จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 260
ห้องโถงองค์กรนินจา!
นี่คือห้องโถงสไตล์คลาสสิค ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมประเทศหวาอย่างคลาสสิคมาก เรียบง่าย สบายตา เมื่อดูๆแล้วทำให้คนรู้สึกถึงกลิ่นอายของประเทศ ประเทศหวา เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนานมากว่าห้าพันปี มีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง ประเทศเหล่านั้นที่ไม่มีประวัติศาสตร์จะไม่สามารถเลียนแบบกลิ่นอายนี้ได้เลย
ในห้องโถงมีผู้เฒ่าเคราขาวประมาณสิบกว่าคนกำลังนั่งอยู่ อายุของผู้เฒ่าเหล่านี้โดยปกติจะอายุมากกว่าแปดสิบปีขึ้นไป ทุกคนสวมชุดฉางผาวสีขาว ดูๆแล้วไม่เจ้ากับคนยุคปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย แม้พวกเขาจะอายุมาก แต่ทุกคนล้วนกระฉับกระเฉง ดูมีราศี
ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงกลางสุดตำแหน่งใหญ่สุดก็คือนักพรตภูมิฐาน ราวกับพระรูปหนึ่ง เขาหลับตา ผมขาว ด้านล่างของผมขาวคือดวงตาที่หลุนเข้าไป บนใบหน้าชราปรากฏรอยเหี่ยวย่น รอบๆปากเต็มไปด้วยหนวดสีขาว อายุของผู้เฒ่าคนนี้ พูดให้น้อยๆก็ร้อยกว่าปีแล้ว! แลดูมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และเป็นปรมาจารย์แห่งวรยุทธ
เก้าอี้ที่เขานั่งคือเก้าอี้หัวมังกร ด้านข้างทั้งสองข้างของเก้าอี้หัวมังกรมีเสามังกรที่ยาวสองตัว มังกร เป็นสัญลักษณ์ของคนประเทศหวามาช้านาน ประเทศหวาเรียกตัวเองว่าเป็นลูกหลานของมังกรมาโดยตลอด
ผู้เฒ่าไม่พูดไม่กล่าว ผู้เฒ่าเหล่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา
“ท่านปรมาจารย์ ทำไมจู่ๆถึงเรียกพวกเรามาประชุมล่ะ? มีเรื่องเร่งด่วนอะไรมั้ย? ผมตัดสินใจเก็บตัวแล้วแท้ๆ!”
“เมื่อสามเดือนก่อนคุณเพิ่งจะออกมาไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงได้จะเก็บตัวอีกครั้งเร็วขนาดนั้น? คุณคิดจะเก็บตัวนานขนาดไหน?
“ประมาณสามปี! ช่วงนี้เพิ่งจะค้นคว้าเจออะไรใหม่ๆบางอย่าง อยากจะลองดูว่าร่างกายจะรับได้มั้ย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกเราแก่ขนาดนี้แล้ว แล้วยังจะค้นคว้าอะไรใหม่ๆอีกเหรอ”
“วัยรุ่นเดี๋ยวนี้ลืมแก่นสารของประเทศหวาของเราไปหมดไม่เหลือแม้แต่น้อย ถ้าผู้เฒ่าอย่างเราไม่ไปค้นคว้า แล้วจะมีใครค้นคว้าล่ะ? คงจะหวังแค่วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ได้หรอกนะ?”
“พูดอีกก็ถูกอีก!”
“ผมค่อนข้างให้ความสนใจว่าท่านปรมาจารย์เรียกพวกเรามาทำไมกัน หนึ่งปีเต็มๆที่เราไม่ได้ประชุมกัน! ท่านปรมาจารย์ เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า?
ถ้าไม่มีปัญหาอะไร องค์กรนินจาจะไม่มีทางเรียกประชุมง่ายๆ การประชุมครั้งนี้จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นไม่ก็เกิดขึ้นแล้วแน่นอน นี่เป็นกฎขององค์กรนินจา ที่เมื่อมาถึงต้องพูดประเด็นสำคัญ!
”นักเต๋าอีเหมย ตายแล้ว!” ผู้เฒ่าที่สวมชุดขาวคนหนึ่งที่นั่งข้างผู้เฒ่าจู่ๆพูดด้วยอารมณ์นิ่งสงบออกมา
เมื่อพูดออกมาผู้เฒ่าทั้งหลายต่างตะลึง นักเต๋าอีเหมยคือยอดฝีมือระดับต้าชี่ แล้วจะตายได้อย่างไรกัน? ลองถามประเทศหวาอีกทั้งทั้งโลกดู ว่ามียอดฝีมือต้าชี่สักกี่คน?
ไม่นับพวกเขาผู้เฒ่าเหล่านี้ อาจจะไม่เกินสิบคนได้มั้ง! นักเต๋าอีเหมยก็ถือเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งขององค์กรนินจา แค่กล่าวถึงชื่อเขา ก็ทำให้ผู้คนหวาดผวาได้แล้ว
ตายแล้ว! ข่าวนี้สำหรับหลายคนแล้วถือเป็นข่าวที่ยากที่จะเชื่อ
“เป็นไปไม่ได้ เขาตายได้อย่างไรกัน? ด้วยฝีมือของเขา เกรงว่าเจอกับศัตรูในระดับเดียวกัน ก็ยากที่จะมีคนฆ่าเขาได้นะ?”
“ใช่ อีกนิดเดียวอีเหมยก็ได้เป็นระดับปรมาจารย์แล้ว แล้วคนทั่วไปจะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน? ทั้งประเทศหวาคนที่สามารถฆ่าเขาได้นับจำนวนได้เลยมั้ง?”
“สัตว์ประหลาดแห่งตระกูลโจวดินแดนตะวันตก ผู้พิทักษ์ขวังซือสัตว์ในตำนานของตระกูลฟาง! หงจิ่วเทพเจ้าแห่งดินแดนตะวันออก นอกจากพวกเขาทั้งสามคน แล้วยังมีใครที่ฆ่าอีเหมยได้อีก? คิดว่าไม่น่าจะมีใครมีความสามารถได้ขนาดนี้นะ?”
“คุณพูดถูก สัตว์ประหลาดแห่งตระกูลโจวดินแดนตะวันตกไม่สนใจเรื่องทางโลกตั้งนานแล้ว เมื่อร้อยปีก่อนก็แลกที่จะหายเงียบไปแล้ว หงจิ่วเทพเจ้าแห่งดินแดนตะวันออกได้มีชีวิตใหม่แล้ว งั้นก็มีแค่ผู้พิทักษ์ขวังซือสัตว์ในตำนานของตระกูลฟางแล้วล่ะ!”
“ใช่ อาจเป็นผู้พิทักษ์ขวังซือสัตว์ในตำนานนั่นของตระกูลฟาง ก็เป็นได้”
ผู้เฒ่าคนนั้นที่เพิ่งพูดว่านักเต๋าอีเหมยถูกฆ่าได้พยักหน้าแล้วกล่าว “พวกคุณเดาถูกอยู่บ้าง คนๆนี้มีความสัมพันธ์กับตระกูลฟางจริง แต่ไม่ใช่ขวังซือสัตว์ในตำนานนั่นของพวกเขา แต่เป็นหลานชายคนหนึ่งของฟางจินหยวน ชื่อฟางเหยียน!”
“ฟางเหยียน?”“ฟางเหยียน?” ผู้เฒ่ามากมายต่างพากันเรียกชื่อนี้อย่างเป็นเสียงเดียวกัน
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ทุกคนไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
ผู้เฒ่าพูดต่อ “บางทีพวกคุณไม่รู้จักชื่อของเขา แต่ฉายานามของเขาพวกคุณน่าจะรู้ เขาคือจอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาตแห่งประเทศหวาของเรา ผู้นำของกองทัพ!”
“เขาเหรอ!” หนึ่งในผู้เฒ่าอุทานออกมาด้วยความตะลึงอย่างมาก “ที่แท้ก็เขาเองเหรอ!”
เมื่อพูดถึงฉายานามนี้พวกเขาหลายคนล้วนรู้จัก นี่เป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพจากองค์กรนินจาของพวกเขาเป็นอย่างสูง ได้ทำคุณูปการที่ชายแดนของประเทศหวามากมาย แล้วยังเป็นวัยรุ่นที่อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ตอนนั้นที่เขาฆ่าผู้นำทัพของสิบประเทศตามลำพัง ได้ดึงดูดความคลั่งในโลกของนินจาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง คนจำนวนมากต่างพากันตะลึงกับฝีมือของจอมพลโผ้จวินคนนี้
มีคนรัก แน่นอนว่าก็ต้องมีคนเกลียด!
“ผู้นำทัพของประเทศหวาแล้วไง? ฆ่าคนขององค์กรนินจาของเราก็ยังคงหลีกเลี่ยงการลงโทษขององค์กรนินจาของเราไม่ได้หรอกนะ! หนักสุดก็คือฆ่าเขาซะ แล้วพวกเราค่อยหาผู้นำทัพคนใหม่มา ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่หรอกนะ?”
“ไม่! นักเต๋าอีเหมยคนนั้นออกไปจากองค์กรนินจาของเราตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว ความเป็นความตายของเขา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา ไปฆ่าผู้นำทัพที่สร้างคุณูปการเพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา ทำแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่าง เขาฆ่าอีเหมยได้ นั่นหมายความว่าฝีมือของเขาอยู่เหนือขวังซือสัตว์ในตำนานของตระกูลฟาง แล้วทุกคนมีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปหาเรื่องเขาล่ะ!”
“ใช่ นักเต๋าอีเหมยคนนั้นจากไปตั้งนานแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาได้ไปเข้าร่วมองค์กรไหนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้? คนขององค์กรนินจาของเราไม่จำเป็นต้องออกโรงหรอกนะ”
“อีเหมยเป็นคนขององค์กรนินจาของผม ก็เป็นคนขององค์กรนินจาตลอดไป กล้าฆ่าคนขององค์กรนินจา โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเราถือว่าเป็นการเหยียดหยามกัน คนแบบนี้ พวกคุณยอมได้เหรอ? ”
“ท่านปรมาจารย์ คุณสั่งการเถอะนะ?”
“ขอท่านปรมาจารย์ได้โปรดรับสั่ง!” ผู้เฒ่าทั้งหมดล้วนมองไปที่ผู้เฒ่าชุดขาวผิวเหี่ยวย่น ผมขาวคนนั้น
ผู้เฒ่ายังคงหลับตาอยู่ ไม่พูดไม่กล่าวใดๆ ตอนที่ท่านปรมาจารย์ไม่พูด ไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมาทั้งนั้น ทุกคนล้วนก้มหน้าฟังคำสั่งของเขา ผ่านไปประมาณห้านาที ผู้เฒ่าสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น
นัยน์ตาทั้งสองข้างของเขามีเพียงตาดำ ไม่มีตาขาวแม้แต่นิดเดียว ดูๆไปแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เขามองไปยังคนที่ก้มหน้าลงอยู่รอบๆ ยกมือขึ้นมาแล้วหยิกนิ้วค่อยๆนับไปอย่างช้าๆ การกระทำของเขาช้ามาก ทุกๆการกระทำต้องกระทำผ่านไปหลายวินาทีแล้วจึงค่อยๆหยุดลง
ผ่านไปสักพัก นิ้วของเขาหยิกไปที่ปลายนิ้วของนิ้วนาง เขาท่องพึมพำว่า “ดาวทั้งเก้าเรียงตัวกัน นักบวชจุติ ปีศาจจลาจล ฟ้าดินวุ่นวาย ผลัดเปลี่ยนยุค สำนักต่างๆระส่ำระสาย สวรรค์มีประตูมังกร ปฐพีมีเพลิงเสวน!”