จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 162
น้ำตาบนใบหน้าของเย่ชิงหยู่ก็ยิ่งไหลเผาะๆออกมามากยิ่งขึ้น เธอไม่เข้าใจเจตนาคำพูดของฟางเหยียน แต่ว่าในขณะนี้ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ
ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอประหลาดใจเยอะแยะมากมายจริงๆ และทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
เขาก็เป็นเหมือนกับยอดมนุษย์ที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ มักจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมากที่สุด ตอนวันเกิดของตัวเอง นั่นเป็นวันเกิดปีแรกที่พ่อจากเธอไป เธอต้องการความรู้สึกปลอดภัย และผู้ชายคนนี้ความรู้สึกปลอดภัยทั้งหมดกับเธอ
เธอคิดว่าบ้านของตัวเองกำลังจะจากตัวเองไปไกล บ้านใหญ่ตระกูลเย่ไม่ได้นามสกุลเย่อีกต่อไป ในใจของเย่ชิงหยู่เต็มไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ใครจะรู้ว่าเป็นผู้ชายคนนี้อีกแล้วที่ส่งบ้านใหญ่ตระกูลเย่กลับมา นำความรู้สึกที่เป็นเจ้าของของเธอกลับมาอีก
เย่ชิงหยู่ค่อยๆลุกขึ้นมาจากบนเก้าอี้ มาถึงตรงหน้าของฟางเหยียด สัมผัสไปที่กุญแจดอกนั้นที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยเบาๆ ก็แสบจมูก เธอกระโจนเข้าไปที่อ้อมกอดของฟางเหยียนอย่างกะทันหัน น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น
ความลำบากใจทั้งหมด ความทุกข์ใจทั้งหมด ทั้งหมดนี้กลายเป็นน้ำตาไหลออกมาในเวลานี้
ฟางเหยียนกอดร่างของเย่ชิงหยู่ไว้อย่างแผ่วเบา โดยที่ไม่พูดอะไร เพียงแค่กอดเธอไว้อย่างแผ่วเบา
หลังจากผ่านไปนาน เย่ชิงหยู่ถึงได้ดึงสติกลับมา เธอออกมาจากอ้อมกอดของฟางเหยียน และเช็ดน้ำตา
ร้องไห้พูดกับฟางเหยียนว่า: “ขอบคุณนาย ฟางเหยียน”
ฟางเหยียนยังไม่ได้ตอบ จู่ๆเย่ชิงหยู่ก็ยืนเขย่งปลายเท้าขึ้นใช้ริมฝีปากของตัวเองประกบกับริมฝีปากของเขา จูบนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟางเหยียนไม่ทันได้เตรียมตัว ก็จูบกับเย่ชิงหยู่แล้ว
เย่ชิงหยู่กอดคอของฟางเหยียนไว้ จูบกับเขาอย่างลึกซึ้งขึ้นมา แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอจูบกับผู้ชาย และก็ไม่มีประสบการณ์อะไร ก็จะจูบอย่างไร้เดียงสาแบบนี้
ความจริงนี่ก็เป็นครั้งแรกของฟางเหยียนเช่นกัน และยังถูกจู่โจมด้วย ทำได้เพียงจูบไปตามใจของเย่ชิงหยู่
ฟางเหยียนที่สังหารในสนามรบ เคร่งขรึม และเลือดเย็นไร้ความรู้สึกในเวลานี้กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ว่ากันจนถึงแก่นแท้แล้ว เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายที่ยังไม่เติบโต ไม่คุ้นเคยกับเรื่องระหว่างชายหญิงอย่างโดยสิ้นเชิง
ใจกลางห้องโถงของบ้านใหญ่ตระกูลเย่ ด้านบนมีรูปหัวใจอยู่ดวงหนึ่ง คู่รักคู่หนึ่งที่อ่อนโยนเร่าร้อนยืนอยู่ แสงไฟในบ้านใหญ่ตระกูลเย่นั้นสว่างมาก สว่างจนทำให้เงาของทั้งสองยาวขึ้นมาก
ก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน เย่ชิงหยู่ถึงได้ค่อยๆปล่อยฟางเหยียน ต่อจากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็มองไปที่ฟางเหยียนด้วยความรักใคร่
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็พูดด้วยความสะอึกสะอื้นว่า: “ฉันรักนาย สามี!”
ทันทีที่พูดจบ แก้มของเธอทั้งแดงทั้งร้อนผ่าว คำพูดหวานจนเลี่ยนแบบนี้ เธอคิดว่าชาตินี้ตัวเองไม่มีทางพูดออกมาจากปาก แต่คาดไม่ถึงตอนนี้กลับพูดออกมาแล้ว อยู่ตรงหน้าของฟางเหยียน เธอปล่อยวางการสร้างภาพทั้งหมด เปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอบอกรักฟางเหยียน และไม่ใช่ครั้งแรกที่เรียกฟางเหยียนว่าสามี
คำพูดเดียว ทำให้ฟางเหยียนตัวสั่นไปทั้งตัว
นี่ยังคงใช่เย่ชิงหยู่อยู่มั้ย?
อุปนิสัยของเย่ชิงหยู่ตั้งแต่เล็กก็เป็นเด็กผู้หญิงที่เข้มแข็ง ด้วยความเข้าใจที่ฟางเหยียนมีต่อเธอ คำพูดแบบนี้ไม่มีทางพูดออกมาจากปากของเธออย่างแน่นอน แต่คาดไม่ถึง วันนี้ เขากลับได้ยินเย่ชิงหยู่พูดแบบนี้ออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงของฟางเหยียน ใบหน้าของเย่ชิงหยู่ก็แดงขึ้นมา เธอก้มหน้าลง แล้วถามว่า: “นาย รักฉันมั้ย?”
คำพูดนี้ทำให้ในใจของฟางเหยียดก็กระตุก เขายังมีสิทธิ์ที่รักมั้ย?
เขาเพียงแค่ต้องการจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ ใช้ทุกอย่างที่ตัวเองมีมาเพื่อชดเชยความเจ็บปวดที่พวกเธอได้รับ การเป็นทหารสู้รบตลอดชีวิตของเขา ได้ปกป้องประเทศบ้านเมือง เผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดร้ายที่สุด และคนเหล่านั้นก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของตัวเองอยู่เสมอ
ตอนนี้ยังมีองค์กรที่ไม่รู้จักเฝ้ามองตัวเองอยู่ในความมืด ถ้าหากทำให้พวกเขาหาจุดอ่อนของตัวเองพบ ถ้าอย่างนั้นก็จะก่อให้เป็นอันตรายต่ออยู่เย่ชิงหยู่ไม่ใช่เหรอ เขากำลังปกป้องผู้หญิงคนนี้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่อยากแสดงความรู้สึกออกมามากเกินไป
นอกจากนี้ สิ่งที่อาจารย์ของเขาพูด ชีวิตของตัวเองกำลังจะพบกับจุดพลิกผันที่สำคัญ นั่นเป็นจุดพลิกผันแบบไหนกันนะ? คำถามมากมายผุดขึ้นมาในทันที ก่อกวนความคิดของฟางเหยียน
ในขณะที่ฟางเหยียนลังเล จู่ๆแววตาของเย่ชิงหยู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วถามว่า: “ฟางเหยียน นายเป็นใบ้ไปแล้วเหรอ?”
เธอก็อุตส่าห์ลดศักดิ์ศรีลงมา พูดแบบนี้ออกมาแล้ว แต่ฟางเหยียนกลับไม่ตอบ ยังแสดงสีหน้าแบบนี้ สิ่งนี้สำหรับผู้หญิงแล้ว น่าละอายมากแค่ไหน เขาจะเข้าใจไหม?
แม้แต่ฟางเหยียนจะไม่เคยสัมผัสกับผู้หญิงมาก่อน แต่ว่าในตอนนี้เวลานี้เขาเข้าใจความคิดในใจของเย่ชิงหยู่ ดังนั้นยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเธอ แล้วพูดว่า: “ชิงหยู่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ พวกเรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ?”
หลังจากที่พูดจบ เขาจับมือของเย่ชิงหยู่ เดินเข้าไปในห้องหนึ่งของในบ้าน นั่นคือห้องโถงเซ่นไหว้ป้ายวิญญาณของตระกูลเย่ ก็อยู่ข้างในห้องนี้ มีป้ายวิญญาณที่ใหม่เอี่ยมวางอยู่ บนป้ายวิญญาณมีรูปภาพของชายชราที่ดูเอาจริงเอาจังอยู่ นั่นก็คือพ่อของเธอ เย่เทียน
ด้านล่างของรูปภาพขาวดำนั้นมีคำเขียนอยู่หลายคำ: สุสานของเย่เทียนลูกหลานของตระกูลเย่
ชั่วพริบตาที่เห็นป้ายวิญญาณ เย่ชิงหยู่ก็นิ่งอึ้ง หลังจากที่เธอออกจากบ้านใหญ่ตระกูลเย่ ก็ไม่เคยทำป้ายวิญญาณอะไรให้เย่เทียน สิ่งนี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าฟางเหยียนเป็นคนทำ ก็มีเพียงฟางเหยียนเท่านั้นที่มีความคิดแบบนี้
ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนก็เป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาจนโตกับมือ มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า ให้กำเนิดเรามาแต่ไม่เลี้ยงดู ตัดนิ้วก็ชดใช้ได้ ไม่ได้ให้กำเนิดแต่เลี้ยงดู ตัดหัวก็ยากที่จะชดใช้ได้
แล้วทำไมเย่ชิงหยู่จะไม่อยากใส่ป้ายวิญญาณของเย่เทียนไว้ในห้องโถงบรรพบุรุษล่ะ!
ฟางเหยียนจุดธูปสามดอกแล้ว ยื่นให้เย่ชิงหยู่แล้วพูดว่า: “ไหว้ลุงเย่เถอะ เขารู้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในวันนี้ จะต้องมีความสุขเพื่อเธออยู่ที่ปรโลกอย่างแน่นอน”
เย่ชิงหยู่อืมพยักหน้า รับธูปในมือของฟางเหยียนมา มองดูแผ่นป้ายของเย่เทียนและไหว้เขา
หลังจากที่เสร็จสิ้น เย่ชิงหยู่ก็กลายเป็นหนักใจมาก หัวข้อการสนทนาเมื่อกี้นี้ก็จบลงแบบนี้
เย่ชิงหยู่มองไปที่ฟางเหยียน พูดอีกครั้งว่า: “ขอบคุณนาย ฟางเหยียน”
ฟางเหยียนยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็กลับมาถึงในห้องเล็กๆของบ้านสองห้องนอนหลังนั้นแล้ว ตอนที่อยู่บนรถ เย่ชิงหยู่ถามฟางเหยียน: “นายซื้อบ้านใหญ่ตระกูลเย่ไว้จริงๆเหรอ?”
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฟางเหยียนจะมีเงินมากมายขนาดนี้!
ฟางเหยียนพูดอย่างไม่ถ่อมตัวว่า: “ไม่ เดิมทีสิ่งนี้ก็เป็นของพวกเราอยู่แล้ว ทำไมจะต้องซื้อมาด้วยล่ะ? เขาเป็นของตระกูลเย่ ไม่ต้องซื้อก็เป็นของตระกูลมาโดยตลอด ทุกอย่างที่ตระกูลเย่สูญเสียไป ก็จะกลับมาอยู่ในมือของเธอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางเหยียน รู้สึกว่าเขาไม่ได้ซื้อมา ถ้าอย่างนั้นก็เป็นกุญแจที่ขโมยมาเหรอ
เย่ชิงหยู่กังวล รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ฟางเหยียน เป็นกุญแจที่นายขโมยมาเหรอ?”
ฟางเหยียนแสดงรอยยิ้มที่ทำให้คนวางใจแล้วพูดว่า: “พูดอะไรแบบนี้ ฉันเพียงแค่เอาสิ่งของที่เป็นของพวกเรากลับมา จะพูดว่าขโมยมาได้อย่างไร?”
เย่ชิงหยู่อธิบายอย่างรวดเร็ว: “ฟางเหยียน นายเป็นทหารจนโง่ไปแล้วเหรอ? ฉันรู้ว่านายทำแบบนี้เพื่อให้ฉันมีความสุข ฉันมีความสุขมากแล้ว แต่ว่า นายเอากุญแจคืนกลับไปเถอะ ฉันไม่อยากให้นายติดคุกเพราะเรื่องนี้”