จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 141
จางฟางเป็นนักเปียโน สำหรับนักเปียโนแล้วนิ้วมือ สำคัญอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่นิ้วของเธอถูกสับไปแล้ว นั่นหมายถึงอนาคตเธอจะไม่สามารถเล่นเปียโนได้อีกแล้ว
ต่อมา ภายใต้ความสิ้นหวังจางฟางจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อพลีชีพตัวเอง
ความโหดเหี้ยมของเซียวห้านไม่เพียงกระทำต่อจางฟางเท่านั้น เธอทำเรื่องเหี้ยมโหดกับผู้คนมากมาย เหมือนกับที่มัดเย่ชิงหยู่ไว้ ให้คนอื่นรังแก จากนั้นก็ข่มขู่ฟางเหยียน พยายามฆ่าฟางเหยียน สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำของเธอทั้งนั้น
หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ จะมีสักกี่คนที่จะมีความคิดอันร้ายกาจและวิธีการแบบนี้อย่างเธอ?
ฟางเหยียนมองไปยังเจ้าตัวผอมใส่แว่นที่กำลังกอดมือ ตัวสั่นอยู่แล้วกล่าว “แกอยากมีชีวิตรอดไม่ใช่เหรอ? ฉันมีภารกิจหนึ่งให้แกทำ”
เจ้าตัวผอมใส่แว่นเงยหน้าขึ้นอย่างเร็ว ดวงตาคมคู่นั้นกำลังมองไปที่ฟางเหยียนแล้วพยักหน้า
“เธอยังมีอีกเก้านิ้ว ฉันหวังว่าแกจะสับมันทีล่ะนิ้วทีล่ะนิ้วให้ฉัน” ฟางเหยียนในขณะนี้เป็นยมบาลของนรก กำลังตัดสินชีวิตของสองคน
เจ้าตัวผอมใส่แว่นหน้าเสีย ผู้ที่อยู่ต่อหน้านี้คือคุณหนูของตระกูลเซียว ถ้าทำผิดต่อเธอก็เหมือนทำผิดต่อตระกูลเซียว เขาแตะต้องตระกูลเซียวไม่ได้ แต่คนที่อยู่ตรงหน้า เขายิ่งแตะต้องไม่ได้เข้าไปใหญ่ ตอนนี้ตัวเองต้องตาย ไม่ก็ตายทั้งเป็น
“เจ้าสอง แกกล้างั้นเหรอ! ถ้าแกกล้าทำแบบนั้น ตระกูลเซียวของเราจะไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่” เซียวห้านร้องไห้ตะโกนลั่นใส่เจ้าตัวผอมใส่แว่น
แต่เจ้าตัวผมใส่แว่นหน้านิ่ง เขากัดฟันแล้วตะโกนออกมา ว่า “งั้นคุณก็ต้องมีโชคให้ตระกูลเซียวของพวกคุณรับทราบ คุณหนู อย่าโทษผมเลย ผมอยากมีชีวิตรอด ผมไม่อยากตาย! ผมทำแทนคุณมาหลายเรื่อง ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คุณตอบแทนผมเป็นครั้งสุดท้าย โอเคมั้ย? ”
พูดจบ เขามาข้างๆเซียวห้าน เซียวห้านอยากจะผลักเจ้าตัวผอมใส่แว่น แต่กลับพบว่าขยับตัวไม่ได้ ฟางเหยียนเห็นท่าทีของเซียวห้าน จึงกล่าว “ตอนนี้นอกจากพูดได้ แกก็ขยับตัวไม่ได้แล้ว แกถูกฉันสกัดจุดไว้แล้วล่ะ”
การสกัดจุดคือกังฟูชนิดหนึ่งที่ผู้เรียนศิลปะการต่อสู้ล้วนทำเป็น ส่งผลให้คนขยับตัวไม่ได้ แต่ไม่ได้เหมือนกับในหนังโบราณแบบนั้น ที่ใครจะสกัดจุดเป็น ส่วนใหญ่คนที่สกัดจุดเป็นจะคุ้นเคยกับจุดเลือดลมในร่างกายเป็นอย่างดี
เหมือนกับ แพทย์แผนจีนโบราณบางแขนง การเรียนฝังเข็มเป็นสิ่งที่จำเป็นติดตัว กลัวว่าความเจ็บปวดตอนรักษาของคนไข้จะมีมาก
เซียวห้าน
ตะโกนอย่างสุดกำลัง “เจ้าสอง แกกล้า แกกล้าทำแบบนั้นกับฉันเหรอ!”
“อ้า!” แทนที่ด้วยเสียงร้องครวญคราง
น้ำตาของเธอไหลลงมายังใบหน้าอันขาวผ่อง เห็นแล้วไม่ต้องพูดเลยว่าน่าสงสารขนาดไหน
เจ้าสองไม่พูดอะไร ฉีกนิ้วพร้อมโคนของเธอดึงออกมา
และแล้วเซียวห้านก็ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจ ความรู้สึกแบบนี้ทรมานยิ่งกว่าการตายเสียอีก การฉีกนิ้วอย่างรุนแรง ไม่ใช่ถูกตัดด้วยมีดครั้งเดียว ที่นิ้วขาดเหมือนกัน แต่การฉีกนิ้วกลับเจ็บปวดยิ่งกว่าการตัดนิ้วไม่รู้กี่เท่า
เธอคร่ำครวญว่า “ทำไม? ทำไมแกต้องทำกับฉันแบบนี้!”
ฟางเหยียนค่อยๆพูดว่า “เพราะ แกทำผิดต่อผู้หญิงที่แกแตะต้องไม่ได้ เธอคือผู้หญิงของฉัน ไม่ใช่ใครจะทำอะไรก็ได้ แกคิดว่าแค่อำนาจที่แกมี จะมางัดข้อกับฉันได้เหรอ?”
ความเจ็บปวดของเซียวห้านยังไม่หายไป เจ้าตัวผอมใส่แว่นก็ได้ฉีกนิ้วของเธออย่างรุนแรง เป็นการเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจอีกครั้ง เซียวห้านเจ็บจนชาไปถึงก้นบึ้งจิตใจ ร้องครวญครางเรื่อยๆ
เธอกันริมฝีปาก ริมฝีปากถูกกัดจนแตกออก
คนนี้ ไม่คิดที่จะปล่อยเธอไป และเธอก็ไม่มีทางหนีไปได้ ถ้าให้ต้องให้เธอรับกับความเจ็บปวดที่คนปกติรับไม่ได้ สู้ตายไปเลยจะดีกว่า
แต่ เธอกลับไม่สามารถอ้าปาก แล้วพูดคำนั้นออกมาได้้
“แคร็ก!” นิ้วที่สี่ถูกฉีกออกมา จุกเสียดขึ้นอีกครั้ง
ฟางเหยียนกล่าวอย่างสงบว่า “อย่าใจร้อน นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น พอมือนี้เสร็จ ยังมีอีกมือก่อน เสร็จจากมือแล้วยังมีเท้า เสร็จจากเท้าแล้ว ยังมีลิ้นของแก แกให้เวลาฉันครึ่งชั่วโมง แต่ฉันมีเวลา ที่จะเล่นกับแก”
สุดท้าย เธอก็ใจสลาย ความเจ็บบวกกับฟางเหยียนที่วิปริต สุดท้ายเธอก็ใจสลาย เธอค่อยๆปล่อยฟันที่กัดริมฝีปาก แล้วตะคอกใส่ฟางเหยียน “ฆ่าฉันเถอะ ขอร้องล่ะฆ่าฉันเถอะ!”
การทรมานแบบนี้ สู้ฆ่าตนให้ตายเลยจะดีกว่า
หางเหยียนดูแคลนแล้วกล่าว “แค่นี้ก็รับไม่ได้แล้วเหรอ? เพิ่งเริ่มเองนะ! แกยังไม่รับรู้ว่าตายคือคำร้องขอที่มากเกินไป”
“แคร็ก!” เสียงใสดังกังวานขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจมาอีกครั้ง
บางทีการตายอาจไม่ต้องทนรับความเจ็บปวดแบบนี้ ตอนนี้เธอคิดว่าบางทีการตายอาจจะดีกว่า
เธอมองไปที่ฟางเหยียนอีกครั้ง อ้อนวอนขอว่า “ขอร้องล่ะ ฆ่าฉันเถอะ ได้โปรดฆ่าฉันเสียเถอะ!”
ฝ่ามือของฟางเหยียนปล่อยพลังอย่างหนึ่งออกมา จากนั้นก็ตบไปที่ร่างกายของเซียวห้าน ร่างกายของเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เมื่อกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ตัวอ่อนล้มลงกับพื้น ความเจ็บเมื่อกี้เหมือนจะเจ็บมากขึ้นไปอีก เธอเงยหน้าขึ้นมา คุกเข่าต่อหน้าฟางเหยียน แล้วตะโกนอย่างน่าสงสารว่า “ฆ่าฉันเถอะ อย่าทรมานฉันอีกเลย ได้โปรดฆ่าฉันเสียเถอะ ”
สุดท้ายก็ขอให้ฉันฆ่าแกแล้วเหรอ?
ฟางเหยียนปริปาก แล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง นี่ก็เป็นแค่วิธีเบาะๆเท่านั้น ตอนที่เขาเจอศัตรูตัวฉกาจที่ชายแดนภาคเหนือ การจัดการของเขาโหดเหี้ยมกว่าร้อยเท่า
ศัตรูที่แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนใจสลายเพราะความโหดเหี้ยม ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือเซียวห้านนะ
เขายกมือขึ้น หน้านิ่งแล้วตบไปที่หัวของเซียวห้าน ได้ยินเพียงเสียงคราง เซียวห้านล้มลงกับพื้น เธอดีใจ เวลานี้ สุดท้ายเธอก็ได้รับรู้ถึงความตายเสียที
เซียวห้านตายแล้ว! ถูกฟางเหยียนตบครั้งเดียวตาย เหมือนกับที่ตบชายหน้าบากตายอย่างไรอย่างนั้น
“ผู้อาวุโส ผมไปได้หรือยัง?” เจ้าตัวผอมใส่แว่นถามฟางเหยียนอย่างงงๆ
ฟางเหยียนกล่าว “แกไปเถอะ ต่อให้ฉันปล่อยแก แต่ตระกูลเซียวก็ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่”
พูดจบฟางเหยียนก้มตัวลงไป แก้มัดให้เย่ชิงหยู่ จากนั้นก็กอดเธอไว้ เห็นเย่ชิงหยู่ที่อยู่ในอ้อมกอดเขา เขาพึมพำแล้วกล่าว “ขอโทษนะ ครั้งนี้เป็นความผิดผมเอง”
พูดจบเขาได้เดินออกจากโรงงานเหล็กที่เต็มไปด้วยเลือดสด
เทียนขุยยืนอยู่ที่หน้าประตูของโรงงานเหล็ก ห้อมล้อมด้วยผู้แข็งแกร่ง ที่ในมือเต็มไปด้วยอาวุธมาจากกองทัพ หลังจากที่เห็นฟางเหยียนเดินออกมาจากด้านใน เทียนขุยก็อดที่จะยืนตรง
ตะโกนอย่างเสียงดังว่า “จอมพลโผ้จวิน!”
สองคำนี้ ชนะขาดลอย!
ทันใดนั้นในสถานที่เกิดเหตุมีเสียงผลักภูเขาพลิกทะเลทรงพลังดังขึ้น “จอมพลโผ้จวิน!” “จอมพลโผ้จวิน!” “จอมพลโผ้จวิน!”
ฟางเหยียนเดินไปข้างๆของเทียนขุยด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “จัดการสถานที่เกิดเหตุด้วย แล้วไปสืบตัวตนของชายหน้าบากคนนั้นมา”
“แล้วคนที่มีชีวิตอยู่ล่ะ?”เทียนขุยถาม
“ฆ่ามันให้หมด! นอกจากไอ้อ้วนนั่น”
เทียนขุยนำทัพเข้าไป เห็นเลือดที่ไหลเต็มพื้นอย่างแม่น้ำ ศพกองเป็นภูเขา คนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมทัพชายแดนภาคใต้บางคนไม่เคยเห็นการสัหารหมู่ระดับนี้ จึงอดไม่ไหวที่จะอ้วกออกมา
“พระเจ้า นี่เป็นฝีมือของจอมพลโผ้จวินคนเดียวหรือนี่?”
“มันชั่งเหลือเชื่อจริงๆ แค่พลังของคนเดียวทำให้อนาถได้ขนาดนี้ มันชั่งทำให้คนชาไปทั้งตัวได้จริงๆ”
ทหารเก่าที่ไม่เคยเห็นฟางเหยียน แต่เคยผ่านสนามรบมาก่อนต่างพากันกระซิบกระซาบ
สีหน้าของเทียนขุยไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้ว เรื่องแบบนี้เขาเคยชินตั้งนานแล้ว เขาส่งเสียงเหอะออกมา แล้วกล่าวกับกองทัพชายแดนภาคใต้ว่า “ไม่เห็นจะมีอะไร? ถ้าจอมพลโผ้จวินออกโรงในสนามรบ จะโหดเหี้ยมกว่านี้ไม่ใช่แค่สิบเท่า ”
สุดท้ายฟางเหยียนก็ยังเป็นราชาที่ออกมาจากกองทัพ
ราชาออกโรง ก็ต้องทำลายล้างแน่นอน!