จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 282
ชาวต่างชาติสองคนที่ประคองเขาเมื่อครู่นี้ล้วนรีบถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวล
ดวงตาทั้งคู่ของเขาเบิกกว้าง มองฟางเหยียน ในสายตามีความไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดอยากจะพูด แต่ว่ากลับพูดอะไรไม่ออก เขายกมือข้างที่ถือปืนเมื่อครู่ข้างนั้นขึ้นมากวัดแกว่ง แสดงออกว่าเขาต้องการจับฟางเหยียน แต่ว่าคนทั้งสองมีระยะห่างอยู่มากกว่าห้าเมตร เขากวัดแกว่งอยู่พักหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยมือลงสู่พื้นอย่างอ่อนแรง ล้มลงบนพื้น ร่างของเขาก็ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด กระตุกเกร็ง! นาทีนี้ ทุกคนต่างเงียบสงบลง แต่ละคนต่างปากอ้าตาค้างมองฉากที่เกินจริงนี้
เทียนขุยค้อมเอวไปทางฟางเหยียน ใบหน้ามีความละอายเอ่ยว่า “จอมพลโผ้จวิน ขออภัย! เป็นฉันที่จัดการไม่เรียบร้อย! เมื่อครู่ฉันควรจะฆ่าเขา! ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ทำตัวไม่เคารพท่านเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร!” ฟางเหยียนตอบกลับอย่างสบายๆประโยคหนึ่ง
“ปีเตอร์! ปีเตอร์!” หลงซิ่วซิ่ววิ่งไปหาชายผมทองอย่างเคร่งเครียด เธอยืนอยู่ด้านหน้าของร่างชายผมทอง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี! ชายผมทองคนนั้นโบกมือแยกเขี้ยวยิงฟัน ใบหน้าไม่ยินยอมทองที่หน้าของเธอ ราวกับว่าอยากจะพูดอะไร แต่คำเดียวก็พูดไม่ออก ทันใดนั้น แขนของเขาก็คว้าจับเท้าของหลงซิ่วซิ่วไว้ได้ ต่อมาลมหายใจยิ่งรัวเร็วขึ้น ดวงตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง ไม่นานนัก ดวงตาของเขาเหลือกขาว แล้วก็ตายไปทั้งอย่างนี้อย่างรวดเร็ว
“อ๊า!” เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั้งตรอกถนน นั่นคือเสียงกรีดร้องของหลงซิ่วซิ่ว เธอไม่ใช่เพราะมีความรักที่มากล้นถึงได้แตกสลาย แต่เป็นเพราะคนผู้หนึ่งถึงกับตายในอ้อมแขนเธอ แล้วยังใช้มือที่เปื้อนเลือดสัมผัสเธอด้วย
ตามหลังเสียงกรีดร้องนี้ หลงซิ่วซิ่วก็เป็นลมหมดสติตามไป สถานที่ตรงนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นวุ่นวายขึ้นมา
“นาย นายๆๆ!” หัวหน้าหลงมองฟางเหยียน ตัวสั่นจนพูดอะไรไม่ออก ทั้งใบหน้าบิดเบี้ยวมากองรวมกัน
“นายถึงกับกล้าฆ่าคนกลางถนน นายถึงกับฆ่าชาวต่างชาติ” ในที่สุดเขาก็เค้นคำพูดประโยคหนึ่งออกมาได้
สีหน้าของประธานอู๋ก็มืดครึ้มลงทันที เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำอย่างที่สุด เขามองสำรวจฟางเหยียน ดวงตาหรี่ลงจนเป็นเส้นตรง สักครู่ถึงได้เอ่ยอย่างโมโหว่า “นายทำแบบนี้ได้ยังไง? นายฆ่าคนที่นี่ได้ยังไง? ถึงแม้ว่านายจะร้ายกาจมากกว่านี้ ภูมิหลังตระกูลแข็งแกร่งอย่างไร นายก็ไม่อาจฆ่าคนได้! นี่นายกำลังก่ออาชญากรรม!”
ชาวต่างชาติสองคนนั้นในใจมีความโกรธเคือง แต่ว่ากลับไม่กล้าพูดออกมาสักประโยค เพราะว่าพวกเขาเห็นท่าทางการฆ่าคนของชายคนนั้นอย่างชัดเจน ก็เป็นแค่ในชั่วขณะนั้น ก็ฆ่าคนไปแล้ว ทั้งยังฆ่าทิ้งจากในมือของพวกเขา ทำอย่างไรดี?
ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ชายคนนี้ไม่ค่อยชอบชาวต่างชาติ พวกเขาแน่นอนว่าไม่กล้าพูดแม้ครึ่งคำ
ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขม็งไปที่ประธานอู๋ เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ที่นี่คืออาณาเขตของประเทศหวา ไม่มีใครก็ตามที่สามารถยกมือวาดเท้าต่อหน้าฉันได้! ใคร ก็ไม่อาจ เมื่อครู่เทียนขุยพูดไปแล้ว คนต่างชาติป่าเถื่อนใช้ปืนจ่อหน้าฉัน จำต้องตาย!”
“ฉันยังอยากสอนหลักการนายอีกสักข้อหนึ่ง ใครก็ตามที่มาถึงแผ่นดินผืนนี้ ล้วนต้องปฏิบัติตามกฎของแผ่นดินนี้ ไม่มีใครที่พิเศษ ถ้าไม่ชอบแผ่นดินนี้ เช่นนั้นก็ไสหัวออกไปให้ฉัน ไม่เช่นนั้นถ้าถูกฉันพบเจอเข้า ฉันเห็นคนหนึ่ง ก็ฆ่าคนหนึ่ง!” คำพูดของฟางเหยียนเฉียบขาด ไม่สะทกสะท้าน!
ผู้ชมที่อยู่โดยรอบนั้นล้วนได้ยินคำพูดนี้ ต่างก็ปิดปากเงียบทันที
ยากนักที่สถานที่เกิดเหตุจะเงียบเช่นนี้ ฟางเหยียนเอ่ยต่อไป “พวกนายสองคน ไม่มีสิทธิ์มาให้ฉันฆ่า ตอนนี้ตำแหน่งของพวกนายก็ไม่ต่อยเหมาะสมกับพวกนาย นับจากวันนี้ไป พวกนายก็ออกจากตำแหน่งเถอะ!”
คำพูดนี้พูดจบ ฟางเหยียนก็ก้าวเดินเสียงดังอย่างทรงพลังไปจากที่แห่งนี้
ประธานอู๋และหัวหน้าหลงทั้งสองคนสบตากันครั้งหนึ่ง ในสายตานอกจากตกตะลึงแล้วก็ยังคงตกตะลึง!
รอจนหลังจากทั้งสองคนนั้นจากไปแล้ว ชาวต่างชาติทั้งสองคนนั้นที่ถูกทำให้ตกใจจนตัวสั่นสะท้านถึงได้กล้าพูดจา “ประธานอู๋ เขาฆ่าคนของประเทศพวกเรา แล้วยังฆ่าต่อหน้าคนตั้งมากมาย คุณก็ให้เขาจากไปเช่นนี้หรือ?”
“ใช่แล้ว ประธานอู๋ พวกคุณใช้ปืนมากมายขนาดนั้นจ่อไปที่เขา ทำไมถึงไม่ลั่นไก? เขานั้นฆ่าคนด้านในไปแล้ว แล้วยังฆ่าคนของประเทศเราต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ นี่สมควรจะเป็นโทษตาย โทษตาย!”
ประธานอู๋ขมวดคิ้ว ถามกลับว่า “เช่นนั้นเมื่อครู่ทำไมคุณไม่ลั่นไกล่ะ? คุณก็สามารถลั่นไกฆ่าเขาได้! ถ้าคุณรู้สึกว่าลั่นไกแล้วได้ผล เช่นนั้น เขาต้องตายไหม?”
พูดจบ ประธานอู๋มองร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้นครั้งหนึ่ง สายตานี้ก็ชัดเจนเพียงพอแล้วที่จะบอกชายทั้งสองคนนั้น ถ้าเกิดว่าลั่นไกแล้ว จุดจบก็เหมือนกันกับเขา
ชาวต่างชาติทั้งสองคนนั้นโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวสลับเขียว เหอะออกมาเสียงหนึ่ง สะบัดมือครั้งหนึ่งเอ่ยว่า “เรื่องนี้ฉันจะรายงานไปยังเบื้องบน ดูว่าถึงตอนนั้นคุณจะพูดอย่างไร!”
พูดจบ ทั้งสองคนก็จากไปอย่างโกรธเกรี้ยว
ประธานอู๋หยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่งอย่างไม่รีบไม่ร้อน ค่อยๆจุดบุหรี่ช้าๆ จากนั้นก็สูดเข้าลึกๆสองครั้ง
หัวหน้าหลงมองลูกสาวที่ถูกลูกน้องสองคนประคองไว้ หน้าผากมีเหงื่อเม็ดโตมากมายไหลออกมา หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหาประธานอู๋ด้วยไปหน้าขมขื่น เอ่ยถามว่า “ประธานอู๋ เรื่องนี้จะจัดการอย่างไร?”
ประธานอู๋ก็หยิบบุหรี่ออกมาอีกหนึ่งมวนยื่นให้หัวหน้าหลง เอ่ยว่า “ไม่รีบ สูบบุหรี่สงบสติอารมณ์ก่อนสักหน่อย!”
ได้ยินคำพูดของประธานอู๋ หัวหน้าหลงก็ลังเลอยู่เล็กน้อย สงสัยว่าตนเองใช่ฟังผิดไปหรือไม่ ดังนั้นจึงถามว่า “คุณพูดอะไร?”
“อืม!” ประธานอู๋แสดงออกให้หัวหน้าหลงรับบุหรี่ไป หลังจากเขามองบุหรี่มวนนั้นอยู่สิบกว่าวินาที ก็รับบุหรี่มาอย่างระมัดระวัง สีหน้าไม่เข้าใจเอ่ยถามว่า “ประธานอู๋ นี่ที่แท้แล้วหมายความว่ายังไงหรือ? ตอนนี้ชาวต่างชาติก็ตายไปคนหนึ่งแล้ว ด้านในยังมีอีกคนที่ไม่รู้ว่าตายอย่างไรอยู่อีก พวกเราต้องรับมือยังไงดีล่ะ?!”
ประธานอู๋กลืนควันบุหรี่ลงไปไม่กี่ครั้ง ก็หรี่ตาลงเอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้คนผู้นั้นก็ไม่ใช่พูดแล้วหรือ? พวกเราสองคนไม่เหมาะที่จะนั่งตำแหน่งนี้ รอเงียบๆให้คนอื่นมาจัดการเถอะ!”
“คนอื่น?” ทั้งตัวหัวหน้าหลงก็ตกตะลึงไปแล้ว นี่คือต้องออกจากตำแหน่งแล้วหรือ?
“ไม่ใช่!” หัวหน้าหลงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเอ่ยว่า “ประธานอู๋ คุณคงไม่เชื่อคำพูดเจ้าหมอนั่นจริงๆหรอกใช่ไหม? อายุของเขานั้น ไม่ใช่คุณชายของตระกูลบางตระกูลหรือ? ทำไมคุณถึงฟังคำพูดไร้สาระของเจ้าหมอนั่นไปจริงๆเสียแล้ว เมื่อครู่ที่เขาพูดเช่นนั้น ก็เพียงเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น เขาอายุน้อยขนาดนั้น จะมีฐานะและตำแหน่งอะไรได้?!”
อายุของชายหนวดวัยหกสิบแผ่หลาอยู่ที่นี่แล้ว จากประสบการณ์ของเขาจะมองอะไรไม่ออกเลยได้อย่างไรกัน เขาหัวเราะเหอะๆออกมาครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “นายว่า ประเทศของเราสถานที่อันตรายที่สุด คนที่ต้องการแล้วยังต้องเป็นคนหนุ่มอีกด้วยเป็นสถานที่ไหนกันล่ะ?”
หัวหน้าหลงตอนแรกชะงักไปกว่าสิบวินาที สุดท้ายจึงพ่นคำสองคำออกมา “กองทหาร!”
ชายหนวดวัยหกสิบพยักหน้าโดยไม่ใช้คำพูด เอ่ยว่า “นายพูดถูกแล้วครึ่งหนึ่ง ที่ถูกต้องก็คือสนามรบ! สองคนนั้นมาจากสนามรบ ฐานะและตำแหน่งของพวกเขา ก็เหมือนกับที่พวกเขาพูดเช่นนั้น พวกเราไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้”