จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 244
หลังจากที่เห็นลินคอล์นถูกขับออกไปแล้วนั้น ฟางเหยียนได้เงยหน้ามองไปรอบๆท้องฟ้า ท้องฟ้าในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทั้งหมด
“เขามาแล้วเหรอ?” ฟางเหยียนหลับตาแล้วถามตัวเอง
เขาที่เขาพูดถึง หมายถึงอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลเซียว อำนาจนั้นยิ่งใหญ่จนหาที่เปรียบมิได้ และการที่มีฝีมือแบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเงยหน้าขึ้น มองไปยังความมืดทมิฬ แล้วถาม “แกเป็นใคร?”
“อภัยได้พึงให้อภัย!” เสียงวัวแก่ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง
“อาจารย์!” หลังจากที่เซียวติ่งที่อ่อนแอได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ได้อดกลั้นกับความเจ็บปวด เรียกขานนามนี้ออกมา ความเจ็บปวดทั้งกายได้ถูกลืมไปแล้ว และแทนที่ด้วยความดีใจ
ที่มาของเสียงพันไมล์ คืออาจารย์ที่เลี้ยงดูเขามากว่าสิบปี
ได้ยินเซียวติ่งเรียกเขาว่าอาจารย์ ฟางเหยียนลังเลไปสักพัก ไม่แน่อาจจะเป็นคนขององค์กรจริงๆก็ได้ เพราะเซียวเจิ้นเที่ยนช่วยพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงได้ช่วยลูกชายของเซียวเจิ้นเที่ยน แต่นึกๆก็ไม่น่าใช่ นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนไปแล้ว ไม่ว่าองค์กรนั้นจะเก่งกาจยังไง ก็ไม่มีทางคิดจะล้างบางตระกูลเย่ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนหรอก?
เมื่อมีความคิดแบบนี้ ฟางเหยียนจึงเดา ว่าคนนี้ไม่ใช่คนขององค์กรนั้น!
จึงได้หลับตาลง กล่าวอย่างมั่นใจว่า “รนหาที่ตายอีกคนแล้ว!”
“ออกมา!อย่ามาแสร้งเป็นยอดฝีมือหลบๆซ่อนๆอยู่เลย!” ฟางเหยียนพูดเบาๆ แต่ก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วปฐพี
เมื่อฟางเหยียนพูดจบ บนถนนเส้นนั้นที่อยู่ด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลเซียว แสงไฟที่อยู่แสนไกลเริ่มใกล้เข้ามา เริ่มวูบวาบ ราวกับได้รับผลกระทบจากพลังแม่เหล็กอันมหาศาล คนอื่นไม่เข้าใจ แต่ฟางเหยียนเข้าใจดี ว่ายอดฝีมือคนหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาที่เขา
คนที่มีกำลังภายในเท่านั้น ที่จะปล่อยคลื่นพลังแม่เหล็กรบกวนแบบนี้ได้
ทุกคนของตระกูลเซียวเห็นเหตุการณ์ บางคนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอก ได้เรียกผีนามนี้ขึ้นมา
“อาจารย์ อาจารย์!” มีเพียงเซียวติ่งเรียกไปที่ตรงนั้นอย่างดีใจกับการมาถึงของเขา
ทุกคนของตระกูลเซียวสบตากัน ไม่รู้ว่านี่ดีหรือร้าย?
ไม่นาน ผู้เฒ่าที่เดินไม่สะดวกค่อยๆปรากฏกายขึ้น ค่อยๆเดินออกมาสถานที่ที่ห่างจากตัวเองไปห้าสิบเมตร ผู้เฒ่าหัวล้าน ไว้หนวดยาว สวมชุดนักพรตเก่าๆ ใส่สร้อยคอลูกประคำใหญ่ๆ ราวกับลูกประคำของปรมาจารย์ตั๊กม้อในหนังอย่างไรอย่างนั้น เขาเดินอย่างเร็ว เมื่อผ่านไปจุดไหน แสงไฟจะกะพริบวิบวับขึ้น
เพราะอยู่ห่างไกล ฟางเหยียนจึงมองเห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจน แต่ค่อยๆเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้ที่มาคือใคร?” สหายคนหนึ่งที่พกปืนในสำนักเจ็ดพิฆาตชี้ไปยังผู้เฒ่าที่เดินมาจากไกลๆแล้วถาม
แต่ผู้เฒ่าไม่สนใจ ยังคงเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่องๆ สหายคนนั้นตะโกนถามต่อ “ผู้ที่มาคือใคร?ถ้ายังไม่บอก อย่าหาว่าฉันใจร้ายที่ลั่นไกอย่าไม่ไยดีนะ!”
พูดพลาง สหายคนนั้นได้สับไก! ผ่านกล้องสโคปซูมแปดเท่า เขาโฟกัสไปที่สมองของเขา
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี เห็นเพียงเขาโบกมือขึ้น พายุลมที่มีพลังทำลายล้างสูงพัดเข้ามา ฟางเหยียนเบิ่งตาขึ้นแล้วกล่าว “ระวัง!” เพิ่งจะตะโกนออกไปสองคำ สหายที่ถือปืนไว้คนนั้นถูกลมพัดลอยไป ชกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง ตายคาที่
ฟางเหยียนทรงตัวไม่ถนัด ถอยหลังติดกันหลายๆก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ ถอยหลังไปจนถึงในห้องโถงของตระกูลเซียว
เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวจึงยืนอย่างมั่นคงได้!
“กำลังภายในอันแข็งแกร่ง!” ฟางเหยียนจับอก พึมพำกับตัวเอง
ไม่นาน ผู้เฒ่าคนนั้นได้มาถึงในห้องโถง สหายของเหล่ากองทัพเล็งผืนไปที่เขา
และแล้วฟางเหยียนก็ได้เห็นหน้าตาแท้จริงของเขาเสียที เขามีคิ้วเพียงข้างเดียว หัวท้ายของคิ้วยาวมาก ยาวไปถึงหางตาแล้ว ด้านล่างคิ้วเป็นตาเหลี่ยม สายตาดุดัน ด้วยความอำมหิต เขาหน้าตอบ หน้าซีด! แม้จะแขวนลูกประคำ แต่เขากลับมีกลิ่นอายของความอำมหิตติดตัวอยู่ เขาใส่ชุดนักพรตเก่า ในมือกำลังขยับลูกประคำไปมา ดูท่าทีจะเป็นลัทธิเต๋าก็ไม่ใช่พุทธก็ไม่เชิง
พลังอันน่าอัศจรรย์เมื่อกี๊ปล่อยออกมาจากคนๆนี้ ชายคนนี้ อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือระดับต้าชี่
เขามองฟางเหยียนด้วยสายตาไม่สนใจ แล้วพึมพำ “โยม อภัยได้พึงให้อภัย!”
ฟางเหยียนจ้องไปที่ดวงตาของเขา ยกมือขึ้นแล้วกล่าว “ถอยไปให้หมด!”
“จอมพลโผ้จวิน!” สหายหนึ่งในนั้นกำลังจะพูด แต่ฟางเหยียนจ้องไปที่เขา
แค่ส่งสายตา สหายคนนั้นก็เงียบไป จากนั้นก็ถอยหลังไป สหายที่เมื่อกี๊เตรียมจะฆ่าคนในห้องล้วนเดินออกจากคฤหาสน์ของตระกูลเซียวไปด้วยกันทั้งหมด
“อาจารย์! และแล้วอาจารย์ก็มา” เซียวติ่งมองไปที่ผู้เฒ่าอย่างดีใจแล้วตะโกนออกมา เมื่อตะโกน ก็กระอักเลือดออกมา
ผู้เฒ่าเหลือบตามองเขา จากนั้นก็หลับตา เขาหยุดการขยับลูกประคำในมือลง เขานั่งยองๆยกมือขึ้นแล้ววางไปที่เซียวติ่ง จากนั้นได้สกัดจุดสองจุดบนหน้าอกของเขา หน้าตาทุกข์ระทมของเซียวติ่งนั้นค่อยๆดีขึ้นทันใด เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกเหมือนตัวเองได้ออกมาจากประตูนรก
หลังจากที่สูดหายใจ เขารีบชี้ไปที่ฟางเหยียน “อาจารย์ มันนั่นแหละ มันพยายามจะล้างบางตระกูลเซียวของเรา ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยนะครับ ช่วยพวกเราตระกูลเซียวด้วยนะครับ”
บนใบหน้าของเซียวเจิ้นเที่ยนเต็มไปด้วยน้ำตา เขาคุกเข่าอย่างตัวอ่อนตรงหน้าของผู้เฒ่า แล้วอ้อนวอน “อาจารย์ผู้เฒ่า ได้โปรดช่วยตระกูลเซียวด้วยเถิด เพียงแค่ตระกูลเซียวของผมผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ผมจะคอยปรนนิบัติรับใช้คุณไม่ห่าง ไม่กลัวความยากลำบากใดๆ”
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นผู้เฒ่าคนนี้ เซียวเจิ้นเที่ยนรู้สึกปลอดภัยมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาโจมตีฟางเหยียนจนเข้ามาได้มั้ง!
ผู้เฒ่ามองไปยังเซียวเจิ้นเที่ยน ถอนหายใจ จากนั้นเอื้อมมือไปพยุงเซียวเจิ้นเที่ยนขึ้นมา กล่าวอย่างให้คำมั่นสัญญา “คุณเซียววางใจได้ แค่ผมอยู่ ตระกูลเซียวไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอนครับ”
ทุกๆคำพูดของเขา เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ
เมื่อพูดจบ เขาได้มองเซียวติ่งที่นอนอยู่กับพื้น ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง “เส้นเอ็นถูกตัดขาด! เลือดไหลย้อนกลับ! เพียงแค่หัวใจยังเต้นอยู่ จะทรมานเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ เจ็บปวดไปทั้งตัว ราวกับเข็มทิ่ม เป็นวิธีที่โหดเหี้ยมมาก”
เมื่อพูดจบ ผู้เฒ่ามองกลับมา ไปที่ฟางเหยียน มองไปที่ฟางเหยียนแล้วกล่าว “อภัยได้พึงให้อภัย! โยมท่านนี้ กระทำต่อศิษย์ของฉันอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ อาตมาขอบคุณที่ไว้ชีวิตเขา”
“อาจารย์ อาจารย์หมายความว่าไง?” เซียวติ่งมองไปที่ผู้เฒ่าอย่างสงสัยแล้วถาม
แต่ผู้เฒ่าไม่ตอบใดๆ ยังคงใช้สายตานิ่งสงบมองไปที่ฟางเหยียน แล้วกล่าว “ในเมื่อโยมไม่ได้ฆ่าศิษย์ของอาตมา งั้นอาตมาจะขอร้องโยมอีกครั้ง ปล่อยตระกูลของลูกศิษย์อาตมาไปเถอะนะ ถือว่าโยมสร้างบุญก็แล้วกัน”