จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 270
ฟางเหยียนหัวเราะและพูด:“ถ้าไม่มีคนลามกอย่างฉัน คุณอาจจะกลายเป็นอาหารของคนอื่นไปแล้ว!เป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ วันหลังถ้ามีโอกาส ฉันจะไปหาคุณที่บ้าน”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและขึ้นรถและพูดกับเทียนขุยว่า:“เทียนขุย พวกเราไปกันเถอะ”
เทียนขุยนิ่งไปชั่วครู่และถาม:“จอมพลโผ้จวิน รถพวกนั้นขวางทางพวกเราอยู่ จะทำยังไง?”
“จัดการมันซะ!”ฟางเหยียนสั่งด้วยน้ำเสียงเบาๆ
เทียนขุยไม่พูดอะไรและรีบไปจัดการทันที เขาเดินไปข้างหน้า ย้ายรถที่ขวางทางออกไปทีละคันๆ รถเหล่านั้น ล้วนแต่มีน้ำหนักไม่น้อยกว่าห้าร้อยกิโลกรัม แต่ถูกเขาย้ายไปอยู่ข้างถนนทั้งหมด
หลังจากทำเสร็จ เทียนขุยก็ขับรถพาฟางเหยียนจากไป เหลือเพียงถังยู่กับเหลียงเจิ้งยืนจ้องหน้ากัน
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมันเหนือจินตนาการ ทำให้เหลียงเจิ้งขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่ ทำไมเขาถึงมีกำลังที่มากขนาดนี้!
“เสี่ยวยู่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”ถึงแม้เขาจะกลัว แต่เหลียงเจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงถังยู่
ถังยู่ส่ายหน้า เธอขมวดคิ้วและมองเหลียงเจิ้ง พูดว่า:“คุณเป็นเศษสวะ ถ้าคุณไม่เอาปืนออกมา เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้เหรอ?”
เดิมทีเธอแค่คิดจะสั่งสอนผู้ชายสองคนนั้น ลดความหยิ่งยโสของพวกเขา แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“เสี่ยวยู่ เธอวางใจได้ เขาลงมือทำร้ายคนของแก๊งท่านชายเยอะขนาดนี้ ไม่มีใครยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน พวกเราจะกลับไปบอกคนที่บ้าน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน”เหลียงเจิ้งพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“เศษสวะ!”ถังยู่ด่า:“สู้เขาไม่ไหว ก็คิดอย่าเดียวว่าจะกลับไปฟ้องพ่อแม่เหรอ?คุณคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่เหรอ?สู้ไม่ไหวก็ร้องไห้แล้วไปฟ้องพ่อแม่ คนควรแก้ปัญหาแบบผู้ใหญ่ได้แล้ว
หลังด่าจบ เธอหันหลังและเดินจากไป ในสมองก็คิดแต่เรื่องที่ฟางเหยียนสัมผัสแก้มของเธอ แก้มของเธอไม่เคยให้ใครสัมผัสมาก่อน เขาไม่เพียงแค่สัมผัส ยังดมมันด้วย!เรื่องแบบนี้พี่เย่เฟยก็ยังไม่เคยทำมาก่อน ผู้ชายคนนั้นช่างน่ารังเกียจจริงๆ!
เธอเป็นคุณหนูของตระกูลถังนะ หึ เรื่องนี้ปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้แน่นอน!
อันที่จริงคำพูดที่ถังยู่พูดกับเหลียงเจิ้ง ก็เพื่อปกป้องผู้ชายสองคนนั้น เธอเกลียดผู้ชายสองคนนั้น แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขาสองคนเสียชีวิต ถ้าผู้มีอำนาจของหนานหลิงทั้งหมดที่เป็นพ่อของแก๊งท่านชายจัดการเรื่องนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นถังยู่หนีไป เหลียงเจิ้งก็ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ตอนแรกเขาอยากจะไล่ตามไป แต่เขาเลือกที่จะไม่ไป
เขากำหมัดไว้แน่ มองดูเส้นทางที่รถเบนซ์จากไป และตะโกนด่าด้วยความโกรธ:“ฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกคุณไปอย่างแน่นอน”
บนรถ เทียนขุยมองฟางเหยียนที่นั่งหลับตาพักผ่อนอยู่หลังรถผ่านกระจกมองหลังและพูดว่า:“จอมพลโผ้จวิน เมื่อสักครู่คุณทำปืนนั้นหักเป็นสองท่อนใช่ไหม?”
“คุณมองออกได้ยังไง?”ฟางเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่เขาก็ไม่ได้ลืมตา
เทียนขุยพูดว่า:“นอกจากเจียนเฟิงของคุณ ไม่มีใครมีความสามารถฟันปืนกลายเป็นสองท่อนได้”
ฟางเหยียนเผยรอยยิ้มออกมา แน่นอน เมื่อสักครู่ฟางเหยียนลงมือฟันปืนนั้นขาดเป็นสองท่อน เขาใช้พลังชี่ฟันปืนนั้นจนขาด แต่ไม่ได้ฟันมือของผู้ชายคนนั้น!เจียนเฟิงของเขา สามารถตัดสิ่งของให้ขาดผ่านทางอากาศ มันเป็นเรื่องง่ายๆอยู่แล้ว
“เทียนขุย คุณก็เก่งมากเหมือนกัน !”ฟางเหยียนพูดอย่างเรียบง่ายและเป็นกันเอง
เทียนขุยพูดว่า:“จอมพลโผ้จวิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เป็นลูกน้องของคุณเสมอ ฉันจะจงรักภักดีต่อคุณเท่านั้น”
เจ็ดเทียนในสำนักเจ็ดพิฆาตฟังแค่คำสั่งของฟางเหยียนคนเดียว มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแล้ว
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร ยังคงหลับตาพักผ่อนอยู่
เทียนขุยนิ่งไปชั่วครู่และถาม:“จอมพลโผ้จวิน ทำไมคุณต้องช่วยผู้หญิงคนนั้นด้วย?คุณชอบเธอใช่ไหม?”
“อืม”เมื่อได้ยินคำถามของเทียนขุยฟางเหยียนก็ลืมตาขึ้นมาทันที เขานั่งตัวตรงขึ้นมาและถาม:“คำพูดเมื่อสักครู่ หมายความว่าไง?”
เทียนขุยคนนี้ พูดจาช่างน่าทึ่งจริงๆ
เทียนขุยพูด:“ฉันเห็นคุณดีกับผู้หญิงคนนั้นมากๆ ดังนั้นฉันก็เลยเดาว่าคุณชอบเธอหรือเปล่า”
“อึ!”ฟางเหยียนเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขาจึงเปลี่ยนสีหน้าและถาม:“คุณเคยคบหาดูใจกับใครมาก่อนไหม?”
เมื่อเทียนขุยได้ยินคำนี้ จู่ๆเขาก็นิ่งไปเลย!
ทำไมจู่ๆจอมพลโผ้จวินถึงถามเรื่องของเขา?จอมพลโผ้จวินดีกับเจ็ดเทียนแห่งสำนักเจ็ดพิฆาตมากๆ แต่ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของพวกเขาเลย แต่ตอนนี้จอมพลโผ้จวินถามเรื่องส่วนตัวของเขา เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธจึงพูดด้วยความเขินอายว่า:“เคยคบหาดูใจมาแล้วคนหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าความรักหรือเปล่า ตอนอยู่ประถม ฉันชอบเล่นกับผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน เธอชื่อเสี่ยวหง สมัยนั้น เวลาที่ไปโรงเรียนหรือเลิกเรียน กลับบ้านไปเลี้ยงวัว เธอก็จะอยู่กับฉันตลอด อยู่ในโรงเรียนถ้ามีคนรังคุณเธอและเธอมาบอกฉัน ฉันก็จะไปทะเลาะวิวาทเพื่อเธอ ทั้งๆที่พ่อของฉันห้ามไม่ให้ฉันมีเรื่องทะเลาะวิวาทในโรงเรียน แต่เพื่อเธอฉันทำได้ทุกอย่าง ถ้าฉันเห็นเธอยิ้ม ฉันก็จะมีความสุข ถ้าเห็นเธอถูกรังคุณ ฉันก็อยากจะปกป้องเธอ ตอนนั้นพวกเราสัญญากันไว้ ถ้าโตขึ้นพวกเราจะแต่งงานกัน ตอนนั้นเธออาศัยอยู่บ้านของคุณปู่ แต่ตอนที่อยู่ประถมศึกษาปีที่ห้า เธอออกจากหมู่บ้านไป เพราะพ่อแม่ของเธอกลับมาที่หมู่บ้านและพาเธอจากไป บ่ายของวันนั้น ฉันไล่ตามรถของเธอจนหมดสติไป หลังจากนั้นฉันก็ไม่เจอเธออีกเลย แต่เธออยู่ในใจของฉันเสมอ”
หลังจากได้ฟังเรื่องราวของเทียนขุย ฟางเหยียนก็พยักหน้าและครุ่นคิด หากความรักที่เรียบง่ายในวัยประถมไม่ใช่ความรัก โลกนี้ก็คงจะไม่มีรักแท้แล้ว เพราะตอนเด็กมันเป็นความรักที่ไร้เดียงสา อยากจะปกป้องคนๆหนึ่ง คุณก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเธอ ไม่เหมือนกับคนในสมัยนี้ ความรักมันคืออะไรกันแน่
“คุณเคยไปตามหาเธอไหม?”ฟางเหยียนถามด้วยความอยากรู้
เทียนขุยส่ายหัวและพูด:“ไม่เคย ผู้คนมากมายขนาดนี้ ฉันจะไปหาเธอจากที่ไหน ฉันเรียนจบมัธยมต้นก็ไปเป็นทหารเลย หลายปีมานี้ ฉันใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพ ฉันอยากตามหาเธอเหมือนกัน แต่มันยากมาก แล้วแต่บุญวาสนาละกัน!”
“ว่าแต่ จอมพลโผ้จวิน ทำไมคุณถึงถามเรื่องส่วนตัวของฉัน?”เทียนขุยถามกลับ
ฟางเหยียนพูด:“ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณเคยมีความรักหรือเปล่า คุณเข้าใจความหมายของการชอบใครสักคนหรือเปล่า!”
เทียนขุยพูด:“ฉันรู้สึกแปลกใจในตัวคุณ ด้วยนิสัยใจคอของคุณ คุณไม่ดีกับผู้หญิงคนไหนง่ายๆอยู่แล้ว คุณดีกับเธอแบบนั้น ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้”
“การชอบใครสักคนคือการพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเธอ ฉันไม่ใช่คนที่จะชอบใครก็ได้ง่ายๆแบบนี้ ถ้าชอบใครสักคน มันเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ” ขณะที่ฟางเหยียนกำลังพูด ก็กำมือตัวเองไว้แน่น เย่ชิงหยู่คือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเธอ ผู้หญิงคนอื่นๆไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว
ไม่รู้ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?ไม่รู้ว่าเธอคิดได้หรือยัง?ไม่รู้ว่าเธอยังโกรธที่เขาปกปิดฐานะของตัวเองหรือเปล่า!
ในโลกใบนี้ มีเพียงเย่ชิงหยู่คนเดียวที่ทำให้ฟางเหยียนถอนหายใจด้วยความเศร้า