จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 196
ถึงแม้เวินกวางจะน่าขยะแขยง แต่เขาไม่ได้ทำผิดถึงขั้นที่ต้องฆ่าแกง ถึงตระกูลฟางเป็นตระกูลแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฆ่าใครได้ตามอำเภอใจ แค่พูดคำเดียวคุณชายคนนี้ก็สามารถเรียกพรรคพวกมาได้ อย่าบอกนะว่าเขาคือเจ้าพ่อในแวดวงนั้นจริงๆ
ฟางเหยียนแสยะยิ้มออกมา แล้วตอบว่า “ใช่ ใครใช่ให้เขาพูดไม่ดีกับเธอล่ะ”
“หา!” หวังชิงชิงอ้าปากค้างแล้วพูดว่า “คุณชายบอกว่าเขาพูดไม่ดีกับฉัน เลย…”
พูดไม่ทันจบ หน้าของเธอแดงระเรื่อ ส่วนฟางเหยียนเดินออกจากฟางซื่อกรุ๊ปไป
เมื่อเห็นฟางเหยียนเดินออกไป จิตใจของหวังชิงชิงกระวนกระวาย คำพูดของคุณชายคนนี้ทำให้คนคิดไปไกล ไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกผู้ชายเลวๆ ที่หว่านเสน่ห์ไปทั่วหรือเปล่า
เฮ้อ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายเลว แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ
หวังชิงชิงถอนหายใจออกมาและเดินเข้าไปในบริษัท
ตอนนี้จะกลับบ้านก็ยังไม่ถึงเวลา ดังนั้นฟางเหยียนจึงเรียกรถไปตงข่ายกรุ๊ป
เย่ชิงหยู่นั่งเตรียมข้อมูลที่จะใช้ในการคุยเรื่องความร่วมมืออยู่ในห้องทำงาน ขณะนั้นมีผู้หญิงในชุดทำงานสีขาวเดินเข้ามา “ประธานเย่ ข้างนอกมีคุณผู้ชายต้องการพบคุณค่ะ”
“ใช่ประธานเหลียงหรือเปล่า” เย่ชิงหยู่เงยหน้าขึ้นมาถามผู้ช่วย
ผู้หญิงในชุดขาวส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ เป็นผู้ชายที่ผอมมาก สวมเสื้อยืดกางเกงยีน เหมือนฉันเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออกค่ะ แต่เขาบอกว่ารู้จักคุณค่ะ”
“หืม?” เย่ชิงหยู่ครุ่นคิด ถ้าไม่ใช่ฟางเหยียนแล้วจะเป็นใคร ทำไมฟางเหยียนถึงมาที่นี่
“เรียกเขาเข้ามา” เย่ชิงหยู่พูดกับผู้หญิงชุดขาว
“ค่ะประธานเย่” พูดพลางผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกไป
ไม่นาน ฟางเหยียนเดินเข้ามาข้างใน เมื่อเห็นเย่ชิงหยู่กำลังก้มหน้าจัดการเอกสาร เขาอดพูดแซวไม่ได้ “ไม่เจอกันนานนะครับประธานเย่ ยุ่งอยู่ไหมครับ”
เย่ชิงหยู่ได้ยินเสียงก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที เธอเห็นฟางเหยียนพอดี
เธอมองฟางเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มหวานออกมา “นายมาที่นี่ได้ยังไง”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางเหยียนเห็นห้องทำงานตงข่ายกรุ๊ป ก่อนหน้านี้เข้าไม่เคยเข้ามาเลย
ฟางเหยียนยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ผมแค่แวะมาหาคุณ”
ขณะนั้นมีผู้หญิงสองสามคนแอบจ้องประตูห้องทำงานของเย่ชิงหยู่และพากันถกเถียงขึ้นมา
“เฮ้อ เธอว่าผู้ชายคนเมื่อกี้คือสามีของประธานเราหรือเปล่า ห้องทำงานของประธานไม่มีผู้ช่วยเข้าไปนานแล้ว”
“น่าจะใช่นะ ฉันได้ยินมาว่าสามีของประธานเป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านของผู้หญิง ก่อนหน้านี้อยู่ในบ้านตระกูลเย่ ต่อมาไปเป็นทหาร ตอนที่เกิดเรื่องกับตระกูลเย่เขาก็ไม่ได้กลับมา หลังจากที่ประธานของเราได้เป็นประธานของตงข่ายกรุ๊ป เขาก็กลับมา เมื่อกี้เขาใส่รองเท้าคอมแบต น่าจะเป็นทหารที่ปลดประจำการ”
“ดูการแต่งตัวของเขาสิ มาหาท่านประธานทั้งที แต่งตัวดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
“โอ๊ย มีอะไรให้แต่งล่ะ เธอไม่รู้ความคิดของคนแบบนี้เหรอ ตอนที่ตระกูลเย่เกิดเรื่อง เขาไม่ยอมกลับมา พอประธานเริ่มดีขึ้นเขาก็กลับมา คนแบบนี้เรียกว่าพวกเกาะผู้หญิงกินไม่ใช่หรือไง ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง รอแต่จะให้คนอื่นเลี้ยง ใครไม่ชอบแบบนี้บ้างล่ะ”
“ชิ พวกเธอจะรู้อะไร ประธานเย่มีอะไรดีเหรอ พวกเธอคิดว่าการที่ได้เป็นประธานและร่วมมือกับซีหนานกรุ๊ปเป็นความสามารถของเธออย่างนั้นเหรอ ที่เกิดเรื่องครั้งก่อนแต่ไม่โดนยกเลิกความร่วมมือ มันก็ชัดอยู่แล้วนิ เธอกับประธานหยางของซีหนานกรุ๊ป มีความลับที่ไม่อาจบอกได้ ฉันว่าสามีของเขารู้เรื่องนี้ดีเหมือนกัน”
“โห นี่สินะที่เรียกว่าแวดวงไฮโซ ฉันไม่ได้อยู่ในสังคมเดียวกับเขาเลยไม่มีทางเข้าใจ”
“พอเถอะ เบาๆ หน่อย ระวังอย่าให้คนอื่นได้ยิน”
จริงๆ ทุกคนแอบนินทาเย่ชิงหยู่ ภายนอกดูจริงใจกับเธอ แต่ในความเป็นจริงใครๆ ต่างเข้าใจว่าเธอขายเรือนร่างเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่มั่นคง
ฟางเหยียนนั่งมองเย่ชิงหยู่ทำงาน เย่ชิงหยู่พูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวจะมีประธานจากหนานหลิงมาคุยเรื่องโครงการกับฉัน เขาคุยกับฉันมาสักระยะแล้ว เหลือแค่เซ็นสัญญา ฉันขอเตรียมเอกสารก่อน นายรอฉันแป๊บหนึ่ง”
“อื้ม” ฟางเหยียนตอบเนิบๆ เมื่อเห็นว่าเย่ชิงหยู่สามารถทำงานในสายงานนี้ได้ เขารู้สึกวางใจขึ้นเยอะ
ลุงเย่เห็นหรือยัง ชิงหยู่สามารถดูแลตระกูลเย่แทนคุณได้แล้ว คุณวางใจเถอะ อีกไม่นานตระกูลเย่จะกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองจินโจว ทั้งหมดมันกำลังเป็นไปตามที่คุณคาดหวังไว้
“เกิดเรื่องแล้วค่ะประธานเย่” ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งกุลีกุจอเข้ามา “ดูเหมือนว่าระบบของบริษัทจะถูกไวรัสบางตัวเล่นงาน และตอนนี้ระบบของบริษัททั้งหมดไม่สามารถใช้งานได้ค่ะ”
“อะไรนะ” เย่ชิงหยู่ลุกขึ้นมา “รีบให้ฝ่ายเทคนิคจัดการ”
หญิงสาวคนนั้นพูดอย่างร้อนใจว่า “ฝ่ายเทคนิคบอกว่ามีคนจงใจเล่นงานค่ะ ถ้าอยากจะแก้ไข อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งวัน ถ้าเป็นแบบนี้ งานที่ออกแบบใหม่รวมถึงงานที่กำลังจะทำในอนาคตสามารถรั่วไหลออกไปได้ค่ะ”
เย่ชิงหยู่รีบพูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
พูดพลาง เธอเดินมาที่ห้องควบคุมระบบ ฝ่ายเทคนิคเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปี เขาสวมแว่นและคาบบุหรี่อยู่ที่ปาก ขณะนี้เขากำลังกดคีย์บอร์ด เมื่อเห็นเย่ชิงหยู่เดินเข้ามา เขามองเนิบๆ และไม่ได้พูดอะไร
“ลุงหลิวเกิดอะไรขึ้น ” เย่ชิงหยู่ถาม
ฝ่ายเทคนิคคนนี้ชื่อว่าหลิวเสวเหว่ย เป็นคนเก่าคนแก่ในบริษัท มีชื่อเสียงด้านเทคนิคในเมืองจินโจวอยู่ไม่น้อย ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับตระกูลจางก็ดีมาก เขาไม่ชอบที่เย่ชิงหยู่รับช่วงดูแลบริษัทต่อ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องภายในได้
ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับบริษัท เขาจึงไม่เดือดร้อน และทำท่าเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยไม่สนใจ
“ถูกแฮกแล้ว ดูท่าจะเป็นระบบระดับสูงจากต่างประเทศ ระบบภายในประเทศของเราไม่สามารถทำแบบนี้ได้ ถ้าอยากกู้ระบบอย่างน้อยต้องรอวันพรุ่งนี้” หลิวเสวเหว่ยพูดเนิบๆ ท่าทีของเขาไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
“งั้นข้อมูลลับของบริษัทจะไม่โดนโจรกรรมไปเหรอคะ” เย่ชิงหยู่พูดอย่างร้อนใจ
หลิวเสวเหว่ยพยักหน้าพูดว่า “ใช่ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ”
“ลุงหลิว คุณจะให้ข้อมูลของบริษัทโดนโจรกรรมไปเหรอคะ คุณช่วยคิดหน่อยสิ” เย่ชิงหยู่พูดออกมาอย่างร้อนใจ
เมื่อหลิวเสวเหว่ยได้ยินคำพูดของเย่ชิงหยู่ เขาชะงักมือที่กำลังกดคีย์บอร์ด และลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เธอจะดุทำไม เธอหรือฉันที่เป็นฝ่ายเทคนิค ฉันบอกเธอแล้วว่าเป็นระบบระดับสูงของต่างประเทศ ระบบของประเทศเราไม่สามารถทำอะไรมันได้ ถ้าเธอทำได้ก็มาทำเองสิ!”
เย่ชิงหยู่โดนดุจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะเธอรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถทางด้านนี้ เทคโนโลยีคืองานยาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำเป็น เย่ชิงหยู่ไม่ได้อยู่ในสายงานนี้ เธอจึงไม่รู้
เธอมีท่าทีอ่อนลง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะลุงหลิว ฉันแค่ใจร้อนไปหน่อย คุณอภัยให้ฉันด้วย ช่วยฉันคิดหน่อยนะคะ ดูว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ ได้ไหมคะ”
“ใจร้อนเหรอ คิดว่าฉันไม่ใจร้อนหรือไง นี่มันอะไรกัน รู้หรือเปล่าว่าบริษัทข้างนอกมาหาฉันตั้งกี่บริษัท ถ้าฉันไม่เห็นแก่ตระกูลจาง ฉันไปตั้งนานแล้ว” หลิวเสวเหว่ยเห็นเย่ชิงหยู่อ่อนข้อให้ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเพื่อให้ตัวเองดูดี