จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 252
นี่คือเสียงของซ่งฉาวอู่ ฟังดูแล้วค่อนข้างซีเรียส ไม่เหมือนการกระทำของคนระดับเขามาก แต่ก็เข้าใจได้ เพราะคนที่เกิดเหตุคือเทียนขุย นี่เป็นคนที่เขาพยายามและดิ้นรนทั้งชีวิตก็ยังไม่ได้เป็นระดับนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟางเหยียนค่อนข้างนิ่งสงบ
ซ่งฉาวอู่กล่าว “รองผู้นำเทียนขุย รองผู้นำเทียนขุยเขาเหมือนบ้าไปแล้ว เขาฆ่าแพทย์ในโรงพยาบาลไปสามคน แล้วยังควักหัวใจของแพทย์ออกมาด้วย พวกเราได้ปิดพื้นที่โรงพยาบาลไว้ และล้อมรองผู้นำเทียนขุยไว้แล้วครับ ท่านรีบมาเถอะครับ!”
ฟางเหยียนได้ยินคำพูดของซ่งฉาวอู่ ก็ตกใจ ทำไมเทียนขุยถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ กระดูกมือเขาแตกสลาย ตนใช้ยาผงกู่หนิงอาบให้เขา ทำให้กระดูกประสานกันใหม่อีกครั้ง อีกอย่างตนได้เพิ่มยาเม็ดต้าหวนตานลงไป นี่เป็นแค่สิ่งที่เพิ่มพลังให้ร่างกายเขาเท่านั้น ยังไงก็ไม่มีทางทำให้เขาเป็นบ้าไปได้?หรือมีปัจจัยภายนอก?
ถ้าตัวยาสองตัวนี้โดนเข้ากับตัวที่สาม จึงจะเชื่อมโยงไปในร่างกายได้ ถ้าไม่เจอตัวที่สาม ไม่มีทางเป็นอย่างนี้แน่นอน
“ใครให้เขากินยาอะไรบ้างมั้ย?” ฟางเหยียนถามอย่างสงบ
ซ่งฉาวอู่ตอบ “ไม่ทราบครับ ผมก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อกี๊จึงได้พาทหารมา”
“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” ฟางเหยียนพูดจบ ก็วางสายไป
ดูออกชัดเจนว่าเทียนขุยขาดสติ มีบางสิ่งเข้าไปในระบบประสาทของเขา จึงได้ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นอย่างนี้
หวังชิงชิงเห็นฟางเหยียนหน้าเครียด จึงได้ถามอย่างระมัดระวังว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?คุณชาย!”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น “เกิดปัญหานิดหน่อย อ้อ เมื่อกี๊คุณจะพูดอะไรกับผมนะ?”
หวังชิงชิงก็ตกใจ ดูออกชัดเจนว่าคุณชายมีปัญหา ไม่คาดคิดว่าจะยังจำคำที่ตัวเองพูดเมื่อกี๊ได้ด้วย แต่ช้าไปหน่อย แล้วกล่าว “อืม คืองี้ค่ะ…”
“คุณฟาง!” จู่ๆ รถเบณซ์หยุดข้างๆทั้งสอง รถยังไม่ทันจอดสนิท มีเสียงผู้ชายดังมาจากในรถ ชายคนนี้อายุราวๆห้าสิบปี แต่งกายชุดราชวงศ์ถังหลังจากลงจากรถแล้ว ก็ได้ยืนที่ด้านหน้าของฟางเหยียน พยักหน้าอย่างเคารพให้เขา ด้วยสีหน้าทนไม่ไหวแล้ว
การปรากฏกายของคนนี้ ได้ขัดจังหวะของหวังชิงชิงอีกครั้ง
“ว่าไง? เถ้าแก่หลัว!” ฟางเหยียมมองหลัวเทียนเยว่อย่างสงบแล้วถาม
หลัวเทียนเยว่กล่าว “คืองี้ครับ คุณฟาง! เอ่อ…”
ตอนพูดเขาได้สังเกตเห็นหวังชิงชิง แววตานี้เข้าใจดี ก็คือมีคนอยู่ที่นี่ เขาไม่สะดวกที่จะพูด และต้องได้รับการยินยอมของฟางเหยียนก่อนเขาจึงจะพูดได้
ฟางเหยียนมองหวังชิงชิง แล้วกล่าว “คุณกลับก่อนก็แล้วกัน มีธุระอะไรรอผมกลับมาค่อยว่ากัน”
มีความจริงบางอย่างที่ไม่สามารถให้หวังชิงชิงรู้ได้ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้ช่วยของตัวเองเท่านั้น!
หวังชิงชิงชะงัก พยักหน้ารับทราบแล้วกล่าว “ได้ค่ะ คุณชาย!”
พูดจบเธอเข้าไปในรถลินคอร์น เธอไม่คิดว่าพรหมลิขิตระหว่างเธอกับฟางเหยียนจะมีน้อยมากขนาดนี้ เธอก็แค่อยากบอกลาเขาเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าความต้องการเล็กๆเธอยังไม่สามารถบรรลุได้ เฮ้อ! บางทีคงลิขิตมาแล้วแหละ! ว่าตนและฟางเหยียนจะต้องถูกลิขิตไว้แบบนี้ บนรถ หวังชิงชิงถอนหายใจยาวๆอย่างจนปัญญา
หลังจากที่หลัวเทียนเยว่เห็นเธอไปแล้ว จึงได้ขมวดคิ้วกล่าว “คุณฟาง หลังจากที่ได้คุยกับคุณครั้งที่แล้ว พบได้พบร่องรอยการเคลื่อนไหวขององค์กรนั้นที่ได้พูดกับคุณเมื่อครั้งที่แล้ว แล้วยังรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรนี้มาบ้าง”
“เหรอ?” ทันใดนั้นแววตาของฟางเหยียนก็คมกริบ หันมามองหลัวเทียนเย่ว์แล้วถาม “ว่ามา?”
หลัวเทียนเยว่กล่าว “องค์กรนี้เริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้ว ขอบเขตกิจกรรมในครั้งนี้ของพวกเขาจัดที่หนานหลิง ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อจ้าวเอ้อ ค้นคว้าเกี่ยวกับองค์กรนินจาโดยเฉพาะ เขาค่อนข้างเข้าใจในด้านนี้ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ค้นคว้าเชิงลึกเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิงที่คุณพูดมา”
“องค์กรนั้นไม่ได้ชื่อว่าสัตว์เพลิง มีชื่ออื่นอีก ชื่อว่าเพลิงเสวน เป็นองค์นินจาเช่นกัน เพื่อผมบอกว่าเขาค้นคว้าเกี่ยวกับองค์กรนินจามากมาย และตรวจสอบองค์กรนินจาอย่างลับๆมาไม่น้อย แต่สำหรับเพลิงเสวนนี้กลับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับองค์กรนี้ และยากที่จะเจอคนภายในขององค์กรนี้ พูดอีกนัยคือไม่ว่าใครในองค์กรนี้ล้วนเป็นความลับทั้งหมด ความลึกลับขององค์กรนี้ทั้งหมดห่างจากความรู้ความเข้าใจของพวกเราอย่างมาก พวกเขาปรากฏกายต่อหน้าทุกคนน้อยมาก จ้าวเอ้อได้ถามคนที่อยู่ในองค์กรนินจามาบ้าง แต่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับเพลิงเสวนนี้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงตำนานของพวกเขาเพียงอย่างเดียว เมื่อได้ยินตำนานนี้จะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง แต่เป็นตำนานเดียวของเพลิงเสวนที่มีอยู่”
“ในยุคที่ราชวงศ์ฉินยังไม่รวมประเทศเข้าด้วยกัน มียอดฝีมือลับคนหนึ่งเข้าฝันจักรพรรดิฉิน เขาบอกว่าตัวเองชื่อเพลิงเสวน สามารถช่วยกองทัพฉินรวมหกประเทศเข้าด้วยกัน เพื่อรวมอำนาจประเทศหวาให้เป็นหนึ่งเดียว วันที่สองของการที่จักรพรรดิฉินฝันแบบนี้เขายังไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แต่ต่อจากนั้นวันที่สาม เขาได้ฝันเห็นคนๆนี้ติดต่อกัน คนนี้พูดเรื่องเดิมๆอีกครั้ง สามารถช่วยเขารวมอำนาจเป็นหนึ่งได้ ตอนนั้นเขารู้สึกแปลกใจมาก ที่ได้เจอกับคนนี้ในความฝัน แล้วยังเจอกันหลายวันติดกันอีกด้วย ด้วยเหตุจึงได้ตกลง ต่อมา คนนี้ได้ปรากฏกายในฝันของเขากำกับเส้นทางในการรวมอำนาจเป็นหนึ่งทีละก้าวทีละก้าว หลังจากที่รวมเป็นหนึ่ได้แล้ว คนนั้นปรากฏกายหนึ่งครั้ง ให้เขาจัดตั้งหน่วยสืบลับที่ชื่อเพลิงเสวนขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่ปรากฏกายขึ้นเลย จักรพรรดิฉินไม่ได้เล่าความฝันนี้ให้ใครฟัง เพียงแต่สั่งการให้คนสนิทที่สุดจัดตั้งหน่วยนั้นขึ้น ชื่อว่าเพลิงเสวน แม้ฉินจะไม่อยู่แล้ว แต่เพลิงเสวนองค์กรนี้ยังคงสืบต่อกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน แน่นอน นี่เป็นแค่ตำนาน ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเกมส์หรือเป็นประวัติในช่วงหนึ่งของเพลิงเสวนจริงๆ สรุป ทุกๆครั้งที่พวกเขาปรากฏกายจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นเสมอ”
ฟางเหยียนถามอย่างครุ่นคิด “ครั้งที่แล้ว ตอนพวกเขาปรากฏกายเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลัวเทียนเยว่เงียบไปสักพัก ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ได้โปรดอภัยให้กับความโง่เขลาของผมด้วยครับ ผมไม่รู้จริงๆครับ แต่เพื่อนของผมน่าจะรู้”
เมื่อฟังหลัวเทียนเยว่พูดจบ ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เขาก็ไม่รู้ว่าองค์กรนี้เป็นอย่างไร แต่เขาไม่มีทางเชื่อตำนานที่หลัวเทียนเยว่พูดมาทั้งหมดเมื่อกี๊แน่นอน เพลิงเสวนเพียงแค่ต้องการอำพรางพฤติการณ์ของตัวเองจึงได้แต่งเรื่องขึ้นมาเท่านั้น
ถ้าพวกเขาเป็นองค์กรลับที่ดีขนาดนั้น ก็ไม่มีทางฆ่าทหารเอกและทหารพันกว่านายของสำนักเจ็ดพิฆาตแน่นอน ฉินยิ่งใหญ่ขนาดไหน แล้วยังป้องกันประเทศหวาขนาดนั้นอีก แล้วพวกเขาจะฆ่านักรบที่คุ้มกันประเทศได้เหรอ?
จะว่าไปแล้ว ความลับขององค์กร ห่างจากความรู้ความเข้าใจของตัวเองเยอะจริงๆ