จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 278
พี่น้องของพวกเขาเข่นฆ่าโรมรันกันในสนามรบ เผชิญหน้ากับกระสุนและการไล่โจมตีฆ่า เผชิญหน้ากับระเบิดนับไม่ถ้วน จนผ่านมานานหลายปีแต่ก็ยังไม่ตาย
แต่ในตอนที่กลับมานั้น กลับถูกองค์กรลึกลับฆ่าตาย ยังมีองค์กรภายในประเทศอีก สิ่งนี้ทำให้พวกเขาหลายคนโกรธแค้นองค์กรนั้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ็ดเทียนก็สาบานเลยว่า จะต้องหาตัวคนร้ายออกมาให้ได้ แล้วจัดการคนร้ายซะ!
ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านั้น ตอนนั้นเทียนหม่าได้นำพี่น้องนับพันขับไล่ทหารรับจ้างออกจากประเทศไป อีกทั้งยังจัดการตัดศีรษะนายพลที่เป็นผู้นำด้วย
ตอนนั้นเป็นวันเวลาที่มีความสุขกันมาก เพราะว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของเทียนหม่าพอดี เพื่อนำของขวัญมาให้เทียนหม่า ฟางเหยียนตั้งใจให้เขาไปล้อมทหารรับจ้างพวกนั้น แต่นั่นเป็นเพียงแค่กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มเล็กๆเท่านั้น มีแค่เทียนหม่าก็พอแล้ว
หลังจากที่ฟางเหยียนได้รับข่าวชัยชนะของเทียนหม่า เขาก็เตรียมอาหารเลิศรสไว้เป็นพิเศษ นั่นเป็นอาหารถิ่นเกิดที่เทียนหม่าชอบทาน และฟางเหยียนก็ตั้งใจให้พ่อครัวไปนำกลับมาจากบ้านเกิดของเทียนหม่าโดยเฉพาะ ฟางเหยียนจำได้ว่า เทียนหม่าเคยพูดว่าเขาอยากทานอาหารบ้านเกิดของตัวเองมาก เมื่อก่อนในทุกปีวันเกิดเขามักจะทานอาหารถิ่นเกิด เพราะฉะนั้นฟางเหยียนจึงตั้งใจเตรียมอาหารบ้านเกิดของเขาเป็นพิเศษ
ในตอนที่ทุกคนกำลังรอเทียนหม่ากลับมาร่วมงานวันเกิดที่แสนพิเศษ แต่แล้วเทียนหม่ากลับไม่มีทีท่าจะกลับมา!
ต่อมา ก็มีข่าวร้ายส่งมาบอกว่า เทียนหม่ากับกองทหารที่เขาเป็นคนนำทัพถูกลอบโจมตีขณะกลับมา กองทหารทั้งหมดถูกกวาดล้าง รอจนฟางเหยียนไปถึงขานอนตายอยู่ท่ามกลางกองเลือด ในมือของเขาถือที่เกิดเหตุ เทียนหม่าก็ได้ตายจากไปแล้ว ในมือของเขายังถือมีดเหล็กหนึ่งเล่ม นิ้วมือของเขากำมีดเหล็กเล่มนั้นแน่นมาก ฟางเหยียนต้องใช้แรงแงะออก ถึงได้เอาออกมาได้
นั่นเป็นวันเกิดของเทียนหม่า เขาพึ่งอายุยี่สิบสี่ปีเท่านั้น และเขาก็เสียชีวิตหลังจากอายุยี่สิบสี่ปี ทุกคนในสำนักเจ็ดพิฆาตไม่รู้ว่าเทียนหม่าต้องเจอกับอะไรมาบ้างทองสัมฤทธิ์ลวดลายสัตว์เดรัจฉาน
บ่ายวันนั้น คนในสำนักเจ็ดพิฆาตทุกคนต่างพากันหลั่งน้ำตา พวกเขาสาบาน ว่าจะต้องแก้แค้นให้เทียนหม่ากับพี่น้องทุกคน
“จอมพลโผ้จวิน ผมจะฆ่าเขา!ผมจะฆ่าคนทั้งองค์กรนั่นทั้งหมด!”ดวงตาของเทียนขุยแดงก่ำ ในที่สุดชายฉกรรจ์คนนี้ก็ได้ระเบิดจุดอ่อนของตัวเองออกมาอีกครั้ง หัวใจที่จะแก้แค้นเพื่อพี่น้อง ไม่เคยหายไปไหน มาวันนี้พอมองเห็นความหวังเล็กน้อย แต่ความหวังนี้กลับถูกดับมอด เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครก็ไม่มีทางรับได้หรอก
นี่คือความคิดของเทียนขุย มีหรือจะไม่ใช่ความคิดของฟางเหยียน เจ็ดเทียนเป็นแค่ลูกน้องของเขาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพี่น้องของเขาด้วย ฟางเหยียนอยากจับองค์กรนั้นมากกว่าเทียนขุยเสียอีก หลังจากนั้นก็จัดการพวกมันซะ!
แต่ ฟางเหยียนเป็นคนที่ใช้สมองในการจัดการทุกเรื่อง หมอนี่ ถึงพวกเขาจะโมโหยังไง ก็ไม่มีทางจับได้หรอก!
เขาสูดอากาศหายใจเข้า แล้วพูดว่า“ความรู้สึกของนายฉันเข้าใจได้ แต่มันสามารถฆ่าเขาก่อนที่พวกเราจะมาถึงเพียงไม่กี่นาที นั่นก็หมายความว่าเขาเตรียมการไว้รอบคอบแล้ว เจตนาขององค์กรนี้ชัดเจนมาก ไม่อยากให้พวกเราสืบต่อไป เพราะว่าองค์กรของพวกเขามีคนฝีมือดีมากมาย!”
“จอมพลโผ้จวินโปรดอธิบาย!ผมไม่เข้าใจจริงๆ”เทียนขุยมองไปที่ฟางเหยียนด้วยสีหน้ามึนงง
ฟางเหยียนจึงชี้ไปที่ศพของจ้าวเอ้อแล้วพูดขึ้นมาว่า“เขาตายเพราะเส้นลมปราณถูกตัดขาดทั่วร่าง นินจาระดับต้าชี่ไม่มีทางทำให้คนคนหนึ่งตายเพราะเส้นลมปราณขาดแน่ มีเพียงแค่คนที่ใช้เจินชี่(เป็นพลังแรกเริ่มของร่างกายและชีวิต)เท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เส้นลมปราณขาดทั่วร่างได้ ฆ่าจ้าวเอ้อคนธรรมดาแบบนี้ ไม่ต้องใช้ยอดฝีมือแบบนี้ก็ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ในการฆ่า แค่ใช้มีดกรีดไปที่คอของเขาก็พอแล้ว แต่พวกเขาไม่ทำอย่างนั้น ที่ทำเพื่ออยากเตือนพวกเรา!ว่า พวกเราฆ่าคนแบบจ้าวเอ้อยังสามารถส่งคนฝีมือดีแบบนี้มาได้ และยังสามารถจัดการก่อนหน้าพวกเราได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นพวกแกอย่าสืบต่อไปอีก นี่ถือว่าเป็นการเตือนพวกแก!”
เทียนขุยฟังจบ คิ้วของเขาก็ขมวดลึกขึ้น เขากำหมัดแน่น กระดูกของเขาเสียงดังกร๊อบ เขากัดฟันแน่นพลางพูดอย่างโกรธเกรี้ยว“จองหองเกินไปแล้ว ถึงกล้าเตือนจอมพลโผ้จวินได้!จอมพลโผ้จวินแห่งสำนักเจ็ดพิฆาตสูงส่งไม่มีใครทัดเทียม มีหรือจะปล่อยให้องค์กรเล็กๆระดับนี้หยิ่งผยองพองขนแบบนี้ได้ ฆ่าพี่น้องของผม ข่มขู่จอมพลโผ้จวินของผม รอผมหาพวกมันเจอ จะฉีกร่างมันให้เป็นชิ้นแน่!”
ถูกคนเตือนขนาดนี้ ถือว่าฟางเหยียนพึ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก แต่ฟางเหยียนกลับไม่สามารถทำอะไรองค์กรลึกลับนั้นได้เลย พอเห็นเทียนขุยตื่นเต้นขนาดนั้น เขาก็รีบยกมือขึ้นมาพาดบนไหล่ของเทียนขุย แล้วพูดว่า“อย่าใจร้อน เทียนขุย!สิ่งที่ควรมายังงก็ต้องมาถึงสักวัน การมีอยู่ขององค์กรนี้ต้องมันเหตุผลของมันอยู่แล้ว ต่อไปสิ่งที่พวกเราต้องทำคือสงบจิตสงบใจ แล้วทำสิ่งที่พวกเราควรทำต่อไป ถ้าหากพวกเราขัดแข้งขัดขาตัวเอง จะเป็นการไม่ดี ในเมื่อพวกเขาปรากฏเงาออกมาเล็กน้อย นั่นก็แสดงว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรต่อไปแน่ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเผยพิรุจ รออีกหน่อยเถอะ!”
นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ฟางเหยียนสามารถดำรงตำแหน่งเป็นจอมพลโผ้จวินของสำนักเจ็ดพิฆาตได้ นอกจากความสามารถทั้งตัวของเขาแล้ว ยังมีสมองอันชาญฉลาด ใจเย็น ถึงได้สามารถรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งได้
เทียนขุยเชื่อมั่นฟางเหยียนมาก ถึงแม้จะอยากแก้แค้นโดยเร็ว แต่จอมพลโผ้จวินพูดมาขนาดนี้แล้ว เขาจึงทำเพียงแค่พยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วไม่พูดอะไรอีก
“ไปกันเถอะ กลับกัน!”ฟางเหยียนมองดูภายในห้องแต่ไม่มีมีอะไรให้ตรวจสอบ จึงสั่งการไปหนึ่งคำ
แต่ในตอนที่ทั้งสองพึ่งหันหลังกลับ ด้านนอกประตูมีเสียงของคนต่างชาติลอดเข้ามา“พวกเขาอยู่ในนี้ นี่คือรถของพวกเขา”
เมื่อก้าวออกจากประตู ฟางเหยียนกับเทียนขุยก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาทางนี้ มีความแข็งแกร่ง อานุภาพเกรียงไกร เป็นทีมรักษาความปลอดภัย ทั้งหมดสามสิบกว่าคน สวมชุดรักษาความปลอดภัยทั้งหมด!
หมอนี่ทำอะไรตามอำเภอใจจริงๆ ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็ใช้คนมาเยอะขนาดนี้ ดูท่าคงจะคิดว่าตัวเองเป็นงูเจ้าถิ่นจริงๆ
เขาไม่ใช่นักเลงอันธพาลอะไรนะ เขาคือหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยถูกต้องตามกฎหมาย เหตุใดถึงสามารถทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ได้!
ในหมู่พวกเขายังมีคนสวมชุดสูทกับรองเท้าหนัง ดูสภาพของพวกเขาน่าจะเป็นคนของสมาคมชาวต่างชาติ
แน่นอนว่า หนึ่งในพวกเขายังมีชายผมทองที่ถูกเทียนขุยหักขา ชายผมทองถูกชาวต่างชาติสองคนที่เหมือนกับเขาพยุงไว้ ชาวต่างชาติสองคนนั้นอายุเยอะเล็กน้อย น่าจะเป็นสมาชิกในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง!
หญิงสาวยังคงขนาบซ้ายขวาของชายผมทอง ใบหน้าเป็นกังวลมาก อยากจะพยุงชายหนุ่ม แต่กลับไม่สามารถพยุงได้ อานุภาพของพวกเขาบ่งบอกเจตนาทุกอย่างชัดเจน ตั้งใจมาหาพวกเขาโดยเฉพาะ เป็นดั่งที่ชายผมทองพูดไม่มีผิด เขาจะให้ทั้งสองคนชดใช้
เทียนขุยก้าวเข้าไปหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า“ฉันกำลังจะไปหาไอ้หมอนี่พอดี ถ้าไม่ใช่เพราะรถของเขาขวางพวกฉันไว้ พวกฉันคงไม่มาช้าไปก้าวหนึ่งแบบนี้หรอก ไม่ได้มาช้าหนึ่งก้าว จ้าวเอ้อก็จะไม่ตาย!นี่เป็นสิ่งที่ไอ้เวรตะไลนี่เป็นคนทำ”
ฟางเหยียนจับแขนของเทียนขุยไว้ แล้วส่ายหัวพร้อมพูดว่า“อย่าใจร้อน ดูสถานการณ์ด้วย!”
เทียนขุยยังคงหวาดกลัวจากการตายที่เกิดขึ้นของจ้าวเอ้อ มองเห็นเบาะแสในมือขาดไป เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ไอ้หมอนี่ยังตรงเข้ามาหาเรื่องอีก ยิ่งทำให้เขาไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น!เพียงแต่จอมพลโผ้จวินพูดแล้ว เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้เพียงแค่ถอนหายใจ แล้วถอยกลับไป
“พวกเขาเหรอ?”ชายชราคนหนึ่งที่อายุเกินหกสิบปีไปแล้วชี้ไปที่เทียนขุยกับฟางเหยียนพลางเอ่ยถามขึ้น ริมฝีปากด้านบนของเขามีหนวดเครา หนวดเคราสีขาวโพลน ผมของเขาหวีจนเรียบ ดกดำมาก ดูก็รู้ว่าผ่านการย้อมมา บนตัวของเขาสวมชุดสูทเต็มยศ ยืดหลังตรง ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลอำนาจมาก แต่เพราะมีความกดดัน ใบหน้าของเขาจึงดูแก่ขึ้นมามาก เพราะฉะนั้น ใช้เพียงแค่สายตา ก็สามารถคาดเดาอายุที่แท้จริงของเขาได้แล้ว
ชายผมทองที่ถูกทำร้ายจนขาหักพยักหน้าแล้วพูดไปว่า“ใช่ครับ เขานั่นแหละ ไอ้ผู้ชายที่ตัวดำๆร่างกำยำคนนั้นเป็นคนทำให้ขาผมหัก!ยังมีหมอนั่นอีก เขาเตะรถผมกระเด็น ผมจะให้พวกเขาชดใช้กับการกระทำนี้”
พอได้ยินชายผมทองพูด เทียนขุยก็อดไม่ได้ เขากัดฟันกรอด แล้วพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว“จอมพลโผ้จวิน ให้ผมฆ่าเขาซะเถอะ!”