จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 134
ในคฤหาสน์ของหนานหลิงและหวงหยวนฉาว
เช้าตรู่ พระอาทิตย์ขึ้น ฟางเหยียนกำลังมองน้ำในทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ขึ้นจากขอบฟ้าอย่างช้า ๆ แสงสว่างอ่อน ๆ ส่องลงมากระทบบนใบหน้าของเขา ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย เขายังสามารถสัมผัสได้ถึงความสงบเยือกเย็นในยามที่ลมจากทะเลสาบพัดเข้ามา
เมื่อคืนนี้ เพื่อที่จะหลบหลีกการไล่ตามประจบประแจงจากกลุ่มนักข่าวที่บ้าคลั่งนั่น เขาก็เลยมาพักผ่อนในคฤหาสน์ของหวงหยวนฉาว เขารู้ว่ารีสอร์ตหยูฉวนถูกยึดครองแล้ว นักข่าวเป็นอาชีพที่บ้าคลั่งมาก!
ในตอนที่เขากำลังหลับตาพักผ่อนนั่นเอง ก็มีเสียงสั่นส่งมาจากในกระเป๋ากางเกง เขารีบล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นเป็นโทรศัพท์จากศาสตราจารย์โจว เขารีบกดรับสายในทันที
เพิ่งจะรับสาย ก็มีเสียงตื่นเต้นสุดขีดของศาสตราจารย์โจวดังออกมา “คุณฟางครับ หินทิพย์ที่ท่านให้พวกเรามาได้วิจัยออกมาแล้ว ตอนนี้ท่านมาที่มหาวิทยาลัยซีหนานเถอะครับ! ผมจะเอาตัวเลขที่ละเอียดให้ท่านได้ดู นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้เลยนะครับ”
วิจัยออกมาแล้ว ศาสตราจารย์โจวคนนี้มีฝีมืออยู่มากจริง ๆ รอมาตั้งหลายวัน นับว่าไม่เสียแรงที่ตนพยายามมา ในที่สุดก็วิจัยออกมาแล้ว
“โอเคครับ ผมจะรีบไปทันที!” ฟางเหยียนพูดสั้น ๆ แต่ได้ใจความ พูดจบก็ตัดสายไปในทันที
เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ไป วิดีโอคอลจากวีแชทในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เดิมเขาตั้งใจจะไม่สนใจ แต่พอเห็นว่าเป็นวีแชทของเย่ชิงหยู่ เขาก็กดรับสาย เย่ชิงหยู่ไม่เคยวิดีโอคอลเข้ามา นี่เป็นครั้งแรก
เพิ่งจะรับสาย เขาก็โดนฉากที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตกตะลึง
เย่ชิงหยู่ถูกมัดอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่ง ชายหัวโล้นคนหนึ่งกำลังใช้มือสกปรกของเขาสัมผัสเย่ชิงหยู่ ปากยังคงส่งเสียงหัวเราะที่ทำให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียน และเย่ชิงหยู่กำลังร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดด้วยเสียงแหลม ๆ ที่สิ้นหวัง
คนที่ทำให้ฟางเหยียนแสดงความรู้สึกบนใบหน้าได้มีแค่เย่ชิงหยู่เท่านั้น เห็นเธอได้รับการหยามเกียรติเช่นนี้ หัวใจของฟางเหยียนก็แสบร้อนขึ้นมาทันที ไม่สิ เขาไม่ได้ส่งอู๋เหยียนไปปกป้องเย่ชิงหยู่หรือไง? ทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัวออกมานะ?
แต่ฉากต่อมากลับทำให้หัวใจของฟางเหยียนบีบรัด ศพของอู๋เหยียนอยู่ตรงเท้าของเย่ชิงหยู่ กล้องนั่นมีเจตนาแสดงให้ศพของอู๋เหยียนอยู่ต่อหน้าฟางเหยียน อู๋เหยียนตายแล้ว ถูกคนฆ่าตาย ใช้วิธีการที่สุดเหวี่ยงสังหารเขา
ในใจของฟางเหยียนสั่นไหวขึ้นมาในทันที อู๋เหยียนเป็นคนที่ยอมสละชีพคนหนึ่ง ตั้งแต่หลังจากเข้าคุก เขาก็โดนตัดลิ้น จากนั้นก็ปล่อยให้เร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกส่งเข้ากองทัพ อู๋เหยียนก็ทำได้ เขามีชีวิตอยู่จึงถูกส่งเข้ากองทัพ หลายครั้งที่บุกเข้าไปในถิ่นศัตรูอย่างห้าวหาญเขาก็รอดชีวิตกลับมา ด้วยเหตุนี้จึงถูกฟางเหยียนมองเห็นศักยภาพในตัวของเขา จึงให้เขาอยู่ในสำนักเจ็ดพิฆาตต่อไป
เขาจงรักภักดีต่อหน้าที่ ไม่มีการร้องเรียนแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าเพื่อนที่จะปกป้องเย่ชิงหยู่ เขากลับโดนสังหารไปแล้ว!
เขารู้ความสามารถของอู๋เหยียนดี คนที่สามารถสังหารอู๋เหยียนได้ล้วนแต่เป็นนินจาระดับกลางขึ้นไป ประมาทแล้ว ฟางเหยียนประมาทไป เขาส่งแค่อู๋เหยียนคนเดียวมาคุ้มครองเย่ชิงหยู่
“แกเป็นใคร?” ฟางเหยียนถามเสียงแหบ ในใจกำลังหลั่งเลือด ความตึงเครียดและความอ่อนไหวภายในใจถูกปกปิดเอาไว้
กล้องของอีกฝ่ายเปลี่ยนกลับมา ส่องด้านหน้าทันที เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มลำพองใจ
เซียวห้านพูดกับฟางเหยียนอย่างระเริงใจว่า “ฉันคือเซียวห้าน แกน่าจะรู้จักฉันนะ ได้ยินชื่อเสียงของแกมานาน อยากจะนัดแกออกมาพบสักหน่อย แต่ฉันหาแกไม่เจอ ก็เลยทำได้แค่ใช้วิธีนี้เท่านั้น”
“อย่าทำร้ายเธอ! ไม่อย่างนั้นเธอจะได้ตายอย่างน่าอนาถแน่” คำพูดของฟางเหยียนเยียบเย็นจนถึงขีดสุด เสียงข้อกระดูกลั่นดังออกมา
เซียวห้านหัวเราะแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฮ่า ๆ ๆ! จนป่านนี้แล้วยังจะเป็นห่วงเมียของแกขนาดนั้นอยู่อีก ดูเหมือนที่เธอพูดจะเป็นเรื่องโกหกนะ ดูเหมือนเธอจะสำคัญกับแกมากจริง ๆ ฉันจะรอแกในโรงงานเหล็กร้างในเมืองฝั่งทิศตะวันออก แกมีเวลาครึ่งชั่วโมง ฉันหวังว่าแกจะมาคนเดียวนะ ถ้าหากแกพาคนอื่นมาด้วยละก็ เกิดอะไรขึ้นมาฉันก็ไม่รู้ด้วยนะ”
พูดจบเซียวห้านก็วางสายโทรศัพท์
พี่อ้วนที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็หัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“หยุด!” เซียวห้านพูดอย่างเยือกเย็น “อย่าแตะต้องเธอ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่อ้วนแข็งตัวในชั่วพริบตา เขาถามอย่างยากจะเข้าใจว่า “ทะ.. ทำไมล่ะ? คุณหนูใหญ่ คุณไม่ได้พูดว่าคนคนนี้เอาไว้ให้พวกเราหาความเพลิดเพลินหรอกเหรอ?”
เซียวห้านกอดอก ยิ้มแล้วพูดว่า “รอฆ่าผู้ชายคนนั้นแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะเล่นยังไงก็ตามใจนายเลย”
เย่ชิงหยู่ส่ายศีรษะอย่างบ้าคลั่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่… ทำไม? ทำไมเธอต้องฆ่าฟางเหยียนด้วย?”
เซียวห้านมองพิจารณาเย่ชิงหยู่ เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “เพราะว่า เขาสมควรตาย!” พูดจบเธอก็ก้าวขายาว ๆ เดินออกไป
พี่อ้วนจ้องเย่ชิงหยู่อย่างอดอยากปากแห้งแล้วพูดว่า “คนสวย รออีกสักพักฉันจะทำให้เธอได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว สีหน้าของฟางเหยียนก็เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง เขาส่งพลังอันมืดมนกำจายออกมาทั่วร่าง ร้องตวาดออกไปด้านนอกเสียงดังว่า “เทียนขุย!”
“จอมพลโผ้จวิน!” เทียนขุยห้อตะบึงมาจากข้างนอก คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น
“เตรียมเครื่องบิน พร้อมรบ! ฉันจะกลับไปรบที่จินโจว” เพียงประโยคเดียว ฟ้าดินพลันเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด เสียงฟ้าร้องไล่ตามมา
หวงหยวนฉาวยังคงรำไทเก๊กอยู่บนดาดฟ้า ถูกเสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ตกใจจนตัวสั่น
พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาได้นิดเดียว อยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้มีฟ้าร้องในตอนเช้า?!
หลังจากผ่านไปห้านาที เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็มาถึงดาดฟ้าคฤหาสน์ของหวงหยวนฉาว ฟางเหยียนกับเทียนขุยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไปเลย เสียงแหวกอากาศดังคว้าง ตลอดทั้งขั้นตอนนี้ ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่สีหน้าของเขามืดครึ้ม นำพารังสีสังหารที่เข้มข้น
หวงหยวนฉาวมองฟางเหยียนที่จากไป เขาพูดพึมพำว่า “จะไปรบแล้วเหรอ?”
บนเครื่องบิน เทียนขุยมองใบหน้าที่มืดครึ้มของฟางเหยียนพลางเอ่ยถาม “จอมพลโผ้จวิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบ กลับเงียบไปประมาณครึ่งนาที จากนั้นถึงได้พูดออกมาสี่คำ “อู๋เหยียน… ตายแล้ว!”
“อะไรนะ?” เทียนขุยอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เขาเอ่ยถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณนายไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
ความสามารถของอู๋เหยียนนั้น ทั้งสองคนล้วนชัดเจนแจ่มแจ้งดี อู๋เหยียนเป็นคนที่ฟางเหยียนส่งให้ไปอารักขาอยู่ข้าง ๆ เย่ชิงหยู่ อู๋เหยียนถูกสังหาร นั่นก็หมายความว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเย่ชิงหยู่แล้ว แถมอีกฝ่ายยังไม่ใช่คนธรรมดาอีกด้วย
ฟางเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม แค่มองดูก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดี
“จอมพลโผ้จวิน จะฆ่าไหมครับ?” เทียนขุยถามอย่างเคร่งเครียด
สายตาของฟางเหยียนมีรังสีสังหารแวบผ่าน เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฆ่า!”
คำเดียวสั่นสะเทือนฟ้าดิน!
เทียนขุยได้ฟังแล้วเกิดคลื่นโหมกระหน่ำในใจ เขารู้ว่าสถานที่นั้นกำลังจะนองเลือดแล้ว เขาไม่ได้เห็นจอมพลโผ้จวินลงมือมานานแล้ว ในที่สุดก็จะลงมือแล้ว!
ยี่สิบนาทีผ่านไป เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ประตูของโรงงานเหล็กร้างทางทิศตะวันออกของเมือง
ฟางเหยียนมุ่งหน้าเดินลงจากเฮลิคอปเตอร์ ก้าวขายาวยิ่งกว่าเดิมเข้าไปทางโรงงานเหล็ก
เทียนขุยยืนอยู่ด้านหลังของฟางเหยียน ร้องตะโกนอย่างหนักแน่นว่า “จอมพลโผ้จวิน เทียนขุยขอออกรบด้วยครับ!”
ฟางเหยียนหันหลังให้กับเทียนขุย ยกมือขึ้น โบกมือแล้วเอ่ยขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องของฉัน!”
พูดจบเขาก็ก้าวยาวยิ่งกว่าเดิม เดินเข้าไปในโรงงานเหล็กร้าง มองดูเงาด้านหลังของฟางเหยียนแล้ว ความเคารพนับถือในใจก็ลุกโชนขึ้นมา เขายืดหลังตรงอย่างไม่ได้ตั้งใจ นึกถึงคำพูดในกองทัพนั้นอีกครั้ง ใช่จอมพลโผ้จวินไหมนะ? จอมพลโผ้จวินจะลงมือแล้วเหรอ?
นี่คือคำพูดที่นายพลทุกคนในสำนักเจ็ดพิฆาตได้ยิน คำพูดน่าเกรงขามที่เร่าร้อนที่สุด
จอมพลโผ้จวินลงมือ โลหิตจักต้องนองสนามรบ
โรงงานเหล็กร้างข้างหน้าจะต้องกลายเป็นคุกล้างบาปของมนุษย์