จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 195
ฟางเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง เรียกเขาว่าพี่เขยอย่างนั้นเหรอ เย่ชิงหยู่ไม่มีน้องชาย อย่าบอกนะว่า…เขานึกออกแล้ว ต้องเป็นเวินกวางน้องชายของเวินหลานแน่ๆ เขาจึงถามขึ้นว่า “หัวสีทอง เจาะหู ท่าทางดูเป็นอันธพาลใช่ไหม”
หวังชิงชิงพยักหน้า “ใช่ค่ะคุณชาย คนนั้นเลยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนเจาะจงขนาดนั้น หรือว่าจะเป็นน้องชายของภรรยาฟางเหยียนจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องจริง งั้นก็แสดงว่าชีวิตส่วนตัวของคุณชายต้องเละเทะแน่ๆ
“คุณชาย เขาคงไม่ใช่น้องของภรรยาคุณใช่ไหม” หวังชิงชิงเห็นว่าฟางเหยียนไม่พูดอะไร จึงถามขึ้นอย่างหวาดระแวง
ฟางเหยียนส่ายหน้า “ไม่ใช่”
เมื่อได้ยินฟางเหยียนพูดแบบนั้น หวังชิงชิงจึงถอนหายใจออกมา “ค่ะ งั้นฉันจะไปไล่เขา”
ฟางเหยียนโบกมือไปมา “ไม่ต้องไปไล่เขา เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พูดจบ ฟางเหยียนหยิบมือถือออกมา เสียงปลายสายดูรุนแรงและหงุดหงิด
“ฮัลโหล ใคร มีเรื่องอะไร”
“ฉันเอง ฟางเหยียน”
“ฉิบหาย!” อีกฝ่ายสบถออกมา จากนั้นจึงพูดว่า “ลูกพี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
เป็นเสียงของเฮียเตา เขาคิดไม่ถึงว่าฟางเหยียนจะโทรหาเขา
“มาที่ฟางซื่อกรุ๊ป ฉันมีคนให้นายจัดการ ถือว่านายช่วยฉันแล้วกัน”
“ได้ครับลูกพี่ ผมจะรีบไป!”
ฟางเหยียนวางสายแล้วเดินลงไปข้างล่าง หวังชิงชิงเดินตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงหน้าประตูบริษัท เวินกวางพูดกับรปภ.ทั้งสองคนว่า “ฉันจะบอกให้นะ พวกนายอย่าดูถูกคน พี่เขยของฉันเป็นหัวหน้าของที่นี่ ถ้าฉันบอกเรื่องที่พวกนายล่วงเกินฉันให้พี่เขยฟัง พวกนายต้องโดนไล่ออกแน่”
“พวกนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ถ้าไม่รู้ก็ลองไปถามที่เขตเหนือได้เลย ฉันครองถนนหลายสาย มีพรรคพวกกว่าร้อยคน แค่ฉันออกคำสั่ง พรรคพวกของฉันก็จะมาจัดการพวกนาย”
ขณะนั้น ฟางเหยียนกับหวังชิงชิงเดินมาที่หน้าประตู เวินกวางเห็นทั้งสองคน แต่เขากลับมองหวังชิงชิงเป็นคนแรก เพราะเรียวขาสวยของเธอมันบาดตา ถ้าเขาได้จับสักหน่อย ให้อายุลดลงสิบปีก็ยอม
เขาเลียปาก แล้วละสายตาไปมองฟางเหยียน จากนั้นจึงพูดว่า “พี่เขย ในที่สุดผมก็หาพี่เจอ”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร แค่เดินเข้ามาหาเขาเงียบๆ เวินกวางจับแขนฟางเหยียนอย่างหน้าไม่อาย เขาพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “พี่เขย ไอ้สองคนนี้มีตาหามีแววไม่ มันจะไล่ผมไป ผมบอกว่าพี่เป็นพี่เขยของผม แต่พวกมันไม่เชื่อ”
“เฮ้ย พวกแกสองคนเห็นหรือยัง” เขาพูดข่มขู่รปภ.ทั้งสองคน “ท่านนี้คือพี่เขยของฉัน ต่อไปก็แหกตาดูด้วย ถ้าใครกล้าไล่ฉันอีก พี่เขยไม่ปล่อยพวกแกไปแน่”
ฟางเหยียนมองเขาอวดดีอย่างเงียบๆ
เขาหัวเราะคิกคักแล้วเดินเข้ามาหาฟางเหยียน และเงยหน้ามองตึกฟางซื่อกรุ๊ป “พี่เขย พี่ทำอะไรที่นี่เหรอ ที่นี่มันเจ๋งมากเลยนะ ได้ยินว่าเป็นของตระกูลฟางแห่งเจียงตู โคตรเจ๋งเลย พี่ช่วยหาตำแหน่งให้ผมหน่อยได้ไหม ให้ผมเป็นรปภ.ก็ได้ พี่ก็รู้ถึงความสามารถของผม ผมสามารถเรียกลูกน้องในแก๊งมาได้ตลอด”
พูดพลางเขาก็ตบอกตัวเองเหมือนคิดว่าตัวเองเจ๋งมาก
ฟางเหยียนยังไม่ตอบอะไร สำหรับพวกน่าเบื่อแบบนี้ ถ้ายิ่งไว้หน้าเขา เขาจะยิ่งได้ใจ
แต่เขาไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนอะไร เขามองหวังชิงชิงที่ยืนข้างฟางเหยียน แล้วหัวเราะคิกคักแล้วถามว่า “พี่เขย สาวสวยคนนี้เป็นเพื่อนของพี่เหรอ แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยได้ไหม ผมอยากเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อ”
เวินกวางหน้าไม่อายมาก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังชิงชิงมีสีหน้าขยะแขยง ถ้าให้เธอทานข้าวกับคนแบบนี้ สู้ไม่ทานจะดีกว่า แต่เธอยอมกับความหน้าด้านของไอ้หมอนี่จริงๆ กว่าจะหน้าด้านได้ขนาดนี้คงไม่ง่าย
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนไม่ตอบอะไร เขาจึงตบหัวตัวเองแล้วพูดว่า “พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอใช่ไหม พี่เขยทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ถ้าพี่สาวผมรู้ เธอไม่ปล่อยพี่แน่ แต่พี่วางใจได้เลย ผมไม่บอกพี่สาวหรอก ถ้าจะให้ผมรักษาความลับต้องมีค่าตอบแทน เอาเงินมาให้ผมใช้สักสามสี่หมื่นก็ได้”
เวินกวางถูกเลี้ยงมาจนกลายเป็นคนที่หน้าไม่อาย มิน่าล่ะขนาดเวินหลานยังไม่อยากสนใจเขาเลย
เมื่อเห็นฟางเหยียนไม่ตอบ เขารู้สึกหงุดหงิด “พี่เขยหมายความว่ายังไง ทำไมไม่ตอบผม หรือเพราะผมมาหาพี่แบบกะทันหัน พี่เลยรู้สึกเซอร์ไพรส์”
ขณะนั้นมีรถแลนด์โรเวอร์สีดำคันหนึ่งเข้ามาจอดที่หน้าประตูบริษัทพร้อมกับรถตู้หลายคัน มีชายร่างกายกำยำเดินลงมาจากรถตู้ คนที่เป็นหัวหน้าคือคนที่มีรอยสัก เป็นเจ้าพ่อในเขตเหนือชื่อว่าเฮียเตา
เมื่อเห็นเฮียเตากับคนอื่นๆ เวินกวางกลัวหัวหด เขาไม่พูดอะไร แววตาวูบไหว
มันเป็นแววตาแห่งความหวาดกลัว
แต่เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและรีบพูดติดๆ ขัดๆ ออกมาว่า “พวกนาย พวกนายมาทำอะไร พี่เขยฉันอยู่ที่นี่ ถ้าพวกนายกล้าแตะต้องฉัน พี่เขยไม่ปล่อยพวกนายไว้แน่ อย่าลืมสิว่าเมื่อวานพวกนายโดนจัดการยังไง”
เฮียเตามองไปยังฟางเหยียนเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาเหมือนเป็นสัญญาณให้ลงมือ
เฮียเตาพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นจึงแกว่งมือแล้วพูดว่า “พวกเรา พาไอ้สวะนี่ไป ฉันจะหักขาทั้งสองข้างของมัน ให้มันเป็นขอทานในภาคตะวันออกแห่งเมืองตลอดไป กล้ามาหลอกฉันอย่างนั้นเหรอ”
คนชั่วมักจะเจอคนที่ชั่วกว่า เวินกวางหน้าไม่อายได้ แต่เขากลัวคนที่อยู่ในแวดวงนี้มาก
“อย่านะ!” เวินกวางตะโกนพลางวิ่งไปหาฟางเหยียน แต่ทว่าฟางเหยียนกลับเดินถอยหลัง เวินกวางเรียกฟางเหยียนอย่างสิ้นสุด “พี่เขยช่วยผมด้วย!”
เขาโดนรปภ.สองคนขวางเอาไว้ เวินกวางตวาดใส่ “นั่นพี่เขยฉัน พวกแกตาบอดหรอ”
ขณะที่เวินกวางกำลังจะพูดอะไรออกมา ฟางเหยียนแสยะยิ้มออกมา จนทำให้เวินกวางใจวูบโหวง นี่มันหมายความว่าอะไร อย่าบอกนะว่าเขาเรียกเฮียเตามา
เฮียเตาเดินมาข้างหลังเวินกวาง แถมยังพาลูกน้องมาล้อมเวินกวางไว้ด้วย
เวินกวางจะร้องก็ร้องไม่ออก เขาพูดหน้าสลดว่า “เฮียเตา ผม ผม พี่ไม่คิดจะทำจริงๆ ใช่ไหม”
“เอาตัวไป!” เฮียเตาตวาดออกมา เวินกวางถูกคนจับเอาไว้ทันที
ขณะนั้น ฟางเหยียนจึงก้าวขึ้นมาแล้วพูดว่า “อาเตา ฉันไม่ชอบคนที่มาสร้างความวุ่นวายในบริษัทเวลากลางวันแสกๆ แบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นไอ้หมอนี่มาอยู่ในสายตาของฉันอีก นายคงจะรู้ว่าควรจัดการยังไง”
เฮียเตาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “รู้ครับ คุณวางใจได้เลย ผมจะจัดการอย่างไร้ร่องรอย รับรองว่าไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหนอย่างแน่นอน”
เวินกวางได้ยินก็เหงื่อแตกพลั่ก นี่ไม่ใช่ฉากในละคร จะฆ่าคนปิดปากเหรอ
เขารีบส่ายหน้า “ไม่เอา อย่านะ!”
อาเตารับคำสั่งแล้วลากเวินกวางขึ้นรถตู้
หวังชิงชิงตกตะลึง เธอถามขึ้นว่า “คุณชายจะฆ่าเขาจริงๆ เหรอคะ