จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 198
อาชีพที่เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี จะต้องพิสูจน์ด้วยฝีมือ ฟางเหยียนไม่เพียงแค่ใช้ความสามารถมาเอาชนะหลิวเสวเหว่ย ตอนที่อยู่ในพื้นที่ พวกเขาต้องเจอกับระบบจากต่างประเทศอันแข็งแกร่งที่คอยกลืนกินทุกวัน ดังนั้นเทคโนโลยีระดับสูงของประเทศหวาได้ทำการวิจัยระบบการโจมตีแฮกเกอร์ พอดีกับที่เทคโนโลยีเป็นของคนที่ฟางเหยียนเคารพ ตอนที่เขาว่างๆ ก็จะไปเรียนกับคนๆ นี้
ระบบของบริษัทพวกนี้เป็นระบบแบบง่ายๆ ดังนั้นเมื่อฟางเหยียนทำการแก้ไขจึงไม่ต้องใช้ความคิดเยอะ
เย่ชิงหยู่ตกใจกับภาพตรงหน้า เธอไม่รู้จักเกี่ยวกับด้านเทคนิคหรือเทคโนโลยี แต่เมื่อเห็นหลิวเสวเหว่ยยอมแพ้ให้กับฟางเหยียน นี่ก็พอที่จะบอกได้ว่าฟางเหยียนเก่งด้านนี้ ฟางเหยียนมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ เธอคิดไม่ถึงจริงๆ
เมื่อเห็นดังนั้น เธอจึงรีบเข้าไปจับมือของหลิวเสวเหว่ย “ลุงหลิว อย่าทำแบบนี้สิคะ ลุกขึ้นมาเถอะ ฟางเหยียนแค่พูดล้อเล่น รีบลุกขึ้นเถอะค่ะ!”
หลิวเสวเหว่ยไม่เพียงแต่จะไม่ลุกขึ้นมา แถมยังยกมือขึ้นมาจับมือของเย่ชิงหยู่ “ไม่ๆๆๆ ชิงหยู่ ลุงว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจสายงานของเรา ตั้งแต่ลุงเคยเจอมา ฝีมือของเขายอดเยี่ยมมาก ลุงไม่ได้ทำเพราะคำพูดเมื่อกี้ แต่ลุงเลื่อมใสในฝีมือของเขาจริงๆ ฝีมีของเขายอดเยี่ยมมาก พูดได้เลยว่าในบรรดาคนที่ลุงรู้จัก เขาสุดยอดจนไม่มีใครเทียบได้ อายุยังน้อย แต่มีฝีมือด้านคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ นี่เรียกว่าอัจฉริยะในสายงานนี้เลย”
ถึงหลิวเสวเหว่ยจะเป็นคนปากแข็งมาก แต่เขาไม่ใช่พวกคนแก่หัวรั้น เรียกได้ว่าเป็นคนรักษาคำพูด การที่เขากล้าคุกเข่าต่อหน้าคนอื่น ก็อธิบายได้แล้วว่าเขากล้าพูดกล้าทำ ไม่ใช้คนที่หัวหด คนแบบนี้สามารถให้อยู่เป็นผู้ช่วยของเย่ชิงหยู่ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฟางเหยียนจึงพยุงเขาขึ้นมาแล้วพูดว่า “ลุงหลิว เมื่อกี้ผมแค่พูดเล่น ต่อไปตงข่ายกรุ๊ปกับเย่ชิงหยู่ยังต่อพึ่งพาคุณ”
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ชิงหยู่ คนแบบนี้มาคุกเข่าต่อหน้าเขา มันเป็นเรื่องปกติ คุกเข่าพูดกับเขาน่ะเหมาะสมแล้ว
หลิวเสวเหว่ยรีบโบกมือไปมา “ไม่ๆๆๆ คนอย่างฉันอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ มีนายอยู่จะกังวลปัญหาด้านเทคโนโลยีทำไมล่ะ ฉันจะทำตามที่พูดเอาไว้ ฉันจะไปจากที่นี่เอง แต่ฉันหวังว่านายจะรับฉันเป็นศิษย์”
ฟางเหยียนถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนที่สบายๆ เทียบไม่ได้กับคนที่เคารพในสายงานแบบพวกคุณหรอก เรื่องรับเป็นศิษย์ไม่จำเป็นหรอก ผมรู้ไม่มากหรอก มีบางเรื่องเท่านั้นที่สามารถสอนคุณได้ แต่คุณอย่าเอาความรู้ที่ผมสอนไปใช้ที่บริษัทอื่นเลย อยู่ที่นี่ต่อเถอะ ต่อไปบริษัทยังมีงานใหญ่อีกเยอะ”
คำพูดของฟางเหยียน ทำให้ใจของหลิวเสวเหว่ยมั่นคง เขากวาดตามองคนรอบๆ แล้วก้มหน้าพูดว่า “ตอนแรกฉันจะทำให้พวกนายอับอาย คิดไม่ถึงว่าคนที่อับอายจะเป็นตัวฉันเอง อายุปูนนี้แล้วยังไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน นี่คือปัญหาในชีวิตฉัน ในเมื่อนายพูดแบบนี้ งั้นฉันจะอยู่ที่นี่ต่อ”
พวกที่กำลังนินทาลับหลังว่าฟางเหยียนเป็นลูกเขยไร้ประโยชน์ที่แต่งเข้ามาในบ้านของผู้หญิง เป็นแมงดาเกาะผู้หญิงต่างพากันเดินออกไป ฟางเหยียนไม่ใช่คนที่เกาะผู้หญิงกิน ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะเก่งด้านคอมพิวเตอร์ขนาดนี้
ต่อจากนั้นฟางเหยียนจึงสอนปัญหาเกี่ยวกับระบบให้หลิวเสวเหว่ย เมื่อเขาได้ฟังก็งงไปหมด อีกทั้งยังหยิบปากกาขึ้นมาจดด้วย เพราะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
เพราะมันเป็นถึงระดับประเทศ จากระดับความสามารถของหลิวเสวเหว่ยในตอนนี้ เขายังต้องเรียนรู้ต่อไป
หลังจากผ่านไปสิบนาที ฟางเหยียนจึงเดินกลับมาที่ห้องทำงานกับเย่ชิงหยู่ เมื่อมาถึงห้องทำงาน เย่ชิงหยู่ถามฟางเหยียนอย่างแปลกใจ “ฟางเหยียน นายทำอะไรเป็นอีกเนี่ย ทำไมฉันรู้สึกว่านายทำเป็นทุกอย่างเลย”
เมื่อก่อนถ้าพูดว่าฟางเหยียนเจ๋งก็เหมือนกับการพูดโม้ แต่หลังจากที่เขากลับมาจากทหาร เขาก็เก่งทุกอย่าง เขาทำก๋วยเตี๋ยวรสชาติที่ไม่มีขายในเมืองจินโจว ทำให้คนหยุดทานไม่ได้ เขาเตะต่อยเป็น ผู้ชายร่างกายกำยำเจ็ดแปดคนมายืนต่อหน้าเขาก็สู้ไม่ได้ เขาใช้เวลาไม่นานก็จัดการพวกนั้นจนล้มลงไปกองบนพื้น ตอนนี้ยังเก่งด้านคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่เรียกว่าอัจฉริยะรอบด้านจะเรียกว่าอะไร ตอนนี้ฟางเหยียนทำให้เย่ชิงหยู่เปิดโลกใหม่หลายต่อหลายครั้ง
เธอสงสัยมากว่าตอนนี้ ฟางเหยียนคนนี้คือคนที่เธอรู้จักใช่ไหม
ฟางเหยียนยิ้มอย่างสบายใจ “ผมเป็นทหาร ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง คนในกองทัพของผมมีทหารที่เป็นช่างเทคนิค ผมเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มาจากเขา เทคนิคพวกนั้นยากกว่าเทคนิคของบริษัทต่างประเทศมาก เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับการโจมตีของแฮกเกอร์จากต่างประเทศ ดังนั้นก็เลยต้องหาวิธีโจมตีระบบกลับ”
เย่ชิงหยู่พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เธอรู้สึกคิดไม่ถึงจริงๆ
“งั้นนายยังรู้อะไรอีก บอกฉันมาทั้งหมดเลยได้ไหม” เย่ชิงหยู่ถามอย่างแปลกใจ
ฟางเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “คุยจะได้รู้ทีละนิด ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร”
ฟางเหยียนทำได้หลายอย่าง คงพูดไม่หมดในเวลาอันสั้น
เย่ชิงหยู่นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วพูดว่า “โอเค งั้นฉันขอเตรียมเอกสารต่อ”
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องทำงานของเย่ชิงหยู่ ชายวัยกลางคนแต่งตัวเป็นทางการ สูทสุดเนี๊ยบ ผมถูกจัดทรงด้วยเจลจนแวววับ รูปร่างสมส่วน ใบหน้าดูสุภาพเรียบร้อย
มีชายชุดดำเดินตามหลังเขาสองคน ดูก็รู้ว่าคือผู้ช่วยไม่ก็บอดี้การ์ด
เมื่อเย่ชิงหยู่เห็นชายคนนั้น เธอรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยสีหน้ากล้าๆ กลัวๆ เธอยื่นมือออกมาข้างหน้าแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะ ประธานเหลียง ทำไมคุณมาไม่บอกฉันก่อนล่ะคะ ฉันไม่ได้ไปต้อนรับคุณเลย”
คนที่ชื่อประธานเหลียงโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกคุณเย่ชิงหยู่ ผมมาแบบกะทันหัน ดูว่าสถานการณ์จริงของบริษัทคุณเป็นอย่างไร ถ้าผมบอกแล้วพวกคุณเตรียมตัวไว้ก่อน ก็ไม่ดีกับความร่วมมือของเราสิ”
เย่ชิงหยู่หัวเราะ “ประธานเหลียง ทำอะไรรอบคอบจริงๆ นะคะ ไม่เสียแรงที่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเขตซีหนานของเรา”
เหลียงจงเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเขตซีหนาน ทรัพย์สินหมื่นล้านพอๆ กับหวงหยวนฉาว เมื่อรู้ว่าหวงหยวนฉาวมาลงทุนในเมืองจินโจว เขาจึงมาที่นี่เพื่อเตรียมจะลงทุนด้านอื่นๆ
เรียกได้ว่ามีหลายอย่างที่เขาเลียนแบบหวงหยวนฉาว แต่คนๆ ไม่ได้ถ่อมตัวเหมือนหวงหยวนฉาว เขาค่อนข้างยโสแถมยังหื่นกามอีกด้วย เพราะว่ากิจการพวกนี้ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นสิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ เขาเป็นลูกคนรวย ดังนั้นจึงมีนิสัยเสียแบบพวกลูกคนรวย
เหลียงจงโบกมือไปมา “พูดอะไรแบบนั้น ผมต้องมาดูถึงจะสบายใจ แกสองคนลงไปก่อน ฉันจะคุยเรื่องความร่วมมือสองต่อส่องกับประธานเย่”
พูดจบ เหลียงจงก็หันไปมองฟางเหยียน เย่ชิงหยู่พูดขึ้นมาว่า “นี่คือ…”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ฟางเหยียนก็พูดออกมาว่า “พวกคุณไม่ต้องสนใจผมหรอก ผมมาซ่อมคอมพิวเตอร์”
เย่ชิงหยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “ใช่ค่ะ เมื่อเช้าระบบมีปัญหานิดหน่อย เขามาซ่อมคอมพิวเตอร์ให้ฉันค่ะ”
เหลียงจงพยักหน้าเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา