จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 287
“คุณสามารถทำเรื่องที่ผู้ชายทำได้จริงหรือ?” หลินถงลุกขึ้น แล้วเดินไปที่ข้างกายของฟางเหยียน หลังจากนั้นนั่งลง มือของเธอยกขึ้นมา แล้ววางลงไปบนต้นขาของฟางเหยียน อีกมือหนึ่งก็เกาะเกี่ยวแขนของฟางเหยียน
ดวงตาทั้งคู่สอดประสาน ใกล้ชิดกันอย่างมาก ในระหว่างดวงตาของคนทั้งคู่ ราวกับว่าได้เกิดประกายไฟกลุ่มหนึ่งขึ้นมา ผู้หญิงเสน่ห์แรงคนนี้ช่างเย้ายวนผู้คนจริงๆ ฟางเหยียนยกมือขึ้นคว้ามือข้างนั้นของเธอไว้ มืออีกข้างก็โอบเอวของอีกฝ่าย เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “รักนวลสงวนตัวเถอะ คุณนายถัง!”
หลินถงถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่ดูเหมือนเก่งมาก เหลือบมองเอวที่ถูกโอบกอดของตนเอง มือที่ถูกจับ ถึงกับพูดคำพูดเช่นนี้
ในตอนที่เธอเตรียมที่จะยั่วเย้าฟางเหยียน ฟางเหยียนกลับปล่อยมือของเธอออก ก็เป็นเช่นนี้ เนื้อที่ถูกส่งไปถึงที่ถูกเขาคายทิ้งแล้ว หลินถงรู้สึกว่าวันเวลาที่ดีมีไม่มากแล้ว ด้านหนึ่งจัดเสื้อผ้าของตัวเอง อีกด้านหนึ่งหรือ ก็พูดพึมพำกับตัวเอง “ว่ากันจนถึงแก่นแท้แล้ว คุณยังคงเชื่อข่าวลือติฉินด้านนอก คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงพิฆาตสามี ขอเพียงเป็นผู้ชายที่มาอยู่กับฉันเท่านั้นล้วนก็จะมีจุดจบที่ไม่ดี คุณกลัวแล้ว ใช่ไหม?”
ฟางเหยียนจ้องเข้าไปในดวงตาของหลินถง เอ่ยว่า “ไม่! ฉันไม่กลัว เพียงแค่หวังให้คุณนายถังชัดเจนถึงฐานะของตนเอง”
“เชอะ!” หลินถงเชอะออกมาเสียงหนึ่ง เอ่ยว่า “คุณยังคิดว่าฉันไม่รู้หรือ? ที่จริงแล้วในใจของคุณนั้นมีฉันอยู่ใช่ไหม? ถ้าไม่มีฉัน คุณก็ไม่มีทางฆ่าหม่าซวี่ซงเพื่อฉันหรอก คุณฟาง ที่จริงแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณ ฉันกูรู้สึกได้ว่าบนร่างของคุณมีกลิ่นอายที่พิเศษสายหนึ่ง ลักษณะเช่นนั้นก็เหมือนกับผู้กล้าในสมัยโบราณ ตั้งแต่สมัยโบราณมาสาวงามคู่กับผู้กล้า หรือว่าฉันยังไม่นับว่างดงามหรือ?”
พูดอยู่ ร่างของหลินถงก็เข้ามาใกล้ฟางเหยียนอีกครั้ง ทั้งร่างแนบไปกับร่างของเขา กลิ่นหอมสายนั้นพุ่งเข้าสู่จมูก!
“คุณนายถังมีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะ! ฉันคิดว่าคุณมาหาฉัน ไม่ใช่มาคุยกับฉันอย่างเรียบง่ายเช่นนี้แน่!”
ฟางเหยียนพูดเข้าประเด็นอีกครั้ง สำหรับการกระทำของหลินถง ตนเองก็ไม่ได้หวั่นไหว
คนผู้หนึ่งที่เห็นคนตายต่อหน้ายังไม่กะพริบตา คนที่มือสังหารคนไปนับไม่ถ้วน เผชิญหน้ากับเรื่องเล็กน้อยจะหวั่นไหวได้อย่างไร? จิตใจและความรู้สึกของเขา มาถึงระดับที่ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้นานแล้ว
ขอเพียงเป็นเรื่องที่เขาไม่อยาก ใครจะทำอย่างไรก็ไม่มีทาง!
หลินถงไม่โง่ หลังจากผ่านการแลกเปลี่ยนกันหลายครั้ง เธอรู้ว่าฟางเหยียนคนนี้ไม่ใช่คนเจ้าชู้! แม้จะต้องเผชิญกับความงามที่ไม่มีใครเทียบได้เช่นเธอ ก็ไม่หวั่นไหวเลยสักนิด ดังนั้นอยู่ต่อหน้าเขา ไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนี้ มีเพียงแค่ค่อยหาเวลา แล้วค่อยทดสอบเขาสักหน่อยว่าที่แท้แล้วเขาเป็นผู้ชายหรือไม่ ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะทำอะไรกับเขา
ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นจากอ้อมอกฟางเหยียน เอ่ยว่า “คุณฟางเป็นคนปากเร็วใจถึงอย่างที่คิด ทำงานได้สบายใจมีความสามารถ ผู้นำตระกูลของพวกเราได้ยินข่าวว่าคุณมาที่หนานหลิง ก็อยากจะเชิญคุณไปร่วมงานที่จวน พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผู้นำตระกูลของเรา ที่จริงแล้วคือต้องการให้ฉันมาส่งคำเชิญถึงคุณ!”
ในที่สุดหลินถงก็เอาเรื่องทางการพูดออกมาแล้ว พูดอยู่ เธอก็ควักการ์ดเชิญสีแดงใบหนึ่งออกมาจากเข็มขัด
“อ้อ?” ฟางเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รับการ์ดเชิญนั้นมา เอ่ยว่า “วันเกิดของผู้นำตระกูลถัง ถึงตอนนั้นฉันจะต้องไปถึงแน่นอน!”
“ขอบคุณคุณฟางที่ให้เกียรติ!” หลินถงตอบ
“คุณนายฟางถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันก็จะลงไปก่อนแล้ว!” พูดอยู่ ฟางเหยียนก็จะลุกขึ้นเปิดประตูรถ
แต่ว่าเพิ่งจะลุกขึ้น ก็ถูกหลินถงดึงมือไว้ การกระทำนี้ทำให้ฟางเหยียนชะงักไปเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงองมือข้างนั้นที่ถูกหลินถงจับไว้ ใช้สายตาสงสัยมองไปที่หลินถง
หลินถงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันอยากรู้มากว่าทำไมแม้แต่มองฉันคุณยังไม่มองเลยสักนิด? ผู้ชายพวกนั้นล้วนแต่พุ่งมาหาฉัน ฉันไม่กล้าพูดว่าตัวเองงามล่มเมือง แต่ว่าก็เป็นคนที่โดดเด่นคนหนึ่งนะ หรือว่าฉันไม่เข้าตาคุณฟางขนาดนั้นเลยหรือ?”
นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอถามฟางเหยียนเช่นนี้แล้ว! ฟางเหยียนยื่นมืออีกข้างออกมาหยุดมือเล็กที่นุ่มนิ่มนั้นไว้ เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณเรียกได้ว่างามล่มเมือง และก็นับว่าเป็นคนที่โดดเด่น แต่ว่าคุณเป็นคุณนายใหญ่ตระกูลถัง ขอให้คุณเคารพตัวเองด้วย”
มือของหลินถงก็หดกลับมาราวกับถูกไฟฟ้าช็อต เธอยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเพราะว่าฉันเคยแต่งงานมาก่อน ดังนั้นคุณถึงได้ขับไล่ฉันแบบนี้? หมออัจฉริยะหนุ่มอย่างคุณ เกรงว่าคงไม่ชอบหญิงหม้ายอย่างฉันสินะ?”
ฟางเหยียนส่ายหน้า ปล่อยมือของหลินถง เตรียมจะเปิดประตูรถ
แต่ว่าหลินถงเอ่ยว่า “ถ้าคุณจะออกไปตอนนี้เลย คนด้านนอกจะมองคุณยังไงล่ะ? คุณฟาง คุณเป็นผู้ชายคนหนึ่ง คุณเข้ามาในรถกับฉันต่อหน้าคนมากมาย ก็ควรจะรู้ว่าคนอื่นคิดกับพวกเรายังไงสินะ? ถ้าคุณออกไปตอนนี้ คนอื่นจะเห็นคุณเป็นคนแบบไหน คุณน่าจะเข้าใจนะ?”
แน่นอน ฟางเหยียนไม่โง่ นี่ถ้าออกไป คนอื่นจะต้องคิดว่าเขาไม่ไหวแล้ว!
แต่ว่าเขาจะไปสนใจทำไมว่าใครจะมองเขายังไงกันล่ะ ถ้าสนใจสายตาคนอื่น เขาก็ไม่ใช่ฟางเหยียนแล้ว
เขากำลังเตรียมจะจากไปอย่างเด็ดขาด แต่ว่าหลินถงจับมือของเขาเอาไว้ เอ่ยว่า “คุณฟาง ก็เอาเป็นว่านั่งเป็นเพื่อนฉันสักพักเถอะ ข้างกายของฉันทั้งวันมีคนติดตามมากมายขนาดนั้น เวลาส่วนตัวสักเล็กน้อยยังไม่มี ตอนนี้ฉันเพียงแค่อยากนั่งกับคุณสองคนสักพัก! ได้ไหม?”
ฟางเหยียนไม่เอ่ยคำ ดึงมือที่เปิดประตูรถกลับมา นั่งลงไปที่ตำแหน่งเดิมเมื่อครู่!
หลินถงพลันค่อยๆพิงไปที่ไหล่ของฟางเหยียน พึมพำกับเสียงเบาว่า “คุณคิดว่าคนเหล่านั้นมาเพื่อปกป้องฉันหรือ? ที่จริงแล้วไม่ใช่ คนพวกนั้นเป็นคนที่ผู้นำตระกูลถังสั่งให้มาจับตาดูฉัน ผู้นำตระกูลถังกลัวว่าฉันจะหนีไป”
“เช่นนั้นคุณหนีได้ไหม?” ฟางเหยียนถามอย่างเฉยเมย
หลินถงเปิดปากยิ้ม “นั่นก็ต้องดูว่าเป็นใครที่พาฉันหนีแล้ว ถ้าเป็นคุณ ฉันจะหนีไปกับคุณ!”
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างขมขื่นเอ่ยว่า “คุณมองฉันเก่งเกินไปแล้ว! ตระกูลถัง ฉันหาเรื่องไม่ไหว”
ทั้งคู่ต่างพูดไม่ออก ในรถเปลี่ยนเป็นเงียบสงบขึ้นมาทันที
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป นอกรถเริ่มที่จะไม่สงบขึ้นมา
คนกลุ่มนั้นที่ “เดินทางมาไกล” เริ่มมีความคิดเห็นกันแล้ว สองคนนั้นคงไม่เข้าไปทำอะไรกันจริงๆหรอกนะ?
เมื่อครู่เพียงแค่คาดเดา แต่เห็นว่านานขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมา นี่จะต้องมีปัญหาแน่ๆเลยสิ!
“สองคนนี้คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้นจริงๆหรอกนะ?”
แค่คิดถึงว่าเทพธิดาของตนเองถูกคนทำให้มีมลทินเช่นนั้นต่อหน้าตนเอง ใครได้รู้แล้วในใจก็ล้วนไม่สบายใจ
“นี่ยังต้องพูดหรือ? เข้าไปนานขนาดนั้น นายยังคิดว่าพูดคุยธุระอยู่ในนั้นหรือไง? หลินถงนั้นหน้าตางดงาม ก็ยังมีความต้องการทางด้านนั้น เข้าไปครั้งนี้ จะต้องร้อนแรงเป็นไฟสักรอบแล้ว!”
“บัดซบ! ไอ้เด็กคนนี้กอบกู้จักรวาลในชาติที่แล้วมาหรือ? ถึงกับสามารถครอบครองหลินถง! ต้องรู้ว่านี่คือหญิงสาวที่นายน้อยตระกูลหม่าก็ยังไม่ได้มาครอง ทำให้คนอิจฉาเกินไปแล้วมั้ง?”
“เฮ้อ! ฐานะและตำแหน่งแบบพวกเราก็ทำได้เพียงมองแล้ว!”
“บ้าสิ! หรือว่าไอ้หนุ่มนั่นรวยมากหรือไง? อีกอย่างนะ นายคิดว่าหลินถงจะชอบคนรวยหรือ? นายน้อยตระกูลหม่าไม่รวยหรือ? ยังไม่ใช่ว่าแม้แต่ผายลมยังไม่ได้กินก็ต้องตายแล้ว ไอ้หนุ่มนี่จะต้องมีจุดเด่นอะไรแน่ๆ ไม่เช่นนั้นแน่นอนว่าจะไม่ปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้นแน่ ส่วนที่ว่าคือจุดเด่นอะไรนั้น ฉันก็ไม่รู้แล้ว”