จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 137
ดวงตาทั้งคู่ของฟางเหยียนจ้องไปที่เซียวห้านด้วยความโกรธแค้น ใบหน้าไร้ความรู้สึก บนใบหน้าของเขาไม่มีเหงื่อหยดออกมาแม้แต่หยดเดียว ราวกับว่าคนหนึ่งพันคนนี้ยังไม่เพียงพอจะทำให้เขาเหงื่อไหลได้
ชายหน้าบากมองตรงไปยังฟางเหยียน อดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อเย็นให้ตัวเอง นี่ไม่ใช่นินจาระดับสูงแน่ ๆ
“ปืนกลมือ เตรียมพร้อม!”
ในที่สุดชายหน้าบากก็ข่มอารมณ์ไว้ไม่ไหว ตวาดขึ้นมาเสียงสูง
มือปืนกลที่ซ่อนตัวอยู่ชั้นสองถือปืนออกมา พวกเขาเล็งไปที่ฟางเหยียนตั้งแต่แรก
สามคุณชายแห่งจินโจวที่เดิมอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างได้เปรียบ ก็ทวงบัลลังก์ของตัวเองคืน
เห็นฉากนี้เข้าไป พี่อ้วนก็เช็ดเหงื่อเย็น ๆ ของตัวเอง ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เก่งมาก! แกนี่เก่งจริง ๆ แต่ว่าวันสิ้นโลกของแกมาถึงแล้ว! การเคลื่อนไหวของแกเร็วกว่าปืนไหมล่ะ? รู้ไหมว่าที่นี่มีปืนเยอะแค่ไหน? ปืนกลมือห้าร้อยกระบอก แต่พวกเราออกคำสั่งคำเดียวก็สามารถยิงแกให้พรุนได้”
ฟางเหยียนยังคงไม่ใส่ใจเจ้าอ้วนเช่นเดิม เพียงแค่มองเซียวห้านอย่างเยือกเย็น!
เซียวห้านมองเห็นศพที่อยู่บนพื้น ก็อดไม่ไหวที่จะอาเจียนออกมา เธอไม่เคยเจอศพมากมายขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยได้กลิ่นคาวเลือดที่น่าขยะแขยงเช่นนี้มาก่อน หลังจากที่เธออาเจียนเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ฟางเหยียน
“แก… ตอนนี้แกยังกล้าอยู่ไหม? ถ้าหากแกคิดว่าตัวเองเก่งมากนักละก็ แกก็ลองเทียบกับลูกกระสุนดูแล้วกัน! ดูสิว่าแกจะเร็วกว่า หรือลูกกระสุนเร็วกว่า!” เซียวห้านร้องโวยวายอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
มุมปากของฟางเหยียนแยกออกเบา ๆ ดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยเลือดมองกวาดไปที่มือปืนที่อยู่ชั้นสองรอบหนึ่งพลางเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ถึงแม้ลูกกระสุนจะเร็วกว่า แต่ก็ต้องมีโอกาสได้ยิงออกมาก่อนนะ!”
ในสนามรบปราบปราม เผชิญหน้าอยู่กับปืนระดับสูงมากมายนับไม่ถ้วน ปืนพวกนั้นมีกระบอกไหนบ้างที่ไม่สามารถต่อต้านปืนกลมือหลายสิบกระบอก คนยิงปืนคนไหนบ้างที่ไม่เก่งเหมือนกับคนที่ไม่เป็นโล้เป็นพายพวกนี้ แค่พวกกระจอกที่มีปืนกลมือ แค่พวกกระจอกที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย มาอยู่ต่อหน้าเขาล้วนแต่ไม่มีโอกาสจะได้ลงมือ!
ได้ยินคำนี้แล้วก็มองไปที่ฟางเหยียนที่มีท่าทางสงบเยือกเย็น สีหน้าของเซียวห้านก็มืดครึ้มลงในชั่วพริบตา ใจของเธอสั่นไหว สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่มีรูปร่าง ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมักจะรู้สึกว่าฟางเหยียนคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นฝันร้ายที่อยู่ในใจเธอ
เธอถอยหลังสองก้าวติด ๆ กัน มองไปยังชายหน้าบากแล้วตะโกนว่า “ฆ่าเขาซะ รีบฆ่าเขาซะ!”
“ลงมือ!” มือใหญ่ ๆ ของชายหน้าบากโบกไหว มือปืนห้าร้อยนายล้วนแต่เหนี่ยวไกปืน เล็งไปที่ฟางเหยียน ในตอนที่พวกเขากำลังจะเหนี่ยวโดนไกปืนนั้นเอง สายตาของฟางเหยียนก็เปลี่ยนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นเพียงเขานั้นตัวเบาบินขึ้นมาเหมือนนก
จากนั้นก็หายไปจากรัศมีการยิงของทุกคน
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขากระโดดขึ้นมาอยู่บนชั้นสอง ราวกับเงา ๆ หนึ่ง
เร็วเกินไป นี่มันเป็นการเหาะชัด ๆ เดิมนึกว่าการเหาะมีตัวตนอยู่แค่ในนิยาย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าในตอนนี้จะปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างชัดเจน คนคนนี้เหาะได้ เปิดโลกทัศน์ให้กับบรรดาลูกสมุนจริง ๆ
ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ แต่ชายหน้าบากนั้นกลับมองเห็น ฟางเหยียนนั้นเหยียบบรรดาเหล็กที่ถูกทิ้งเอาไว้และกำแพงเพื่อขึ้นไป ยืมพลังจากสิ่งอื่นมาเพิ่มพลังของตนเอง นี่เป็นคนคนหนึ่งที่สามารถเลือกใช้พลังได้อย่างถูกต้อง
ฟางเหยียนยืนอยู่บนทางเดินชั้นสองนั่น หันหน้าไปทางกลุ่มคนที่ถือปืนกลมืออยู่ในมือนั่นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ยังไม่ทันลั่นไก มือและปืนในมือของพวกเขาก็ร่วงลงไปอยู่บนพื้น เห็นแค่เงาของคนเงาหนึ่งแวบผ่านไปท่ามกลางกลุ่มคน จากนั้นผู้คนก็ล้มลงไปอีกเป็นแถบ ๆ
ทันใดนั้นทั่วทั้งชั้นสองของโรงงานเหล็กร้างก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน
ช่วงเวลาประมาณหนึ่งนาที คนที่ถือปืนอยู่ที่ชั้นสองทั้งหมดร่วงลงมา
ตายแล้ว! ตายหมดแล้ว! ปืนทุกกระบอกร่วงลงมาอยู่บนพื้นมั้งหมด
มีบางคนในหมู่พวกเขาที่ได้ลั่นไกไปแล้ว แต่เขาได้ยิงออกไปในตอนช่วงจังหวะชุลมุน จึงยิงไม่ถูกตัว และบางคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะเหนี่ยวไกยิงก็ตายกันหมดแล้ว!
“ไม่สู้แล้ว ไม่สู้แล้ว! ฉันยังอยากมีชีวิต ฉันจะใช้ชีวิต” ในที่สุดบรรดาลูกสมุนที่ถืออาวุธอยู่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ทยอยกันวางอาวุธในมือลงแล้วหนีออกไปจากโรงงานเหล็ก
คนคนนี้น่าหวาดผวาเกินไปแล้ว แม้แต่ปืนก็ยังสู้เข้าไม่ได้ แล้วคนล่ะ จะสู้เขาได้อย่างไร!
แต่เพิ่งจะออกจากประตูก็ได้ยินเสียงปืนดัง ปัง ปัง ปัง
คนที่หนีออกไปทั้งหมดได้เสียชีวิตกันทั้งหมดแล้ว ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!
“ฉันบอกแล้วไง ว่าจะไม่มีใครหนีไปได้!”
ฟางเหยียนยืนเผชิญหน้ากับตำแหน่งของพวกเซียวห้านหลายคนอยู่ที่ชั้นสอง เขามองเซียวห้านอย่างละเอียดจากด้านบนเหมือนกับราชาผู้ยิ่งใหญ่ เสียงแหบแห้งนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับเสียงฟ้าร้องที่น่าสะพรึงกลัวทำให้หลาย ๆ คนเงียบสนิท
มองฟางเหยียนที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ เซียวห้านก็อดที่จะตัวสั่น ถอยหลังไปสองก้าวไม่ไหว เธอพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่า “แก… นะ นะ นึกไม่ถึงเลยว่าแกจะจัดคนไว้ข้างนอก? ฉันบอกแกไปแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าให้แกมาคนเดียว? แก…”
พูดยังไม่ทันจบ ฟางเหยียนก็ตัดบทของเธอ “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? เธอคิดว่าเธอลงมือกับผู้หญิงของฉันแล้วจะมีสิทธิ์มาต่อรองกับฉันงั้นเหรอ? เธอสำคัญตัวเองมากไปหน่อยนะ”
“ฉันจะทำให้เธอคุกเข่าขอร้องให้ฉันฆ่าเธอซะ เธอรู้ไหมว่าความตายที่เป็นการร้องขอที่มากเกินไปมันมีรสชาติแบบไหน?”
เสียงของฟางเหยียนเป็นเหมือนกับปีศาจ เหมือนกับปีศาจในเหวลึกที่หิวโซ
เขาตะคอกเสียงดังจนทำให้คนธรรมดา ๆ อย่าเซียวห้านสั่นไปทั้งตัว
เซียวห้านเริ่มที่จะนึกเสียใจขึ้นมา เธอนึกว่าถ้าพาคนมามากมายขนาดนั้นก็จะสามารถสังหารฟางเหยียนได้ นึกไม่ถึงว่าการลงมือของฟางเหยียนจะเปิดโลกทัศน์ให้กับเธอได้ เธอเคยคิดว่าคนยิ่งมาก พลังก็ยิ่งเยอะ แต่พอได้เผชิญหน้ากับพละกำลังที่แท้จริง มันก็แสดงให้เธอเห็นแล้วว่านี่มันอ่อนแอปวกเปียกขนาดไหน
เธอไม่รู้ว่านี่มันคือความเป็นอยู่แบบไหน เวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่นาทีก็ฆ่าคนไปมากกว่าพันคน ความสามารถแบบนี้ไม่ใช่แบบที่เธอจะไปยั่วโมโหได้อย่างแน่นอน และก็ไม่ใช่แบบที่ตระกูลเซียวของเธอจะสามารถยั่วโมโหได้ด้วย เธอเริ่มลนลานแล้ว
นี่คือสันดานดิบของฟางเหยียนที่เซียวห้านบังคับเอามันออกมา สันดานดิบที่กระหายเลือด
เห็นเซียวห้านที่ตัวสั่นงันงกเขาก็คิดในใจว่านี่เริ่มจะกลัวแล้วเหรอ? เรื่องสนุกของจริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เขาอ้าแขนออกทั้งสองข้างเหมือนกับเหยี่ยวตัวผู้ตัวหนึ่งแล้วคำรามลั่นว่า “เธอหาเรื่องเธอนะ!”
คำรามลั่นด้วยความด้วยความเดือดดาลครั้งหนึ่ง แล้วก็เห็นร่างของเขากระโดดลงมาจากชั้นสองอย่างเชื่องช้าสง่างาม ยังมีลูกสมุนที่ยังไม่ตายอีกหลายคนที่ไม่กล้าเดินหน้าไปอีก แต่ละคนก็ถอยหลังไปอย่างเหงื่อตก จนกระทั่งหลังติดกับกำแพง
ในที่สุดลูกสมุนพวกนั้นก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรงตามพลังที่ออกมาจากร่างของฟางเหยียนที่ค่อย ๆ เดินมาข้างหน้าทีละก้าว ๆ ทุกคนทิ้งอาวุธในมือ คุกเข่าโขกหัวลงกับพื้นร้องขอชีวิต
“ขอโทษครับ พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราไม่ได้เต็มใจจะมา พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ แค่ทำตามคำสั่งของพวกเขาเท่านั้นเอง ขอร้องท่านล่ะ ไว้ชีวิตที่ไร้ค่าของพวกเราด้วยเถอะ!”
เสียงร้องขอขมาเคล้ากลิ่นคาวเลือดดังขึ้นอีกครั้งที่โรงงานเหล็กแห่งนี้ คนที่สามคุณชายแห่งจินโจวพามาด้วยไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ชายหน้าบากจากที่หน้าไม่เปลี่ยนสีก็กลายเป็นตกตะลึงขึ้นมา จนถึงตอนนี้แล้วเขาก็ตกตะลึง ศักยภาพของคนคนนี้ดูเหมือนจะเป็นนินจาระดับสูงของแท้ เขาไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าสามารถพบเจอนินจาระดับสูงได้ในเมืองจินโจวนี้
เขาจำเป็นต้องเรียกสติทั้งหมดของเขา ตั้งหลังตรง!
ในที่สุดเขาก็ก้าวเท้าเดินมาข้างหน้าหลายก้าวแล้วเอ่ยว่า ผมอยากจะขอคำแนะนำเรื่องฝีมือการต่อสู้จากนินจาระดับสูงอย่างคุณครับ”
พูดจบเขาก็ล้วงเอาไม้สีเหลืองทองออกมา ฟางเหยียนมองศพของอู๋เหยียนที่นอนแผ่อยู่ที่พื้นอีกด้านที่ยังมีรอยที่ถูกไม้ทุบที่ศีรษะอยู่ แล้วเอ่ยว่า “อู๋เหยียน… แกเป็นคนฆ่าใช่ไหม?