จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 145
“ว่ามา!”
เทียนขุยตอบว่า “อาจารย์ของเขาอ๋าวไท่ มีร่องรอยการเดินทางไปทั่วประเทศ! พูดให้ถูกก็คือ เคยฆ่าคนมาก่อน”
“เหรอ?” ฟางเหยียนส่งเสียงอย่างสงสัยออกมา
เทียนขุยพูดต่อว่า “ใช่ แต่ฆ่าในนามตัวเองทั้งหมด หาไม่เจอว่าเขาอยู่ในกลุ่มไหน!”
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิดกล่าว “โอเค ไม่ต้องสืบเกี่ยวกับอาจารย์เขาก่อน สืบเกี่ยวกับเขาก่อน สืบเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาหายตัวไปแล้ว สืบหลังจากที่เขาจู่ๆก็ปรากฏกายอย่างลึกลับ แล้วหลังจากนั้นได้ทำอะไรไปบ้าง? แล้วก็ ต้องสังเกตศพของเขาด้วยนะ”
เทียนขุยชะงัก แล้วถาม “จอมพลโผ้จวินกังวลว่าอำนาจเบื้องหลังของเขาจะกลับมาขโมยศพเขาไป?”
“ก็แค่อาจเป็นไปได้เท่านั้น คุณยังหาไม่เจอว่าหลังจากที่เขาหายตัวไปแล้วทำอะไรบ้าง เข้าร่วมกลุ่มไหน คุณคิดว่ามันจะเป็นกลุ่มธรรมดามั้ย? ต้องรู้ไว้นะ พวกเรามีความสามารถในการสอดแนมระดับท็อปของประเทศหวา”
ฟางเหยียนมีสำนักเจ็ดพิฆาตที่เป็นกองทัพระดับสูงของประเทศหวา กองทัพแบบนี้มีความสามารถการสอดแนมที่สูงสุด ถ้าแม้แต่พวกเขายังไม่สามารถรวบรวมข้อมูลได้ ก็คุ้มค่าในการติดตามจริงๆ
“บางทีเขาอาจจะออกนอกประเทศไปแล้ว?” เทียนขุยเดาด้วยความกล้า
ฟางเหยียนส่ายหน้า กล่าว “ผมไม่ต้องการการคาดเดาเหล่านี้ ผมต้องการหลักฐานที่แน่ชัด อีกอย่าง สืบการติดต่อกันระหว่างเขากับตระกูลเซียวด้วย ยิ่งไม่สนิทกัน นั่นยิ่งหมายถึงพวกเขามีปัญหา”
ในที่ลับ ฟางเหยียนรับรู้ได้ถึงเหมือนมีพลังไร้รูปอยู่ด้านหลังของเขา
เขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของพลังนี้ แต่ที่แน่ๆอยู่เหนือการควบคุมของเขา บางทีในนี้มีแผนที่น่าตกตะลึงอยู่ ในเมื่อเขาเจอเข้าแล้ว เขาก็นิ่งนอนใจไม่ได้
เทียนขุยตอบอย่างจริงจังว่า “ครับ!”
“อ้อ จอมพลโผ้จวิน ศพของเซียวห้านตระกูลเซียว จะจัดการยังไงครับ? ”
มุมปากของฟางเหยียนตั้งมุมเป็นรอยยิ้มดูแคลน แล้วกล่าว “เอาไว้ก่อน มันมีประโยชน์มาก!”
“ได้ครับ!” เทียนขุยเหมือนกับคิดอะไรออกอีก จึงกล่าวว่า “จอมพลโผ้จวิน อีกสองวันจะขายประมูลบ้านใหญ่ตระกูลเย่ ต้องการซื้อมั้ยครับ?”
ฟางเหยียนลังเลสักพัก แล้วกล่าว “ซื้อ คุณไปที่งานประมูลแล้วประมูลมันมา”
เทียนขุยพยักหน้าแล้วกล่าว “ครับ จอมพลโผ้จวิน!”
ความจริงฟางเหยียนยังมีตัวเลือกอื่น แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องไปซื้อด้วยตัวเอง ความจริงงานแบบนั้น เทียนขุยไม่เหมาะสมที่จะปรากฏกาย แต่ในเมื่อฟางเหยียนสั่งการแล้ว เขาไม่มีอำนาจที่จะต่อต้าน
“อ้อ ให้ประตูผีสืบข้อมูลหลินถงต่อไป” ฟางเหยียนได้สั่งการอีกครั้ง จากนั้นก็โบกมือกล่าว “คุณไปได้แล้ว!”
หลังจากที่เทียนขุยได้ยิน ก็เดินออกจากตึกว่านฉงไป
ขณะนี้ ฟางเหยียนหยิบมือถือขึ้นมา โทรออกไปหาหวังชิงชิง
ตอนนี้หวังชิงชิงกำลังอาบน้ำ ในสมองกำลังคิดถึงเรื่องของคุณชายตระกูลฟาง หลายวันมานี้ถึงแม้ทุกๆวันจะทำงานที่ฟางซื่อกรุ๊ป แต่คุณชายคนนี้ เหมือนกับจะเอาแต่ใจตัวเอง ไม่คุยการร่วมมือทางการค้าอะไรทั้งนั้น ไม่วางแผนงานอะไรเลยแม้แต่น้อย
เธอได้ถามท่านฟาง แต่ท่านฟางให้เธอฟังคำสั่งทั้งหมดจากฟางเหยียน
เธอหดหู่มากไม่รู้ว่าคุณชายฟางมีความสามารถอะไร ที่ทำให้ท่านฟางเชื่อใจเขาได้ขนาดนี้
คิดพลาง เธอได้ตักฟองในน้ำมาไว้ที่ไหลของตัวเอง ผิวที่ขาวเหมือนหิมะเห็นแล้วมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบมิได้ หลายปีมานี้ เพื่อการงาน เธอไม่เคยสนใจชายคนใดเป็นจริงเป็นจังเลยสักคน ตัวเองจึงไม่รู้รสชาติของความรัก
เธออยากเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่ทำอย่างไรได้ จนกระทั่งวันนี้ก็ไม่เคยชอบชายคนใดมากก่อน หลังจากเรียนจบเธอก็มาทำงานในกิจการของตระกูลฟาง พอทำงานก็ทำเข้าไปสิบกว่าปีแล้ว
การที่ทำงานที่ตระกูลฟาง นอกจากคนของตระกูลจางแล้ว ในสายตาของคนอื่นเธอคือหงส์ แล้วหงส์จะไปชอบนกกระจอกได้ไงกัน นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบใครเลย
คิดกลับกัน ตัวเองใกล้จะสามสิบปีแล้ว ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปนั้นไม่ได้แล้ว
ขณะนี้ มีคนๆหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ เหมือนว่าคุณชายของตระกูลฟางคนนี้ไม่ค่อยเหมือนคนปกติทั่วไป
พระเจ้า นี่ตัวเองคิดถึงคุณชายของตระกูลฟางได้ไงกันนะ? ทั้งคู่ก็แค่พรหมลิขิตให้เจอกันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังต่างกันที่สถานะ แล้วตัวเองจะคิดฟุ้งซ่านได้ไงกัน
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เธอตบไปที่สมองของตัวเอง แต่ตอนนี้ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เธอรีบเอื้อมมือไปคว้ามือถือ เมื่อเห็นเป็นชื่อของคุณชาย จู่ๆหน้าก็แดงขึ้นมา
พูดปุ๊บก็มาปั๊บ หรือคุณชายรู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ? เธอรีบรับสาย เรียก “คุณชาย”
“โทรหาเซียวเจิ้นเที่ยน บอกเขา ว่าหลังจากที่ได้บ้านใหญ่ตระกูลเย่มาแล้ว ผมจะไปเจอเขา และสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์บางอย่างอย่างที่เขาคาดไม่ถึง” ฟางเหยียนใช้น้ำเสียงสั่งการจากปลายทางกล่าว
หวังชิงชิงรีบตอบ “ค่ะ คุณชาย!”
ปลายทางเหมือนกับจะวางสาย หวังชิงชิงถามอย่างจับพลัดจับพลูว่า “อ้อ คุณชายคะ คุณอยู่ที่ไหน?”
ฟางเหยียนที่อยู่ปลายทางไม่พูดอะไร ครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นจึงได้กล่าว “ธุระอะไรของคุณ ทำงานของคุณให้ดีก็พอแล้ว”
ปลายทางพูดจบก็เป็นเสียงตู๊ดๆๆดังขึ้น หวังชิงชิงทำท่างงกับมือถือ คิดในใจหรือฉันน่ารำคาญมากขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เป็นผู้ช่วยของคุณนะ
หลังจากที่ฟางเหยียนที่อยู่ปลายทางวางสายไปแล้วนั้น ก็ได้กำมือถือไว้ รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง
แกชอบล้อเล่น ควบคุมชีวิตคนอื่นไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้ ฉันจะให้แกได้รับรู้ ว่ารสชาติของการถูกควบคุม รสชาติของการที่ทำอะไรไม่ได้แบบนั้น แกคงคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งแกจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้นสินะ
นึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนก็เงยหน้ามองฟ้า
ตอนนี้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว ดาวฤกษ์ที่สำคัญหลายดวงบนฟ้า ราวกับเปล่งประกายสว่างไสวยิ่งขึ้นไปอีก
สองวันต่อมา
การประมูลขายบ้านใหญ่ตระกูลเย่ที่เมืองจินโจวเหล่าชนชั้นสูงได้ไปมาอย่างไม่ขาดสาย เรื่องนี้ถึงแม้จะหนีไม่พ้นการได้ยินของเย่ชิงหยู่ ตอนนี้ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นประธานของบริษัท และบริษัทก็ค่อยๆเป็นกิจจะลักษณะขึ้น พบปะผู้คนมากขึ้น เข้าใจในสิ่งต่างๆมากขึ้นเป็นธรรมดา
เมื่อได้ยินข่าวการประมูลของบ้านใหญ่ตระกูลเย่ เธอแปลบๆอย่างรุนแรงในใจ บ้านใหญ่ตระกูลเย่คือบ้านของเธอเต็มไปด้วยความทรงจำของเธอ และมีสิ่งสวยงามที่สุดที่พ่อของเธอทิ้งเอาไว้ให้อยู่ที่นั่น
หลายครั้ง ที่เธอเดินไปถึงประตูของบ้านใหญ่ตระกูลเย่ เดินวนไปวนมา แผ่นปิดกั้นที่ปิดอยู่หน้าประตู ไหม้ร่างของเธอจนเป็นแผลเป็น
บางทีในสายตาของคนอื่นบ้านใหญ่ตระกูลเย่อาจจะกลายเป็นที่สำหรับการพัฒนา แต่ที่นั่นคือบ้านของเธอตลอดไป ที่นั่นมีความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ ที่นั่นมีกลิ่นอายของพ่อ ความเป็นครอบครัว แต่หลังจากนี้ไป จะแยกจากกันคนล่ะฟ้าแล้ว
ตอนที่บ้านใหญ่ตระกูลเย่ยังไม่ถูกประมูลขายนั้น เย่ชิงหยู่ไม่เคยรู้สึกเดียวดายมาก่อน แต่ตอนนี้ ความรู้สึกเดียวดายยิ่งหนักขึ้นทุกที
บางอย่าง ไม่แตะต้องก็ดี พอเข้าไปแตะต้อง จึงจะรู้ว่าสำคัญกับตัวเองขนาดไหน
บ้านใหญ่ตระกูลเย่ สำหรับเย่ชิงหยู่แล้ว มีความทรงจำและความอาลัยที่มากมายเหลือเกิน
ความจริงเย่ชิงหยู่อยากซื้อเอาไว้มาก แต่เธอไม่มีเงินมากขนาดนั้น ด้วยทรัพย์สินของเธอ ไม่มีทางซื้อได้เลย
ยืนอยู่ที่หน้าประตูของงานประมูล ในสายตาของเย่ชิงหยู่ประกายไปด้วยน้ำตา
บ้านใหญ่ตระกูลเย่ จะถูกประมูลขายแล้วเหรอ?
บ้านของเธอ จะไปจากเธอแบบนี้เหรอ?