จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 174
ด้านเฉิงฉู่ผงะไปแล้ว นี่หมายความว่ายังไง? นี่คือเย่ชิงหยู่ต้องการนัดพบตนหรือ? พอนึกถึงที่อาสองเพิ่งเอ่ยเตือนว่าอย่าไปยุแหย่ฟางเหยียน แล้วนึกถึงถ้อยคำที่ฟางเหยียนเอ่ยกับตนในวันนั้น เขาก็สลดแล้ว
“นี่ เฉิงฉู่ คุณฟังอยู่ไหมคะ? คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า?”
เฉิงฉู่ร้องอาคำหนึ่ง เอ่ยตอบ “อ่อ ชิงหยู่ ว่างสิ ทำไมเหรอ?”
ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์จากอาสองเขาย่อมตอบไปว่าตนว่างอย่างไม่ลังเลเลย กับอีแค่ฟางเหยียน เขาจะเห็นอยู่ในสายตาได้ยังไงกัน! แต่ตอนนี้ต่างกันออกไป อาสองได้เอ่ยเตือนเขาแล้ว
อาสองของเฉิงฉู่เป็นตัวตนแบบไหน ตัวเขาก็ไม่ทราบแน่ชัดนัก แต่เจ้าบ้านตระกูลเฉิง คุณปู่ของเฉิงฉู่ไว้หน้าอาสองคนนี้อย่างยิ่ง
“คืนนี้ ไปเจอกันที่ร้านจุ้ยเซียนนะคะ! พอถึงเวลาฉันจะบอกกับคุณ”เย่ชิงหยู่ที่อยู่ปลายสายกล่าว
เฉิงฉู่ตอบอืม “ได้เลย!”
หลังจากวางสาย หัวใจเขาสะท้านขึ้นมา เพียงแต่รับปากไปแล้ว เขาไม่มีทางถอยแล้ว
….
หลังจากฟางเหยียนพาจางเจียวเจียวกับเย่ชิงหยู่กลับบ้าน ถึงแม้พวกเธอจะบอกความคิดในใจออกมาแล้ว แต่หลังจากกลับถึงบ้านก็ค่อนข้างโศกเศร้าอยู่บ้าง ให้ใครพูดจาตัดขาดกับครอบครัวของตัวเองแบบนั้น ในใจก็ต้องเสียใจกันทั้งนั้น
“แม่ ขอโทษนะคะ!” เย่ชิงหยู่กุมมือของจางเจียวเจียว เอ่ยขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
จางเจียวเจียวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง กล่าวอย่างจริงจังว่า “จะขอโทษทำไมล่ะ ทำให้ลูกต้องได้รับความอยุติธรรมมากขนาดนั้น เป็นแม่เองที่ขี้ขลาดถึงได้พาลูกมาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ แม่ก็คงยังไม่รู้ว่าพวกเขาทำกับลูกขนาดนั้น เกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่ายัดเยียดข้อหาหักขาคนอื่นให้ลูก”
ขณะที่พูดอยู่ จางเจียวเจียวกุมมือของเย่ชิงหยู่เอาไว้ มองเย่ชิงหยู่อย่างปวดใจยิ่งนัก
เย่ชิงหยู่ก็รู้ความเช่นกัน จับมือของจางเจียวเจียวไว้ เอ่ยว่า “แม่ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ!”
“เฮ้อ!” จางเจียวถอนหายใจอีกครั้ง กล่าวว่า “ยัยลูกคนนี้ทำไมถึงได้มีชีวิตลำบากลำบนขนาดนี้กันนะ อายุยังน้อย ยังเป็นเด็กสาวคนหนึ่งก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องหน้าไหว้หลังหลอกมากมายขนาดนั้นแล้ว ถ้าพ่อของลูกยังอยู่ ไหนเลยจะปล่อยให้ลูกได้รับความลำบากพวกนี้”
ระหว่างที่พูด น้ำตาของจางเจียวเจียวก็ไหลลงมาจากหางตาแล้ว
เอเช็ดน้ำตาที่หางตาเล็กน้อย พลันมองไปที่ฟางเหยียน เอ่ยถาม “เสี่ยวเหยียน พวกเราทำแบบนั้น จะไม่เกินเลยไปใช่ไหม? งยังไก่อนหน้านี้ตระกูลจางก็เคยรับพวกเราแม่ลูกเอาไว้”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จางเจียวเจียวถึงได้พูดแบบนี้กับฟางเหยียน คล้ายเธอจะเกิดความรู้สึกพึ่งพาในตัวของอีกฝ่ายแล้ว เป็นความพึ่งพาเหมือนที่พึ่งหาหัวหน้าครอบครัว เมื่อครู่นี้ฟางเหยียนทรงอำนาจจริงๆ มีมาดของผู้นำตระกูลอยู่
ฟางเหยียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับ น้าจาง ผมเข้าใจความรู้สึกของน้านะครับ ถึงยังไงนั่นก็เป็นครอบครัวของน้า พวกเราทำแบบนั้นไปก็ไม่ได้คิดจะตัดขาดกับพวกเขาจริงๆ หรอกครับ แค่ทำให้พวกคุณได้รับความเคารพจากตระกูลจางบ้าง แม้ว่าพวกคุณจะเป็นชนรุ่นหลัง ผมก็รู้สึกว่าพวกเขาก็สมควรจะให้เกียรติพวกคุณด้วยเหมือนกัน ถ้าพวกเราอดทนและยอมถอยให้ต่อไป มีแต่จะทำให้พวกเขาได้คืบจะเอาศอก น้าคงไม่อยากให้ชิงหยู่ที่กำลังงานอยู่ตกเป็นเป้าของคนในครอบครัวตัวเองใช่ไหมครับ?”
ถ้อยคำเหล่านี้ของฟางเหยียนล้วนออกมาจากจิตใจ จางเจียวเจียวฟังเข้าหูแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องราวควรเป็นเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้าเอ่ยว่า “อืม เธอพูดถูกแล้ว ยังคงเป็นเธอที่คิดเพื่อชิงหยู่ของพวกเรา”
เย่ชิงหยู่ได้ยินประโยคนี้ ลอบมองฟางเหยียนแวบหนึ่ง ฟางเหยียนกำลังคิดเพื่อตนอยู่จริงๆ เธอยังมีข้อสันนิษฐานที่อาจหาญข้อหนึ่งด้วย ที่จางไห่เฟิงกลายเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นการจัดการของเขา
แน่นอน ความคิดนี้เธอไม่มีทางพูดออกมาต่อหน้าจางเจียวเจียว แต่เธอยังคงจะสอบถามฟางเหยียนดูสักหน่อย
สักพัก จางเจียวเจียวก็เดินเข้าห้องของตนไปอย่างหม่นหมอง ไม่ต้องบอกก็รู้ นางจะไปกอดรูปของเย่เทียนแล้วรำพึงรำพันกับตัวเอง ความรักระหว่างเย่เทียนกับจางเจียวเจียวดีมาก เมื่อมีเรื่องอะไร จางเจียวเจียวล้วนชอบไปกอดรูปของเย่เทียนแล้วเอ่ยระบาย
เมื่อเห็นจางเจียวเจียวไปแล้ว เย่ชิงหยู่ก็เอ่ยถามเลย “ฟางเหยียน ฉันมีเรื่องอยากถามคุณ”
ฟางเหยียนพยักหน้าตอบอืมคำหนึ่ง “คุณถามได้เลย! เรื่องอะไรล่ะ?”
เย่ชิงหยู่ลดเสียงลง แล้วถาม “เรื่องของจางไห่เฟิง เป็นฝีมือคุณใช่ไหม?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟางเหยียน บางทีนี้อาจเป็นเซ้นส์ของผู้หญิงก็ได้!
ฟางเหยียนเพ่งพิศเย่ชิงหยู่ จากนั้นคลี่ยิ้มหยันแวบหนึ่ง ตอบไป “ไม่ใช่!”
สองคำ สั้นยิ่ง เด็ดเดี่ยวยิ่ง และตรงไปตรงมายิ่ง!
เย่ชิงหยู่ตอบอืมพยักหน้า เอ่ยว่า “เอาเถอะ! เรื่องวันนี้ ขอบคุณนะ”
ฟางเหยียนยังไม่ได้ตอบกลับคำพูดของเย่ชิงหยู่ มือถือก็ดังขึ้นมาแล้ว เขาลุกจากโซฟาแล้วกดรับสาย เสียงที่คุ้นเคยแว่วออกมาจากปลายสาย
“โผ้จวิน แย่แล้ว ศพชายหน้าบากถูกคนชิงไปแล้วครับ”
นี่คือเสียงของเทียนขุย ที่เขาใช้ไม่ใช่มือถือของตัวเอง สายเรียกเขาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ฟังจากน้ำเสียงเขาแล้ว คล้ายว่าจะอ่อนแรงมาก ฟางเหยียนสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เทียนขุยบาดเจ็บแล้ว
“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่” ฟางเหยียนสอบถามด้วยน้ำเสียงสุขุม
เทียนขุยหอบหายใจแล้วเอ่ยตอบ “เมื่อสักครู่นี้ครับ จู่ๆ เขาก็บุกสังหารเข้ามาในฐานทัพ ทหารรักษาการณ์ที่นี่ของพวกเราถูกฆ่าทั้งหมด”
ฟางเหยียนขมวดคิ้วแล้ว เอ่ยถาม “นายเป็นอะไรไหม?”
เทียนขุยลังเลเล็กน้อย แสร้งตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ผมไม่เป็นไรครับ โผ้จวิน”
“ดี รอฉันก่อน ฉันจะไปทันที” พอพุดจบ ฟางเหยี่ยนก็สาวเท้าก้าวออกจากประตูไปทันที เขาเอ่ยกับเย่ชิงหยู่และจางเจียวเจียวที่อยู่ด้านหลังว่า “ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก พวกคุณกินข้าวกันได้เลย ไม่ต้องรอผม”
มองเห็นเงาหลังของฟางเหยียนก้าวออกไป เย่ชิงหยู่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จางเจียวเจียวเดินออกจากห้องมาพอดี ในมือยังถือรูปภาพของเย่เทียนเอาไว้ บนหน้ามีคราบน้ำตาอยู่บ้าง เมื่อเห็นแผ่นหลังของฟางเหยียนที่กำลังจะจากไป หล่อนถอนหายใจ เอ่ยถาม “ฟางเหยียนจะไปไหนเหรอ?”
เย่ชิงหยู่ตอบว่า “ไม่รู้ค่ะ เขาบอกว่ามีธุระต้องออกไปจัดการสักหน่อย”
จางเจียวเจียวส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เด็กคนนี้ อะไรก็ดีไปหมด เพียงแต่ทำอะไรไม่รู้จักมาหารือกับลูกเท่านั้น”
“ใช่แล้ว ชิงหยู่ ลูกรู้ไหมว่าฟางเหยียนทำอะไรอยู่ข้างนอก ทำไมแม่รู้สึกว่าพักนี้เขาแปลกๆ ไปกันนะ พฤติกรรมคำพูดก็ไม่เหมือนเดิม เมื่อกี้ลูกก็เห็นใช่ไหม เขาดูคุ้นเคยกับจางเทาหัวหน้ากองบังคับกฎหมายมากเลย”
เย่ชิงหยู่ลังเลไปแวบหนึ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ในใจพอดีเหรอ? จนปัญญาที่เอได้แต่ส่าหน้าแล้วตอบว่า “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
จางเจียวเจียวพยักหน้ารับเอ่ยอย่างใช้ความคิด “อันที่จริงนี่ก็ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่เขาดีกับลูกก็พอแล้ว เมื่อก่อนพ่อของลูกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทำอะไรก้ไม่เคยมาบอกแม่เลย ตอนแรกๆ แม่ยังนึกโกรธอยู่ แต่หลังๆ มาแม่คิดตกแล้ว ความจริงแล้วโกรธเขาไปก็เท่านั้น ไม่สู้ปลงๆ ไปเสียดีกว่า ขอแค่เขาไม่ทำเรื่องที่ทรยศหักหลังเราก็พอแล้ว”
เย่ชิงหยู่ร้องอืมพยักหน้ารับคำ แต่ในใจเอยังคงนึกสงสัยในตัวของฟางเหยียนยิ่งนัก สรุปแล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ทำไมแม้แต่ฐานะตัวตนอันใดของตัวเองก็ไม่ยอมบอกแก่ตนเลย
คุณไม่พูด ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะหาทางไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงต่อสายหาเฉิงฉู่
——–