอย่างน่าเชื่อถือ
จางไห่เฟิงตอบว่า “ได้ ผมเชื่อใจประธานเซียวครับ”
มือของจางไห่เฟิงก็เลื้อยหนักขึ้นอีก แต่ในขณะนี้เองที่อยู่ๆสีหน้าของเซียวห้านก็เปลี่ยนไป ยกมือขึ้นมาจับคอเสื้อของจางไห่เฟิงไว้แล้วพูดว่า “ในเมื่อเชื่อใจฉัน ก็รีบไปคิดหาวิธีจัดการซะ!”
การกระทำของจางไห่เฟิงหยุดลงในทันที ในขณะนั้นสีหน้าก็ถึงกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เซียวห้านกลับสู่สีหน้าท่าทางเย็นชา พูดว่า “นายไปเถอะ ฉันยังต้องพบคนสำคัญอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้สำเร็จแล้วฉันจะตกลงคำขอของนายหนึ่งข้อ อะไรก็ได้”
ใบหน้าของเซียวห้านแสดงสีหน้าที่ทำเอาคนเพ้อฝันอีกครั้ง
จางไห่เฟิงเห็นว่าไฟร้ายในตัวยังไม่หายไป แต่ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ก้มหน้าเดินออกจากห้องทำงาน จางไห่เฟิงพูดกับตัวเองว่า “เซียวห้านคนนี้น่าสนใจจริงๆ ถ้าหากว่าได้ลองสักครั้ง ก็ถือว่าโอเคแล้ว”
เพียงแค่คิดถึงว่าเซียวห้านเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองจินโจว และนึกถึงเธอที่ตัวสั่นอยู่ภายใต้ตัวเขาเองก็รู้สึกคึกคะนองขึ้นมา!
จางไห่เฟิงเพิ่งเดินออกจากเจิ้นเทียนกรุ๊ปแค่ครู่เดียว เซียวเจิ้นเที่ยนก็มาแล้ว
เมื่อมาถึงห้องทำงาน เขาก็พูดอย่างมีความสุขว่า “ดี เสี่ยวห้าน สมกับเป็นลูกสาวของเหวินปิง จัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็วไม่ชักช้าเลยสักนิด ฉันชอบนิสัยแบบเธอเนี่ยแหละ”
เซียวห้านพูด “คุณปู่ชมเกินไปแล้วค่ะ นี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น”
เซียวเจิ้นเที่ยนพยักหน้ารัวๆพูดว่า “ดี ฉันหวังว่าตระกูลเซียวจะได้รับอะไรจากเรื่องนี้บ้าง”
เซียวห้านพยักหน้าพูดว่า “ค่ะ คุณปู่”
“ใช่สิ ท่านได้ไปเยี่ยมเยียนคุณชายคนนั้นของตระกูลฟางรึยังคะ? หนูได้ยินข่าวลือว่า ตระกูลฟางของเจียงตูครั้งนี้อาจจะให้คุณชายคนนี้เป็นผู้สืบทอด และยังจะสนับสนุนการตัดสินใจทุกอย่างของคุณชายคนนี้ ถ้าหากสามารถทำความรู้จักกับคุณชายคนนี้ของตระกูลฟางได้ จะมีผลอย่างมากต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจตระกูลเซียวของเราค่ะ”
เซียวเจิ้นเที่ยนถาม “หรือว่า เธอไม่สงสัยเลยว่าฟางเหยียนคนนี้จะเป็นคุณชายของตระกูลฟาง?”
เซียวเจิ้นเที่ยนเคยมีความสงสัยอย่างนี้ สงสัยว่าฟางเหยียนเป็นคุณชายของตระกูลฟาง
เซียวห้านส่ายหัวพูดว่า “คุณปู่คะ ก่อนหน้านี้หนูก็มีความคาดเดาแบบนี้ แต่ว่าหนูค่อยๆพบเจอว่า เขาไม่ถูกกับคุณชายตระกูลฟางอย่างมาก ท่านคิดดู คนนี้ทำให้ผู้นำตระกูลฟางอ่อนข้อให้ จะเป็นคนอย่างนั้นได้ยังไงคะ ตระกูลฟางครอบครัวที่สูงส่งขนาดนั้น ไม่มีทางอนุญาตให้หลานชายตัวเองไปเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านอย่างนั้นหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้สืบทอดเลยค่ะ”
เซียวเจิ้นเที่ยนเองก็พยักหน้าอย่างนึกคิด “เธอพูดถูก งั้นฉันต้องไปเยี่ยมเยียนคุณชายตระกูลฟางคนนี้แล้วจริงๆ ในเมื่อเขายอมรับเทียนสงกรุ๊ปของฉันไว้ ก็แสดงว่าสามารถร่วมธุรกิจกับฉันได้”
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของเซียวห้านก็คือมั่นใจมากเกินไป คนๆหนึ่งถ้าหากมั่นใจมากเกินไป มันจะทำให้เกิดการตอบสนองที่ไม่ดี เหมือนกับเธอในตอนนี้ ที่เชื่อการวิเคราะห์ของตัวเองมากเกินไปว่าฟางเหยียนไม่ใช่คุณชายตระกูลฟาง
เย่ชิงหยู่ออกจากบริษัทก็ตรงมาที่คฤหาสน์ของตระกูลจาง
“คุณตาคะ หนูมาหาจางไห่เฟิงค่ะ” สีหน้าเย่ชิงหยู่แย่มากจนถึงที่สุด
จางฉี่เหาเห็นสีหน้าแบบนี้ของเย่ชิงหยู่ก็ถามว่า “เป็นอะไร? ชิงหยู่”
หลังจากที่ตระกูลจางเสียสิทธิ์ในการออกความเห็นต่อตงข่ายกรุ๊ป ทุกคนก็เหมือนหายสาบสูญ ออกไปเที่ยวเล่นอยู่เสมอ รวมทั้งจางฉี่เหาด้วย และก็ไม่ถามมากถึงตงข่ายกรุ๊ปอีก
ตอนนี้ ตระกูลจางของพวกเขามีหุ้นส่วนอยู่ 49% ไม่จำเป็นต้องไปกังวลอะไรกับบริษัทของคนอื่นอีกต่อไป นี่เป็นความคิดของทุกคนในตระกูลจาง และจำนวนหุ้น 49% นั้นก็พอที่จะให้พวกเขาฟุ่มเฟือยแล้ว
“คุณตาคะ จางไห่เฟิงขโมยภาพออกแบบที่สำคัญของบริษัทหนูไป คอลเลคชั่นที่พวกเราจะผลิตในปีนี้ถูกคนอื่นผลิตออกมาขายในเว็บไซต์ออนไลน์ แผนของเราในปีนี้นั้นล้มเหลวทั้งหมดแล้วค่ะ” เย่ชิงหยู่พูดกับคุณตาอย่างน้อยใจ
จางฉี่เหายังไม่ทันได้ตอบ จางไห่เฟิงก็เดินเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“เย่ชิงหยู่ เธอหมายความว่ายังไง?”
เมื่อเห็นจางไห่เฟิงเย่ชิงหยู่ก็รีบถามว่า “หมายความว่ายังไง? จางไห่เฟิง นายทำอะไรลงไปนายไม่รู้ตัวงั้นหรอ? เมื่อก่อนนายทำยังไงกับฉัน ฉันสามารถไม่สนใจได้ แต่ตอนนี้ เพื่อที่นายต้องการให้บริษัทเรายกเลิกสัญญากับซีหนานกรุ๊ป แล้วทำเรื่องแบบนี้ออกมา หรือว่านายไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองน่ารังเกียจมากงั้นหรอ?”
จางไห่เฟิงโมโหจนตาเบิกกว้างถามไปว่า “การกระทำของฉันทำไม? ฉันทำอะไร? ภาพออกแบบเสื้อผ้าของบริษัทเธอโดนขโมย แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
เย่ชิงหยู่พยักหน้า พูดว่า “เกี่ยวอะไรกับนาย? ภาพออกแบบพวกนี้นายเป็นคนขโมยนั่นแหละ”
“หลักฐาน! เธอมีหลักฐานมั้ย?” จางไห่เฟิงแสยะยิ้ม พูดว่า “เธอคิดว่าจางไห่เฟิงคนนี้โง่หรอ? ตอนนี้ความเป็นอยู่ทั้งบ้านของพวกเราล้วนพึ่งพาตงข่ายกรุ๊ป ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นส่วนใหญ่ ฉันยอมรับว่าฉันเกลียดที่เธอได้หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท แต่ยังไงซะตงข่ายกรุ๊ปก็เป็นคุณตาที่สร้างขึ้นมา หรือว่าฉันจะยังสามารถมองดูคุณตาและพ่อแม่ฉันลำบากหรอ? ฉันว่าความสามารถเธอไม่ดีแล้วอยากจะใส่ร้ายฉันมากกว่า”
จางฉี่เหาขมวดคิ้วถามว่า “ใช่แล้ว ไห่เฟิงพูดถูก ชิงหยู่ เธอมีหลักฐานมั้ย?”
เย่ชิงหยู่นิ่งค้าง พูดว่า “คุณตาคะ หนูไม่มีหลักฐาน เพราะว่าวันนั้นทั้งบริษัทไฟดับ ลุงหลี่บอกว่าเห็นจางไห่เฟิงไปบริษัท เขาไปบริษัทเวลานั้น ยังไม่พอที่จะบอกว่าเขาเป็นคนทำงั้นหรอคะ?”
“แบบนี้เธอใส่ร้ายกันชัดๆ ฉันไปบริษัทตอนไหนกัน? ช่วงนี้ฉันไม่ได้ไปบริษัทเลย เธอเชื่อคำพูดของคนนอกง่ายๆ แล้วเธอไม่สงสัยว่าจะเป็นเขาหรอ? เธอไม่สงสัยว่าเขากำลังใส่ร้ายฉันหรอ?” จางไห่เฟิงตะโกนอย่างโมโห
“ไร้ยางอาย!” จางฉี่เหาพูดอย่างดุดันว่า “ชิงหยู่ เธอไม่มีหลักฐาน แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าไห่เฟิงเป็นคนทำ?”
“เพราะว่า…..” เย่ชิงหยู่พูดไม่ออก เธอเอาหลักฐานอะไรไม่ออกมาจริงๆ วันนั้นจางไห่เฟตัดไฟทั้งบริษัทก็เพื่อจะลบเรื่องที่ตัวเองทำทิ้งซะ
จริงๆแล้วก่อนจะทำเรื่องนี้ เขาก็คิดไว้แล้วว่าจะเผชิญหน้ากับเย่ชิงหยู่ยังไง นี่ไง ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดเดาไว้แล้ว ความรู้สึกอย่างนี้ ทำเอาเขาสะใจอย่างมาก
“เพราะว่าอะไร? เพราะว่าเรื่องเมื่อก่อนที่ฉันเคยทำหรอ? เย่ชิงหยู่ หรือว่าในสายตาเธอฉันเป็นคนที่เลวขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันอิจฉาที่เธอได้เซ็นสัญญา แล้วเอาบริษัทตงข่ายกรุ๊ปของตระกูลจางไป แต่ว่าฉันไม่โง่ ฉันยังไม่โง่ถึงขั้นที่ต้องให้ตัวเองและครอบครัวตัวเองไปขอข้าวกินข้างถนน”
คำพูดของจางไห่เฟิงสวยงามสมบูรณ์แบบ!
จางฉี่เหาฟังเข้าไปเขาเองก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น ดังนั้นจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ชิงหยู่ เธอกำลังใส่ร้ายลูกพี่ลูกน้องเธอ?”