จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 28
บทที่ 28 ลากออกไป สังหาร
“ต้องขอโทษด้วย ผมแต่งงานแล้ว” ฟางเหยียนปฏิเสธหวงหยวนฉาว
หวงหยวนฉาวแสดงสีหน้าผิดหวัง เขาอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกับฟางเหยียนจริงๆ
คนระดับนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถเกี่ยวดองด้วยได้ เขาแอบเสียดายแทนหวงหยวนฉาว
“ถ้าอย่างนั้นหากมีโอกาส ผมจะต้องไปเยี่ยมเยียนคุณนาย”
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มชุดดำบุกรุกเข้ามา ชายหนุ่มดำถือมีด พุ่งไปที่ฟางเหยียน
ชายชุดดำว่องไวมาก ดูก็รู้ว่าได้รับการฝึกฝนมา เทียนขุยไม่ทันได้ไหวตัวทัน ชายชุดดำก็ประชิดตัวฟางเหยียนเป็นที่เรียบร้อย สถานการณ์ตรงหน้าเขาใกล้จะบรรลุเป้าหมาย ฟางเหยียนแหงนหน้าขึ้นกะทันหัน พลังงานบางอย่างปิดกั้นอยู่ตรงหน้าของเขา เสมือนกับกำแพงลม ใบหน้าของชายชุดดำทั้งสองนิ่งขรึม พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีก เสมือนกับว่าถูกควบคุมตัวเอาไว้
“บังอาจ กล้าลอบฆ่าจอมพลโผ้จวิน” เทียนขุยคำรามเสียงดัง พลางเอื้อมมือออกมาบีบคอชายชุดดำพร้อมยกขึ้น
“เห้เห้!” หวงหานเยว่วิ่งเข้ามาจากด้านนอก
“เอ่อ คือว่า คนกันเอง” เธอตะโกนขึ้นอย่างร้อนใจ
เทียนขุยถลึงตาโตใส่หวงหานเยว่ ด้วยความดุร้ายราวกับสัตว์ร้าย
“จอมพลโผ้จวิน หลายสาวกระผมยังเด็ก ท่านอย่าได้ถือสาเธอเลย” หวงหยวนฉาวจับจ้องฟางเหยียนด้วยความกังวล พร้อมขอโทษขอโพย “หานเยว่ ทำอะไรของแก? มาขอโทษผ่านจอมพลโผ้จวินเดี๋ยวนี้”
หวงหานเยว่เป็นผู้ฝึกวรยุทธ เธอเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ พลังปราณ และกำลังภายใน
กำลังภายในที่แข็งแกร่งราวกับกำแพงหนา ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะมีได้
อาจารย์ของเธอเคยบอกเอาไว้ คนที่สามารถใช้กำลังภายในในการสร้างกำแพงกั้นได้ ต้องเป็นระดับปรมาจารย์เท่านั้น
ปรมาจารย์ที่สามารถเปิดสำนักได้ อย่างเช่นระดับเทพอย่างจางซานเฟิง
นายฟางเหยียนคนนี้ แข็งแกร่งจริงๆ
หวงหานเยว่ตกใจจนกระตุกกระตัก “ขะ ขอโทษค่ะ ฉันแค่นึกประหลาด คุณอายุน้อยขนาดนี้ก็เป็นถึงผู้นำแล้ว ฉัน ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณเป็นท่านผู้นำจริงไหม!”
ฟางเหยียนยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม พลางเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันเป็นผู้นำจริงไหม?”
ฟางเหยียนเผชิญหน้ากับศัตรูธรรมดายังแข็งแกร่งกว่านี้หลายร้อยเท่า คนแบบนี้ประชิดตัวเขาไม่ได้หรอก
“ฉันเชื่อ ฉันเชื่อแล้ว”
ฟางเหยียนส่ายหน้า “ปล่อยตัวเขา! คุณหนูหวงเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น”
หลังจากที่เทียนขุยได้รับคำสั่ง จึงโยนทั้งคู่ออกไปด้านนอก
“จอมพลโผล้จวิน กระผมสมควรตาย” เทียนขุยโน้มตัวลง
“พอเถอะ นั่งลงได้แล้ว!”
หวงหยวนฉาวเอ่ยขึ้นทันควัน “ต้องขออภัยจริงๆ หลานสาวกระผมไม่รู้ความ หวังว่าท่านจอมพล….”
ฟางเหยียนยกแขนขึ้นขัดประโยคของหวงหยวนฉาว ในเวลานี้เอง ไอแห่งความตายแผ่กระจายอยู่รอบๆ ทันใดนั้นใบหน้าของชายหนุ่มบึ้งตึง “ออกมาได้แล้ว ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องลับๆ ล่อๆ”
ประโยคนี้ทำให้หวงหยวนฉาวและหวงหานเยว่ต่างงงเป็นไก่ตาแตก หมายความว่ามีคนอื่นอยู่อีกงั้นสิ?
พวกเขาแหงนหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ไม่เห็นแม่แต่เงา
แต่ ในเวลานี้เอง ชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก
ชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบกว่า แต่คิ้วคู่นั้นกลับแตกต่างจากคนอื่นๆ คิ้วของเขาเป็นสีขาว
“นายคือฟางเหยียน?” ชายคิ้วขาวเข้าประเด็ดทันที
ฟางเหยียนไม่ตอบรับ ก็เท่ากับยอมรับ
“มีคนสั่งให้ฉันมาเด็ดหัวของแก” จบคำเขาหยิบมีดสั้นขึ้นมาสองเล่ม ไม่บอกก็รู้ ตระกูลเซียวเป็นคนส่งมา
ฟางเหยียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว เทียนขุยพยักหน้าอย่างรู้งาน ก่อนกล่าว “คนที่พูดจาล่วงเกินต่อจอมพลโผ้จวิน ต้องตาย!”
จบประโยคเขาก็พุ่งเข้าใส่ทันที อีกฝ่ายมีความว่องไว เทียนขุยจุดอยู่ในประเภทการต่อสู้บนสนามรบจริงๆ การที่จะให้เขาจับเป็นค่อนข้างยาก ทั้งคู่ต่อสู้กันราวสามนาที เทียนขุยหักแขนทั้งสองข้างของฝ่ายตรงข้าม
“จอมพลโผ้จวิน เอายังไงครับ?”
ฟางเหยียนยกแก้วน้ำชาบนโต๊ะขึ้น “ลากออกไป สังหารทิ้งซะ!”
เขากล่าวประโยคนี้ ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย การฆ่าคนสำหรับเขาแล้ว ง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก
“แก แกไม่อยากรู้เหรอว่าใครสั่งให้ฉันมา?” ชายคิ้วขาวกล่าว
ไม่ต้องถามก็รู้ ในเมืองจินโจวกล้าจ้างนักฆ่ามาฆ่าเขา นอกเสียจากตระกูลเซียวแล้วยังจะมีใครอีกล่ะ?
เมื่อเห็นเทียนขุยลากชายคิ้วขาวออกไปแล้ว เขาจึงหันไปกล่าวกับหวงหยวนฉาว “ท่านหวง คุณเองก็เห็นแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพบคุณ เพียงแค่ผมจะนำพาอันตรายมาด้วย”
ตอนนี้เองสีหน้าของหวงหยวนฉาวถึงได้กลับมาเป็นปกติ ก่อนที่จะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “หากอยู่กับท่านผู้นำยังมีอันตราย ถ้างั้นบนโลกใบนี้ก็ไม่มีใครที่ปลอดภัยอีกแล้ว”
ฟางเหยียนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
“ใช่สิ ท่านผู้นำ ท่านรู้ไหมว่าใครเป็นคนส่งมา?”
ฟางเหยียนไม่ทันได้กล่าวตอบ หวงหยวนฉาวก็ไอค่อกแค่ก ก่อนที่จะอ้วกออกมาเป็นเลือด
“คุณปู่ คุณปู่!” หวงหานเยว่ประคองหวงหยวนฉาวเอาไว้ ก่อนที่จะหยิบยาออกมา
ฟางเหยียนเดินเข้าไป “รอเดี๋ยวนะ!”
จบคำเขาเดินเข้าไปที่หวงหยวนฉาว เขายกแขนขึ้นวางลงบนหน้าอกที่กระพือขึ้นลงของเขา
“วางเขาลง” ฟางเหยียนสั่ง
หวงหานเยว่นิ่งไป ก่อนที่จะทองไปที่พื้น ที่ค่อนข้างสกปรก จึงเอ่ยถาม “เพราะอะไร?”
ฟางเหยียนไม่แยแส พลันเข้าไปประคองหวงหยวนฉาว ก่อนที่จะวางเขาลงกับพื้น
เขาเอื้อมแขนข้างขวาออกมา ตบลงไปที่หน้าอกของหวงหยวนฉาวอย่างแรงหนึ่งที กลุ่มไอบางอย่างมุดเข้าไปในร่างกายของหวงหยวนฉาว ไม่นาน หน้าอกที่กระพือขึ้นลงอย่างแรงค่อยๆ สงบลง ฟางเหยียนหยิบเม็ดยาสีดำออกมาจากกระเป๋า ยัดเข้าไปในปากของหวงหยวนฉาว
หวงหานเยว่กล่าวถามอย่างประหลาด “คุณให้คุณปู่ของผมทานอะไรลงไป?”
“ยา โรคเก่าแก่ของเขาจะหายในอีกไม่ช้า”
หวงหานเยว่กล่าวถามอย่างตกตะลึง
“คุณรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นโรคเก่าแก่ของคุณปู่?”
“ผมยังรู้อีกด้วยว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะฝึกวรยุทธเกินกำลัง ทำให้เขาเป็นแบบนี้ วางใจเถอะ เมื่อสักครู่นี้คือยาคืนจิต อีกไม่นาน เขาก็ตื่นแล้ว”
จบคำเขาหันไปกล่าวกับหวงหานเยว่อีกครั้ง “ใช่สิ ผมมีธุระ ต้องไปก่อน”
หญิงสาวจับจ้องแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลลับตาไปจองฟางเหยียน หวงหานเยว่ตะโกนเรียกหลายครั้ง แต่ฟางเหยียนกลับไม่สนใจเธอ
“เย็นชาชะมัด!” เธอบ่นอุบ
เป็นไปตามคาด หลังผ่านไปสองนาที หวงหยวนฉาวก็ตื่นขึ้นมา
“หานเยว่ จอมพลโผ้จวินล่ะ?” หวงหยวนฉาวกล่าวถามหลังจากที่ตื่นขึ้นมา
“เขาไปแล้ว คุณปู่ รู้สึกยังไงบ้าง?”
หวงหยวนฉาวขยับตัว ไร้ความรู้สึกใดๆ โรคนี้ทรมานเขามากว่ายี่สิบปี แถมช่วงนี้ยังกำเริบถี่กว่าเก่า หนักกว่าเก่า ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เขาจะไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย
“เมื่อสักครู่ เขาคนนั้นยัดยาคืนจิตให้ปู่ทาน แล้วก็บอกว่าท่านหายแล้ว” หวงหานเยว่กล่าว
“ยาคืนจิต?” หวงหยวนฉาวตื่นเต้น ก่อนที่จะวิ่งออกไปด้านนอก “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับท่านจอมพลโผ้จวิน”
หลายปีมานี้ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รับรู้ถึงความรู้สึกที่ถูกทรมาน อวัยวะทั้งหมดเจ็บปวดไปหมด ทรมานจนจะตายไปข้าง!
ก่อนหน้านี้มีคนบอกเขาว่ายาคืนจิตจะช่วยเขาได้ แต่ผู้ที่กลั่นยาแบบนี้ได้นั้นหายากยิ่งกว่าอะไรดี
ไม่คิดเลย ว่าเขาจะได้พบเจอ