จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 267
ไอ้เสือและคนอื่นๆเห็นความเร็วของรถเบนซ์ที่วิ่งเข้ามา พวกเขาอึ้งไปเลย
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?คนที่ขับรถอยู่เป็นคนตาบอดหรือเปล่า?หรือว่าพวกเขาต้องการตาย!ขับรถเร็วขนาดนั้น พวกเขาจะชนรถหลายๆคันใช่ไหม?ให้ตายเถอะ พวกเราเจอคนที่ไม่กลัวตายใช่ไหม
“ลูกพี่ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?เขาขับรถเร็วขนาดนั้น เขามองไม่เห็นรถของพวกเราที่จอดอยู่ตรงนี้เหรอ?”มีลูกน้องคนหนึ่งรีบถามไอ้เสือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ขาของเขาค่อยๆขยับไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัว
ไอ้เสือค่อนข้างใจเย็น โบกมือและพูด:“เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมองไม่เห็น แม่งเอ๊ยฉันคิดว่าพวกเราเจอคนที่ไม่กลัวตายจริงๆ!”
“งั้นพวกเราควรถอยไหม?”ลูกน้องคนนั้นเตรียมตัวที่จะวิ่งหนีแล้ว
“หนีทำไม!”ไอ้เสือกัดฟัน ปลอบใจตัวเองและพูด:“ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาไม่กลัวตายจริงๆ!”
ที่พวกเขาจัดตั้งแก๊งท่านชายขึ้นมาเพราะทุกคนมีเงิน แต่สมาชิกในแก๊งท่านชายก็มีฐานะและความรวยที่แตกต่างกัน ในแก๊งท่านชายถ้าใครมีเงินเยอะก็จะได้รับการยกย่องและมีตำแหน่งฐานะในแก๊งที่สูงกว่าคนอื่น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะมีเงินมากแค่ไหน พวกเขาก็กลัวตายเหมือนกัน
ตอนนี้พวกเขาเจอคนที่ไม่กลัวตาย ทำให้คนในแก๊งท่านชายเสียขวัญ
เมื่อเห็นรถคันนี้ไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงมา และรถคันนั้นก็ขับเข้ามาใกล้รถของตัวเองเรื่อยๆ ไอ้เสือก็อดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าตัวเอง
เหลียงเจิ้งที่ขับรถตามหลังรถเบนซ์คันนั้น เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เกิดคำถามมากมายในสมองของเขา
ผู้ชายคนนั้นต้องการอะไร?ทำไมเขาขับรถเร็วขนาดนั้น เขาตั้งใจพุ่งเข้าชนจริงๆเหรอ?ถ้าชนรถข้างหน้าจริงๆ ด้วยความเร็วของรถในตอนนี้ ถึงแม้รถจะดีแค่ไหนก็เสียชีวิตได้นะ
ถ้าคนพวกนั้นเสียชีวิตเขาดีใจแน่นอน แต่ถังยู่ยังอยู่บนรถคันนั้น ถ้าถังยู่เสียชีวิต ฉันจะทำยังไง?
“แม่งเอ๊ย คนบ้า พวกเขามันเป็นคนบ้า!”เหลียงเจิ้งกำหมัดไว้แน่นและทุบพวงมาลัยรถยนต์ของตัวเอง
“เฮ้ย!”จอดรถ จอดรถเดี๋ยวนี้!”ถังยู่ตกใจมากๆ ยกมือขึ้นแล้วดึงฟางเหยียนทันที ตอนนี้เธอไม่กล้าไปดึงเทียนขุย เพราะเทียนขุยเป็นคนบ้าจริงๆ
และเธออยู่บนรถตั้งนาน รู้ว่าเทียนขุยฟังคำพูดของผู้ชายคนนี้
ฟางเหยียนจ้องมองเธอด้วยสีหน้าปกติและสงบ ความสงบบนใบหน้าของเขาไม่มีใครสามารถเทียบได้ เขาแน่ใจว่าเทียนขุยจะสามารถขับรถทะยานบินผ่านไปได้ แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากพูด:“ช่างมันเถอะ หยุดรถได้แล้ว!”
ถังยู่กลั้นหายใจและไม่กล้าพูด เพราะพวกเขาห่างจากรถที่จอดอยู่ข้างหน้าเพียง20 ถึง30เมตร ด้วยระยะห่างเพียงแค่นี้ ถ้าหยุดรถอย่างกะทันหัน ก็ต้องชนรถที่จอดอยู่ด้านหน้าอย่างแน่นอน
เธอกังวลมากๆและกำมือจับในรถไว้อย่างแน่น
เอี๊ยด!เทียนขุยเหยียบเบรกทันที รถก็ไถลไปข้างหน้า เกือบจะชนเข้ากับรถของไอ้เสือและคนอื่นๆที่จอดอยู่แถวหน้าสุด แม้ว่าไอ้เสือจะแกล้งทำเป็นไม่กลัว แต่เขาเข่าอ่อนและขาสั่นอยู่
หลังจากรถจอดสนิท ถังยู่ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ทำให้เธอกลัวจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดู หลังจากเธอแน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว เธอก็จ้องหน้าฟางเหยียน ผู้ชายคนนี้เป็นคนบ้าจริงๆ ตอนนี้ยังทำหน้าปกติและสงบได้
“คนบ้า!พวกคุณเป็นคนบ้า!”ถังยู่โกรธมากๆจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
ผ่านไปยี่สิบวินาที อารมณ์ของเธอก็ค่อยๆสงบลง เธอเหลือบมองฟางเหยียนและเปล่งเสียงออกมาทางจมูกและพูด:“ฉันยังนึกว่าพวกคุณไม่กลัวตายซะอีก อันที่จริงพวกคุณก็กลัวตายใช่ไหม”
“เธอกล้ามากยังไงมาพูดอย่างนี้!”เมื่อเทียนขุยได้ยินคำพูดของเธอก็ตะโกนด้วยความโกรธและพูด:“เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?เขาเป็นจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา เขาไม่ใช่คนที่รักตัวกลัวตายอยู่แล้ว?”
ใช่แล้ว เขาเป็นเทพแห่งสงครามของประเทศหวา เคยผ่านสมรภูมิรบมาตั้งเท่าไหร่ เคยเผชิญหน้ากับความตายมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่ใช่คนที่รักตัวกลัวตายอย่างที่ถังยู่พูด?
เธอกำลังดูหมิ่นจอมพลโผ้จวิน และดูหมิ่นเทพแห่งสงครามของประเทศหวา!
“เขากลัวตาย กลัวตาย กลัวตายจริงๆ คุณจะทำอะไรฉันได้?คุณจะกัดฉันเหรอ?พวกคุณเป็นคนบ้า!”ถังยู่ด่าเทียนขุยด้วยความโกรธ
เทียนขุยต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ฟางเหยียนถอนหายใจ ยกมือขึ้นและพูด:“เทียนขุย ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร!”ถังยู่ทำปากมุ่ยและพูดตามฟางเหยียน แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจและมองไปที่ฟางเหยียน
ฟางเหยียนมองหน้าถังยู่และถาม:“เธอยังไม่ยอมลงจากรถอีกเหรอ?”
“ฉันไม่ลง!”ถังยู่นั่งกอดอก ทำปากมุ่ยและจ้องหน้าฟางเหยียน ทำท่าทางว่าเธอไม่กลัวเขาอยู่แล้ว
ในเวลานี้ เหลียงเจิ้งที่อยู่ในรถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างหลังได้ลงจากรถ ทันทีที่เขาลงจากรถ ไอ้เสือและคนอื่นๆก็ตะโกนทันที:“ลูกพี่ใหญ่!”
เหลียงเจิ้งโบกมือ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องทุกคนล้อมรถเบนซ์ไว้
เขากัดฟันและตะโกนด่า:“แม่งเอ๊ย พวกคุณกล้าชนรถสปอร์ตของฉัน ยังกล้าพาผู้หญิงของฉันหนีมาด้วย ถ้าวันนี้ฉันไม่ฆ่าพวกคุณ ฉันก็จะไม่ใช้นามสกุลเหลียงอีก”
หลังจากที่เขาพูดจบ เทียนขุยก็เปิดประตูรถ เมื่อเห็นร่างกายที่แข็งแรงกำยำและใบหน้าที่ไม่พอใจของเทียนขุย ทำให้ลูกคนรวยเหล่านั้นตกตะลึงทันที ลักษณะภายนอกของเทียนขุยดูโหดเหี้ยมและดุร้าย เขามีความป่าเถื่อนแบบคนของชายแดนภาคเหนือ เมื่อเขายืนขึ้นมาก็ทำให้คนของแก๊งท่านชายกดดันทันที เขามองไปรอบๆและเห็นรถที่จอดขวางทางอยู่ข้างหน้าและพูด:“พวกคุณช่วยขยับรถออกไปหน่อย มันขวางทางรถของฉันอยู่!”
เขาพูดประโยคนั้นด้วยสีหน้าปกติ โดยไม่มองคนพวกนั้นอยู่ในสายตา
เมื่อเห็นความเย่อหยิ่งของเทียนขุย ถังยู่ใช้มือปิดปากตัวเอง กะพริบตาและพูด:“แม่งเอ๊ย คนขับรถคนนี้เจ๋งมาก!”
เห็นได้ชัดว่า คำพูดนี้เธอพูดกับฟางเหยียน สายตาของฟางเหยียนมองไปที่ใบหน้าของถังยู่และพูดว่า:“เขาไม่ได้เป็นคนขับของฉัน แต่เป็นพี่น้องกับฉันต่างหาก!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฟางเหยียนไม่เคยคิดว่าเทียนขุยกับเจ็ดเทียนของสำนักเจ็ดพิฆาตเป็นลูกน้องของเขา แต่คิดว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาจึงรีบอธิบายทันที
ถังยู่ทำปากมุ่ย และพูดด้วยความดูถูก:“ฉันไม่สนว่าเขาจะเป็นอะไรกับคุณ แต่วันนี้คุณต้องตายแน่ๆ!สำหรับบอดี้การ์ดของคุณ ฉันชอบเขามากๆ หลังจากนี้ฉันจะให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของฉัน”
หลังจากพูดจบ เธอก็แลบลิ้น จากนั้นก็เธอก็ลงจากรถทันที
เมื่อเห็นเทียนขุย เหลียงเจิ้งก็คิดในใจ คนๆนี้เป็นฆาตกรหลบหนีหรือเปล่า ตอนนี้ถังยู่ยังอยู่ในมือของพวกเขา และไม่แน่ใจว่าพวกเขาพกปืนมาด้วยหรือเปล่า ฉันต้องระวังตัวไว้หน่อยดีกว่า เดิมทีเขาจะก้าวไปข้างหน้า แต่ตอนนี้เขาถอยหลังสองก้าวอย่างเงียบๆ
เขาพึ่งถอยหลังได้สองก้าว เหลียงเจิ้งก็เห็นถังยู่ลงมาจากรถ เหลียงเจิ้งเบิกตากว้างและรีบวิ่งไปหาเธอ เอื้อมมือออกไปแล้วกอดเธอไว้ และสำรวจร่างกายของเธอและพูดว่า:“เสี่ยวยู่ พวกเขาไม่ได้ทำร้ายเธอใช่ไหม?”
ถังยู่ดึงมือของเหลียงเจิ้งออกและพูดด้วยความดูถูกว่า:“คุณมันเศษสวะไร้ประโยชน์ คุณขับรถสปอร์ตแต่สู้รถเบนซ์ไม่ได้ ยังบอกว่าตัวเองเป็นเทพรถที่หนึ่งของหนานหลิง มันช่างตลกสิ้นดี”
เมื่อถูกถังยู่ดูถูกแบบนี้ เหลียงเจิ้งก็โกรธขึ้นมาทันที เขาถูกคนที่ตัวเองชอบดูถูก มันเป็นอะไรที่แย่มากๆ แต่เขาไม่กล้าโมโหใส่ถังยู่ ดังนั้นเขาจึงหันไปมองเทียนขุย ตะโกนเสียงดัง:“เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะ?”
เทียนขุยหันหน้าไปมองเหลียงเจิ้งอย่างช้าๆ มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูด:“ฉันบอกให้พวกคุณขยับรถออกไปหน่อย พวกคุณขวางทางรถของฉันอยู่!”