จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 202
หญิงสาวที่ยืนอยู่นอกประตูเหล่านั้น ใช้สายตาแห่งความอิจฉามองไปที่เย่ชิงหยู่และฟางเหยียนทั้งหมด มีผู้ชายแบบฟางเหยียนปกป้องอยู่ เย่ชิงหยู่ทำให้คนอิจฉาได้จริงๆ
แจ่เย่ชิงหยู่จะไปมีอารมณ์ฟังคำพูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน ตอนนี้กังวลจนไม่ไหวแล้ว
โทรศัพท์ที่เหลียงจงโทรไปมีคนรับแล้ว ปลายทางเป็นเสียงของหวงหยวนฉาวดังขึ้น
“ฮาโหล เสี่ยวเหลียงมีธุระอะไรมั้ย ทำไมถึงได้โทรหาฉันได้ละ”
เพื่อจะให้เย่ชิงหยู่ได้ยิน เหลียงจงจึงจงใจกดเปิดลำโพง เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทางเดินของด้านนอกประตูเงียบสงัดลง ทุกคนจ้องไปที่มือถือที่อยู่ในมือของเหลียงจงอย่างระมัดระวัง ในใจของเย่ชิงหยู่เต้นไม่เป็นจังหวะไม่หยุด หมดกัน เขาโทรไปหาหวงหยวนฉาวจริงๆ ตงข่ายกรุ๊ปจบเห่แล้วงานนี้
เหลียงจงจ้องมองฟางเหยียน ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเลศนัย แล้วพูดกับปลายทางในมือถือ “ท่านหวง คืออย่างนี้ครับ ท่านได้ลงทุนกับบริษัทหนึ่งที่เมืองจินโจว ที่ชื่อตงข่ายกรุ๊ปใช่มั้ยครับ?”
หวงหยวนฉาวกล่าว “ใช่ครับ นั่นเป็นกิจการที่ผมลงทุน ทำได้ไม่เลว ก่อนหน้านี้เพิ่งจะลงเสื้อผ้าไปหนึ่งล็อต ทำไมเหรอ? เสี่ยวเหลียงสนใจเมืองจินโจว? ถ้าสนใจละก็สามารถคุยกับคุณเย่ของตงข่ายกรุ๊ปได้นะ”
เหลียงจงกล่าว “ไม่มีอะไรครับ คืออย่างนี้ครับ ถ้าท่านหวงสนใจละก็ ทำไมถึงไม่ถอนทุนออกจากตงข่ายกรุ๊ป แล้วมาร่วมมือกันเล่นๆที่เมืองจินโจวแห่งนี้ละครับ ผมสามารถให้บริการระดับสูงกับท่านอีกทั้งทรัพย์สิน ท่านคิดว่าไงบ้างครับ?”
ทันใดนั้นเสียงปลายทางก็เงียบสงบลง เหลียงจงมองฟางเหยียนและเย่ชิงหยู่อย่างสะใจ คิดในใจพวกแกจบเห่แล้ว ฉันจะดูว่าพวกแกจะเอาอะไรมาเล่นกับฉัน เหลียงจงอยากได้เงินก็มีเงิน อยากได้อำนาจก็มีอำนาจ เย่ชิงหยู่ไม่มีข้อดีอะไรมาดึงดูดซีหนานกรุ๊ปได้เลยจริงๆ
เพื่อความมั่นใจ เหลียงจงพูดต่อว่า “ผมมีน้องสาวอยู่ที่นี่ ยังวัยรุ่นอยู่ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ปีนี่ยี่สิบปี ถ้าท่านหวงตกลง ผมจะให้เธอเป็นเลขาของท่าน”
“บังอาจ!” เสียงปลายทางตะคอกออกมา เสียงตะคอกนี้ทำเอาเหลียงจงตกใจจนมือถือเกือบตกพื้น
“เหลียงจง ให้เห็นแก่พ่อของฉัน จึงได้สร้างความสัมพันธ์กับแก แต่คำพูดที่แกพูดวันนี้ ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ การร่วมมือกันของตงข่ายกรุ๊ปและซีหนานกรุ๊ป เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ และมันจะเป็นไปตลอดกาล ถ้าแกกล้าคิดไม่ได้กับตงข่ายกรุ๊ป ฉันหวงหยวนฉาวจะไม่ปล่อยแกไว้แน่”
“ฉันเตือนแกไว้อย่าง อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ บางคนแกก็แตะต้องไม่ได้นะ”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หวงหยวนฉาวก็ได้วางสายไป เหลียงจงได้ยินประโยคนี้ถึงกับอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก นี่คือคำพูดของหวงหยวนฉาวพูดกับตนเหรอ? ทำไมเพื่อเย่ชิงหยู่เขาจึงได้พูดประโยคนี้กับตนได้นะ?
เดิมทีที่เปิดลำโพงก็เพื่อแสดงจุดยืนของตัวเอง ใครจะรู้ว่าจู่ๆจะถูกตบหน้าอย่างรุนแรงขนาดนี้ คำพูดนี้ของหวงหยวนฉาว โหดร้ายยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับการตบเมื่อกี้ของฟางเหยียนบนใบหน้าของเขา
เมื่อฟางเหยียนเห็นเหลียงจงที่อ้าปากค้าง จึงได้ยิ้มออกมา แล้วถาม “เหลียงจง การแสดงของแกจบหรือยัง?”
เหลียงจงดึงสติกลับมา จากนั้นก็มองไปหาฟางเหยียน ปากที่อ้าค้างไว้ได้หุบเข้าหากัน จากนั้นก็ตะโกน “แกคิดว่าแกเป็นใคร? หวงหยวนฉาวไม่ให้เกียรติฉัน ก็แค่มองข้ามความดีของคนอื่น ฉันจะจัดการแกให้ได้”
“เหรอ? ฉันก็อยากจะดูว่าแกจะจัดการฉันยังไง” ฟางเหยียนพลางพูด พลางโทรออก
ไม่นานปลายทางรับสาย ฟางเหยียนพูดกับปลายทางด้วยความสงบ “ฉันอยากเห็นบริษัททั้งหมดที่อยู่ในมือของเหลียงจงล้มละลาย!”
พูดจบ เขาจึงวางสายไป จ้องไปที่เหลียงจงอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
สีหน้าของเหลียงจงเปลี่ยนไป แล้วตะโกน “แกคิดว่าแกเป็นใคร แค่โทรแล้วจะทำให้ฉันล้มละลายได้ กิจการของฉันใหญ่ขนาดนั้น แกคิดว่าแกมีปัญหาขนาดนั้น? เด็กน้อย ฉันจะให้แกได้รับการลงโทษที่แกควรจะได้รับ”
คนที่อยู่ข้างนอกต่างงงงวย ฟางเหยียนนี่เป็นนักแสดงตัวพ่อไปแล้วเหรอ? ทำแบบนี้ แค่โทรก็ทำให้เหลียงจงเศรษฐีอันดับสองเขตซีหนานล้มละลายได้ นี่มันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแท้ๆ
เหลียงจงไม่ใส่ใจโทรไปที่เขตซีหนาน แล้วพูดกับปลายทางว่า “ฮาโหล ไม่ทราบว่าคุณคือซ่งฉาวอู่เฮียซ่งหรือเปล่าครับ? ผมมีปัญหาที่เมืองจินโจวนิดหน่อย คุณพอจะเรียกคนที่เขตเมืองจินโจวมาจัดการให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ?”
“คนนั้นชื่อฟางเหยียน ผมอยากเห็นเขาถูกจับ ไปขังไว้ในเรือนจำที่โหดร้ายที่สุด เมื่อกี้เขาตบผมไปสองฉาด มันช่างอัปยศอดสูเหลือเกิน คุณน่าจะรู้ว่าน้องชายอย่างผมทนไม่ได้”
ซ่งฉาวอู่ของเสียงปลายสายถามอีกครั้ง “คุณบอกว่าคนนั้นชื่ออะไรนะ?”
“ฟางเหยียน!” เขาพูดซ้ำอีกครั้ง จากนั้นกล่าว “เด็กน้อย จะบอกให้นะ นี่เป็นเบอร์ของเขต เขตซีหนานจะส่งคนมาจับแก ฉันจะเอาแกให้ตาย รอความตายได้เลย! ”
“ตู๊ดๆๆ!” เขาเพิ่งพูดจบ ทางนั้นก็วางสายไปทันที
เหลียงจงคิดในใจ เฮียซ่งจัดการอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว
“ไอ้เด็กเปรต แกรอได้เลย!”
พูดจบ เขาได้เดินออกจากห้องทำงานของเย่ชิงหยู่อย่างเร็ว
เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูห้องทำงาน มือถือของเขาก็ดังขึ้น หลังจากที่เขารับสายแล้ว ก็แข็งทื่อไปทั้งตัว
“ประธานเหลียง ไม่ได้การแล้ว คู่ค้าทั้งหมดของเหลียงซื่อกรุ๊ปจู่ๆก็ยกเลิกสัญญาทั้งหมด บริษัทเสียหายไปกว่าห้าร้อยล้าน”
แม้เหลียงจงจะลามกจนเป็นนิสัย แต่บริษัทของเขามั่นคงมาโดยตลอด เขาสืบทอดบริษัทที่มั่นคงนั้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แล้วตอนนี้จู่ๆจะยกเลิกการเป็นคู่ค้ากะทันหันได้อย่างไรกัน? ตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ไม่สิ พวกธุรกิจนั้นต้องพึ่งพาตนจึงจะไปรอด แล้วทำไมจู่ๆพวกเขาถึงได้ยกเลิกการเป็นคู่ค้าได้? หรือเป็นฝีมือของคนซ่อมคอมพิวเตอร์คนนั้นจริงๆงั้นเหรอ?
คิดอะไรอยู่? ก็แค่คนซ่อมคอมพิวเตอร์ จะชี้เป็นชี้ตายธุรกิจของตนได้เลยเหรอ? ตัวเองเป็นใคร? เหลียงจงนะ เศรษฐีอันดับสองของเขตซีหนาน แล้วเขาเอาเรื่องนี้ไปสัมพันธ์กับคนนั้นได้อย่างไรกันเล่า?
ในขณะที่ในหัวของเหลียงจงเต็มไปด้วยเหมือนสิ่งที่เป็นแป้งนั้น มือถือก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง ปลายทางยังคงส่งเสียงที่ร้อนใจออกมา “ประธานเหลียง เมื่อกี้ธนาคารโทรเข้ามา จะตัดเงินสภาพคล่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จงเทียนของเรา บริษัทหมุนเงินไม่ทัน ถ้ายังไม่ฟื้นสภาพ ความเสียหายต่อวันอาจจะเป็นหลักสิบล้านได้”
เหลียงจงเหมือนถูกฟ้าผ่าก็มิปราณ แม้แต่ธนาคารก็ตัดสภาพคล่องของเขาเหรอ?
เดิมทีคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซาน แต่ใครจะรู้แค่ภายในเวลาไม่กี่นาที จะต้องเจอกับความเสียหายมากมายขนาดนั้น
“โอเค ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้!” เหลียงจงพูดกลับไปอย่างเคร่งเครียด สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียวในทันใด
เขาเดินไปถึงหน้าประตูของตงข่ายกรุ๊ป ถอนหายใจยาวๆ เหมือนกับเพิ่งเดินออกจากนรกอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้ เริ่มเชื่อคำพูดของคนนั้นบ้างแล้ว! หรือ เป็นเขาที่ทำจริงๆนะ?
เขาหยิบมือถือขึ้นมา โทรไปหาธนาคาร ปลายทางรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงที่ค่อนข้างเป็นทางการดังขึ้น
“ฮาโหล สวัสดีครับ ผมคือเหลียงจงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จงเทียน มิทราบว่าเงินสภาพคล่องของผมเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“คุณเหลียง เบื้องบนได้สั่งการไว้ ว่าให้ระงับบัญชีทั้งหมดของคุณที่มีในธนาคารของผม