จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 160
เย่ชิงหยู่ถือโทรศัพท์อยู่ รู้สึกตะลึงอยู่พักใหญ่ ในใจก็คิดว่าฟางเหยียนจะทำอะไรกันแน่ หลังจากลังเลเธอก็ลุกจากเตียงและออกไป เมื่อออกมาที่ระเบียงด้านหน้าและมองลงไป ก็ไม่พบแม้แต่เงาของฟางเหยียน
ขณะนี้เอง จางเจียวเจียวเดินออกจากห้องด้วยความเศร้าบนใบหน้า พร้อมกับพูดกับเย่ชิงหยู่ว่า “ชิงหยู่ มีเรื่องที่แม่อยากพูดกับลูก”
“เรื่องอะไรคะ แม่!”เย่ชิงหยู่มองใบหน้าของจางเจียวเจียวขณะที่ถามนั้นดูไม่ค่อยสู้ดีนัก
จางเจียวเจียวสูดหายใจเข้าลึกและพูดว่า “บ้านของเราได้ถูกประมูลไปแล้วล่ะ”
แม้ว่าเย่ชิงหยู่จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หลังจากที่ได้ฟังจางเจียวเจียวพูด หัวใจของเธอก็เริ่มสั่นคลอน
“มันถูกซื้อโดยผู้คนในพื้นที่เดียว ในราคาสามร้อยล้านหยวน” ขณะที่จางเจียวเจียวพูดอยู่ ก็น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างอดไม่ได้ หลังจากรู้ข่าวที่น่าเศร้านี้ ไม่เพียงแต่เย่ชิงหยู่เท่านั้น แต่จางเจียวเจียวเองก็โศกเศร้าไม่แพ้กัน
นั่นเป็นบ้านเก่าของพวกเธอ ตอนนี้กำลังถูกประมูลบนเวทีประมูล สำหรับพวกเธอแล้วนี่เป็นเรื่องที่กระทบจิตใจอย่างมาก
“แม่ ไม่เป็นไรเลย! สิ่งที่สำคัญที่สุดในบ้านก็คือคนในครอบครัวนะคะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”เย่ชิงหยู่ก้าวไปข้างหน้าและกอดจางเจียวเจียว
แม่ลูกกอดกัน จางเจียวเจียวพยักหน้าและพูดว่า “ลูกเป็นลูกสาวที่ดีของแม่ แต่แม่แค่รู้สึกผิดกับพ่อเขาน่ะ!นั่นเป็นบ้านของตระกูลเย่ แม่… ”
“ไม่เป็นไรนะคะแม่ หนูรู้ว่าพ่อต้องทราบและจะไม่โทษอะไรพวกเราค่ะ”
หลังจากที่สงบอารมณ์ของจางเจียวเจียวมาสักพัก เธอก็จำได้ว่าฟางเหยียนยังคงรอเธออยู่ที่ด้านล่าง
ทันทีที่เดินลงไป เธอก็พบกับฟางเหยียน ฟางเหยียนยืนเอนเอียงอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงประตู นี่มันไม่เหมือนท่าทางยืนของทหารเลยสักนิด สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ข้างๆเขามีรถหงฉีอยู่ด้วยหนึ่งคัน
การแต่งตัวของเขา ยังคงเป็นเสื้อเชิ้ตธรรมดากับกางเกงยีนสีขาวและรองเท้าบูตทหาร มองยังไงก็ดูไม่เข้ากับรถหงฉีคันนั้นเลยสักนิด
“ฟางเหยียน นายกำลังทำอะไรอยู่?”เย่ชิงหยู่ถามอย่างงงๆ แล้วมองไปที่รถหงฉี จากนั้นก็ได้รีบเตือนเขาว่า “นายรีบออกไปให้ห่าง รถคันนั้นไม่ใช่รถที่นายจะไปพิงได้นะ ถ้ามันโดนคนทำพังมา เราไม่มีปัญญาจ่ายหรอกนะ”
ฟางเหยียนหยุดนิ่งครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “นี่มีอะไร!”
ขณะพูด เขายกมือขึ้นและตบประตูรถ เมื่อเห็นฉากนี้ เย่ชิงหยู่ก็ตกใจ ฟางเหยียนคนนี้นี่ไม่รู้จักของแบรนด์เลยเสียจริง นี่คือรถหงฉีเลยนะ ไม่ได้มีเงินก็ซื้อได้สักหน่อย
ขณะที่เธอกำลังจะเตือน แต่ฟางเหยียนกลับเดินมาข้างหน้าและคว้าแขนเธอ พร้อมกับพูดว่า “ไป ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนก็เดินมาที่ด้านหน้ารถหงฉี เปิดประตูออก จากนั้นก็ทำท่าเชิญให้เข้าไป
เย่ชิงหยู่ตะลึงไปชั่วครู่ แล้วถามว่า “รถคันนี้ ของนายงั้นเหรอ?”
ฟางเหยียนส่ายหัวและพูดว่า “เปล่าหรอก ของเพื่อนคนหนึ่งน่ะ ไปกันเถอะ!”
เย่ชิงหยู่มองไปที่ฟางเหยียนอย่างเหลือเชื่อ นี่คือรถหงฉี ฟางเหยียนมีเพื่อนไม่น้อยเลย เช่น หลิวเหอฉางผู้ที่เป็นเจ้าของร้านหยกตี้เซิ่งหยวน แม้ว่าหลิวเหอฉางจะร่ำรวยมาก แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถซื้อรถคันนี้ด้วยตัวเอง
ว่ากันว่ารถคันนี้ได้รับการจัดสรรเป็นพิเศษให้กับคนที่มีส่วนสำคัญต่อประเทศชาติ ฟางเหยียนรู้จักคนประเภทนี้ด้วยงั้นเหรอ?
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถาม ก็ถูกฟางเหยียนลากขึ้นรถไป
เมื่อมานั่งบนรถหงฉี เย่ชิงหยู่ก็รู้สึกกระวนกระวาย เธอมองขึ้นไปที่ภายในรถ นี่คือรถหงฉี ตลอดชีวิต เธอไม่เคยกล้าที่จะนั่งรถหรูแบบนี้
ไม่สิ รถแบบนี้จะเป็นแบบที่เธอคิดได้ยังไงกัน แค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย!
“ฟางเหยียน นายจะพาฉันไปไหน?” วันนี้ฟางเหยียนนั้นดูแปลกเป็นพิเศษ มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า อีกทั้งยังขับรถหงฉีมาอีก
ฟางเหยียนมองเย่ชิงหยู่แล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวถึงก็รู้เอง”
เมื่อเย่ชิงหยู่ได้ยินคำพูดของฟางเหยียน ภายในตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยที่เพิ่มพูนมากขึ้น
ที่จริงนั้นฟางเหยียนไม่ค่อยขับรถ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ตัวตนของเขานั้นไม่เหมาะที่จะเป็นคนขับ นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งในประเทศจีน ที่ความน่ากลัวคือการที่เย่ชิงหยู่นั้นให้ฟางเหยียนมาเป็นคนขับให้
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเหยียน เย่ชิงหยู่ก็ไม่ได้พูดอะไร วันนี้นั้นเป็นวันที่เย่ชิงหยู่นั้นดูอึมครึมวันหนึ่งเลยล่ะ เพราะว่าบ้านของเธอนั้นไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่บ้านของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นบ้านของฟางเหยียนอีกด้วย
ที่นั่นมีความทรงจำวัยเด็กที่ดีที่สุดของพวกเขาเลย ถ้าฟางเหยียนรู้เรื่องนี้ ก็คงเสียใจไม่น้อย!บางเรื่อง แค่ตนเศร้าก็พอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ฟางเหยียนมาเสียใจด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ชิงหยู่ก็ถอนหายใจออกมาเป็นเวลานาน หัวใจของเธอก็หนักขึ้นอีกครั้ง โชคดีที่อย่างน้อยฟางเหยียนก็ยังอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา นี่ก็คงไม่นับเป็นคำสั่งเสียของพ่อที่ให้เธอทำดีกับฟางเหยียน
ไม่นาน รถของฟางเหยียนก็ได้หยุดลง
เย่ชิงหยู่มองไปที่ฟางเหยียนอย่างสงสัยและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ถึงแล้ว” ฟางเหยียนตอบ
“อ๊ะ!” เย่ชิงหยู่เงยหน้าขึ้นอย่างไม่คาดคิดและมองไปข้างหน้า แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้ตะลึง นี่ไม่ใช่บ้านใหญ่ตระกูลเย่งั้นเหรอ?ฟางเหยียนพาเธอมาที่นี่ทำไม?
หัวใจของเย่ชิงหยู่นั้นเต้นแรง ราวกับได้พบคนที่ชอบมาเป็นเวลานาน
เธอถามอย่างไม่เข้าใจ “ฟางเหยียน นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
ขณะที่ถาม ดวงตาของเธอก็บ่งบอกได้ชัดว่าจากที่แห่งนี้ไปไม่ได้ กลางวันของวันนี้ เธอได้มาที่นี่แล้ว
ฟางเหยียนดึงประตูรถ เดินลงมา พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อีกเดี๋ยวเธอก็จะรู้แล้ว”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนก็เดินมาที่ฝั่งประตูรถของเย่ชิงหยู่ เปิดประตูให้เธอพร้อมกับพูดว่า “เชิญครับ ผู้หญิงของผม”
เย่ชิงหยู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า “นี่นายทำอะไรน่ะ?”
“ฉันพาเธอกลับบ้านไง!” ฟางเหยียนพูดเบาๆ เมื่อเย่ชิงหยู่ได้ยินคำนี้ เธอมองไปที่ฟางเหยียนด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อนัก เธอสงสัยว่าเธออาจจะได้ยินผิดไป จึงถามอีกรอบว่า “นายพูดว่าอะไรนะ?”
ในความคิดของเธอ ไม่ฟางเหยียนพูดผิด ก็ต้องเป็นเธอที่ได้ยินผิดแน่
ฟางเหยียนเพิกเฉยต่อความประหลาดใจของเย่ชิงหยู่ จับมือเธอแล้วลงจากรถ
ฟางเหยียนจับมือเธอเข้าไปในบ้านใหญ่ตระกูลเย่ แต่เมื่อมาถึงประตู เย่ชิงหยู่ก็ยืนนิ่ง เธอมองไปที่ฟางเหยียนและส่ายหัว “ฟางเหยียน นี่นายทำอะไร?”
ฟางเหยียนชี้ไปที่บ้านใหญ่ตระกูลเย่ “กลับบ้านไง!”
สองคำนี้เท่านั้นที่กระชับและแสดงออกอย่างชัดเจน
เย่ชิงหยู่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฟางเหยียน หยุดได้แล้ว ฉันรู้ว่านายคิดถึงบ้านหลังนี้มาก แต่ว่านี่ไม่ใช่บ้านของเราอีกต่อไป จริงๆฉันก็ไม่อยากพูดกับนายหรอก แต่ว่าวันนี้นายมาที่นี่ ฉันก็ต้องบอกกับนาย อันที่จริงบ้านใหญ่ตระกูลเย่ถูกนำไปประมูลแล้ว บางที ในจินโจวอาจจะไม่มีบ้านใหญ่ตระกูลเย่อีกต่อไป”
ฟางเหยียนมองไปที่เย่ชิงหยู่ด้วยใบหน้าที่จริงจังและยิ้มแย้ม ”อย่างกังวลเลย ตราบใดที่มีฉันฟางเหยียนอยู่ บ้านใหญ่ตระกูลเย่นี้จะไม่สามารถมีใครมายุ่งได้ นี่เป็นบ้านของพวกเรา และจะเป็นตลอดไป”
“มา!” ฟางเหยียนจับมือเย่ชิงหยู่อีกครั้ง และดึงเธอไปที่ประตูของบ้านใหญ่ตระกูลเย่
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ประตูและพูดว่า “เปิดประตูและดูสิ”
เย่ชิงหยู่ขมวดคิ้วและมองไปที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนได้ให้สายตาที่แน่ชัดกับเธอ พูดให้กำลังใจว่า “เปิดดูสิ”