จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 149
บนใบหน้าของอู๋เหมยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เมื่อได้ยินเสียงของเซียวเจิ้นเที่ยน ก็ยังคงมองเขาอย่างซีดเผือด
เซียวเจิ้นเที่ยนอยากเข้าใกล้ แต่กลับถูกการกระทำที่แปลกๆของอู๋เหมยทำให้ไม่กล้าเข้าไป เขาไม่ได้กลัวอู๋เหมย เพียงแค่กังวลว่าเขาฉวยโอกาสลอบทำร้าย เขาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ไม่แน่อาจจะมาเพราะอะไรบางอย่าง
เขาไม่ค่อยรู้จักอู๋เหมยสักเท่าไหร่ เป็นคนที่เซียวเหวินปินเพิ่งพามาเมื่อครึ่งปีก่อน
ขณะนี้ อู๋เหมยยกมือขึ้นที่อกแสดงความเคารพโค้งคำนับให้เซียวเจิ้นเที่ยนแล้วกล่าว “ท่านเซียว ผมรู้สึกเสียใจกับการจากไปของคุณชายรองอย่างมาก วันนี้ที่ผมมา ก็เพื่อพูดอะไรกับท่านหน่อย”
สายตาของเซียวเจิ้นเที่ยนค่อยๆแปลกไป จะบอกตัวตนของฟางเหยียนแล้วหรอ?
ด้วยเหตุนี้มือเท้าของเขาสั่นแล้วถาม “ฟางเหยียน ฟางเหยียนเป็นใครกันแน่?”
อู๋เหมยหน้าซีด ส่ายหัวแล้วกล่าว “ขอโทษครับ คุณท่าน ผมพูดเรื่องนี้ไม่ได้”
เซียวเจิ้นเที่ยนตาโตมากขึ้นไปอีก เขาพูดว่าไม่ใช่ไม่รู้ แต่พูดไม่ได้
นี่มันหมายความว่าไง?
หมายความว่าเขารู้ตัวตนของฟางเหยียนแล้ว แต่ไม่สามารถบอกกับตนได้!
“อู๋เหมย แกหมายความว่าไง? อะไรคือพูดไม่ได้?” น้ำเสียงของเซียวเจิ้นเที่ยนถามอย่างค่อนข้างโมโห จากนั้นนึกอะไรออกอีก จึงกล่าว “มันให้อะไรแก ฉันให้มากกว่ามันสิบเท่า”
สีหน้าของอู๋เหมยนิ่งสงบ เขาส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ใช่เรื่องของค่าตอบแทน คุณท่าน ครั้งนี้ที่ผมมาคือมาลา นึกถึงการที่ผมได้เคยทำงานที่ตระกูลเซียวของพวกคุณ คุณชายรองปฏิบัติกับผมเป็นอย่างดี ดังนั้นผมจึงมาลา ทำอะไรอย่าหักดิบจนเกินไป อย่าตัดทางของตัวเองทิ้งจนหมด”
ได้ยินอู๋เหมยพูดประโยคนี้กับตัวเอง ทำให้ใบหน้าผู้เฒ่าของเซียวเจิ้นเที่ยนสงสัยขึ้นมา คิ้วของเขาขมวดกันเป็นตัวอักษร“ชวน” ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “อู๋เหมย แกหมายความว่าไง?”
อู๋เหมยเอามือไขว้หลัง แล้วกล่าว “ท่านน่าจะเข้าใจคำนี้มากกว่าผมนะว่ามันหมายความว่าอะไร!”
ตาทั้งสองข้างของเซียวเจิ้นเที่ยนมองไปที่อู๋เหมยอย่างโมโห ไอ้นี่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อตัวเอง แต่กลับกันแล้ว เขาไม่ใช่อู๋เหมยคนนั้นของครอบครัวเขาแล้ว ตอนนี้ ไม่รู้ว่าเจ้านายอยู่หนใด?
เซียวเจิ้นเที่ยนหลับตาลงแล้วกล่าว “อู๋เหมย แกมาสอนฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
พูดตรงๆ อู๋เหมยเป็นแค่คนใช้ เป็นหมาตัวหนึ่งที่ตระกูลเซียวเลี้ยงดู ตอนนี้แม้แต่หมายังกล้าเป็นศัตรูกับตนแล้วเหรอ? เซียวเจิ้นเที่ยนกำหมัดแน่น หยิบปืนออกมาจากในอ้อมแขน จ่อไปที่อู๋เหมย
เนื้อหนังที่อยู่บนใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาเกิดการสั่น รอยตีนกาบนใบหน้าลึกขึ้น หลายวันมานี้อู๋เหมยได้แสดงจุดยืนของตนแล้วเขาจะโน้มน้าวใจให้เหนื่อยอีกทำไมกัน บางคน ต้องพูดดีๆ บางคน ต้องพูดด้วยปืน
จ่อไปที่อู๋เหมย เขาดูแคลน แล้วกล่าว “แกสำคัญตัวเองไปหรือเปล่า? อู๋เหมย แกทำงานที่ตระกูลเซียวมาครึ่งปี น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลเซียวไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด แกอย่าบีบให้ฉันต้องฆ่าแกในห้องโถงของตระกูลเซียวนะ”
สีหน้าอู๋เหมยค่อยๆเปลี่ยน เป็นหวาดกลัว อู๋เหมยไม่ใช่ฟางเหยียน เขาไม่มีความสามารถล้ำเลิศขนาดนั้น ที่จะใช้มือหยุดกระสุนได้
“ท่านเซียว ท่านหมายความว่าไง? ท่านจะฆ่าผมงั้นเหรอ?” ในใจหวาดกลัว แต่ปากกลับไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
เซียวเจิ้นเที่ยนส่งเสียงเหอะ แล้วก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว กล่าว “แกลองดูก็ได้นะ ก็คิดว่าฉันเซียวเจิ้นเที่ยนแค่ทำท่างั้นเหรอ?”
โหดเหี้ยมอำมหิต จึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเซียวเจิ้นเที่ยน ถ้าไม่ใช่เพราะอายุมาก ต้องแสร้งเป็นคนดีล่ะก็ เขาไม่มีทางแสร้งเป็นคนที่มั่นคงหนักแน่นหรอก
อู๋เหมยรีบพยักหน้ากล่าว “ได้ ท่านเซียว คาดไม่ถึงว่าท่านจะทำแบบนี้กับผม”
เซียวเจิ้นเที่ยนส่งเสียงเหอะ กล่าว “ฉันไม่ขอร้องใคร เพียงแค่แกบอกฉันถึงตัวตนของฟางเหยียน แล้วฉันจะไม่ทำแบบนี้กับแก แกกินอยู่กับตระกูลเซียวมาครึ่งปี แลกกับประโยคเดียวคือทำอะไรอย่าหักดิบเกินไปเนี่ยนะ? ฉันต้องการความจริง”
“บอกฉันมา ฟางเหยียนเป็นใครกันแน่? เขาฆ่าเหวินปินใช่มั้ย?” เซียวเจิ้นเที่ยนกัดฟันถามอย่างโมโห
อู๋เหมยหลับตาลง ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ขอโทษครับ เรื่องนี้ บอกไม่ได้จริงๆ ท่านเซียว สักวันหนึ่งท่านจะเข้าใจในประโยคที่ผมคำเตือนท่าน ว่ามันมีค่ามากขนาดไหน ตอนนี้ท่านฆ่าผมได้แล้ว แต่ต่อให้ท่านฆ่าผม ผมก็ไม่มีทางบอกเรื่องใดๆกับท่าน”
“ดูๆแล้วแกมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ!” เซียวเจิ้นเที่ยนพูดจบ ยกปืนที่อยู่ในมือยิงขึ้นไปบนฟ้า
ได้ยินแค่เสียงเดินเท่าจากภายนอกดังเข้ามา ไม่นาน ที่นี่ก็ถูกล้อมด้วยคนชุดดำกลุ่มหนึ่ง นี่คือผู้คุ้มกันของตระกูลเซียว เซียวเจิ้นเที่ยนฝึกฝนเหล่าผู้คุ้มกันตัวเองไว้กลุ่มหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าเหล่าคุ้มกันชุดนั้นอย่างมาก
ผู้คุ้มกันชุดนี้ล้วนใช้หน้ากากปกปิด ตั้งใจไม่ให้คนอื่นเห็นหน้าที่แท้จริงของพวกเขา ทำจนดูลึกลับ
“แกคิดว่าฉันจะฆ่าแกง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?” เซียวเจิ้นเที่ยนเก็บปืนกลับมา แล้วกล่าว “เหอะ อู๋เหมย พูดความจริง ฉันจะเห็นแก่การที่แกเป็นลูกน้องของเหวินปิน ไว้ชีวิตแก”
อู๋เหมยหันหน้ามองคนที่ล้อมอยู่รอบๆ ดูท่าทางแล้ว เซียวเจิ้นเที่ยนตัดสินใจไม่ปล่อยเขาไว้แล้ว
เซียวเจิ้นเที่ยนพูดต่อ “มนุษย์สามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข ก็ไม่ใช่เพราะยังมีชีวิตอยู่หรอกเหรอ? ถ้าตาย แล้วจะมีอะไรอีก? หรือแกยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับแกเลยนั่นหรือ?”
“เพียงแค่แกบอกตัวตนของฟางเหยียนให้ฉันฟัง แล้วฉันจะให้เงินแกก้อนหนึ่ง เงินเพียงพอให้แกมีชีวิตไปอีกครึ่งค่อนชีวิต จากนั้นแกสามารถหนีไปในที่ที่ใครก็หาแกไม่เจอ หลบที่นั่น แล้วใช้ชีวิตไป ถึงตอนนั้น แกก็หาหญิงสาวสักคนเป็นคู่ชีวิต ยังมีชีวิตอยู่ มีความสุขแล้วทำไมไม่ทำมันล่ะ?
เซียวเจิ้นเที่ยนได้ให้ทางเลือกที่เขาปฏิเสธไม่ได้แบบนี้แล้ว อู๋เหมยยอมรับว่าตัวเองก็สนใจ เขาเป็นเด็กกำพร้า ไร้ซึ่งบิดามารดา ลูกหลาน โสดไม่มีครอบครัว
เขาลังเล แล้วถาม “ท่านจะให้ผมเท่าไหร่?”
เซี่ยวเจิ้นเที่ยนชูนิ้วขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ร้อยล้าน!”
ร้อยล้านซื้อการรู้ตัวตนของฟางเหยียน คุ้มค่าจริงๆ อีกอย่าง ร้อยล้านนี้ไม่ใช่ว่าอู๋เหมยอยากได้แล้วจะได้
ณ จุดๆนี้ ไม่ใช่แค่เซียวเจิ้นเที่ยนที่รู้อยู่แก่ใจ อู๋เหมยก็รู้ดีอยู่แก่ใจเช่นกัน
ได้ยินคำพูดของเซียวเจิ้นเที่ยน เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าฮ่าฮ่า จากนั้นกล่าว “ท่านเซียว ฝีมือการโกหกของคุณยิ่งอยู่ยิ่งด้อยลงนะ”
คำนี้ทำให้เซียวเจิ้นเที่ยนชะงัก อู๋เหมยกล่าวอย่างไม่สนใจว่า “ถ้าท่านบอกว่าให้ผมสิบล้าน ผมอาจจะเชื่อ แต่ท่านพูดว่าร้อยล้าน ท่านคิดว่าผมจะเชื่อมั้ย? เงินของตระกูลเซียว ผมเกรงว่าจะจ่ายไม่ไหว”
เซียวเจิ้นเที่ยนขมวดคิ้ว อู๋เหมยเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ เขาถาม “แกไม่เชื่อฉัน?”
อู๋เหมยดูแคลนกล่าว “ถ้าผมเชื่อท่าน แล้วผมจะทำงานกับตระกูลเซียวนานขนาดนั้นหรอ? พอล่ะ ไม่อยากพูดมาก ความจริงผมมาที่ตระกูลเซียวยังมีอีกเรื่องที่จะบอกท่าน ตระกูลเซียวของท่านกำลังจะพัง บางทีผมอาจเห็นตระกูลเซียวของท่านพังลงต่อหน้าต่อตาก็ได้นะ แต่ผมรอท่านที่นรกก็แล้วกัน”
พูดจบ อู๋เหมยแสะยิ้มที่ดูแย่กว่าการร้องไห้ออกมา
จากนั้น ได้ยินแค่เสียงแคร็ก อู๋เหมยอ้วกออกมา อู๋เหมยล้มลงกับพื้น จ้องไปที่เซียวเจิ้นเที่ยนแล้วกล่าว “ได้ใช้เลือดของผมอู๋เหมยแปดเปื้อนห้องโถงของบ้านท่านได้ ชาตินี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!”