จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 290
ใบหน้าของหญิงงามเป็นสีเขียวด้วยความตื่นกลัว ทุกคนสะดุ้งโหยงกันหมด เหลียงจงเองก็ตกใจกลัวเช่นเดียวกัน เขารีบลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “โอเค ผมรู้แล้วครับลุงหู ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ!”
“ยังไม่รีบตามฉันมาอีก!” เหลียงจงกัดฟันมองไปที่คนทั้งสอง แล้วก็รีบเดินออกจากประตูไป
เมื่อเห็นว่าคนในครอบครัวของเหลียงจงเดินจากไปแล้ว หูหยานก็สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองแผ่นป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลเหลียงที่เพิ่งล่วงลับไป ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “ลูกพี่ ทุกคนล้วนพูดว่าเรารวยได้ไม่เกินสามรุ่น ผมพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว!”
เมื่อเข้ามาถึงในห้อง เหลียงจงก็กล่าวตำหนิอย่างรุนแรง “พวกเธอสองคนอยากฆ่าฉันให้ตายหรือไง ไม่รู้หรือไงว่าลุงหูกำลังโกรธ เธอวิ่งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาโหวกเหวกโวยวายตอนนั้น ใช้ได้ที่ไหนกัน?”
หญิงงามโกรธจนไม่รู้จะพูดอย่างไร “เหลียงจง นี่คือตระกูลเหลียงของคุณหรือของหูหยานกันแน่ ทำไมถึงต้องกลัวตาแก่คนนั้นขนาดนี้ด้วย ฉันบอกเลยนะ คุณมันขี้ขลาด ปล่อยให้เขาควบคุมคุณมาโดยตลอด ไม่ช้าก็เร็วการจุดธูปหอมเซ่นไหว้ของตระกูลคุณจะเปลี่ยนเป็นของตระกูลหู”
เหลียงจงมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้นิ้วด่าหญิงงาม “เธอเป็นผู้หญิง เธอจะไปรู้อะไร! ถ้าไม่มีลุงหู เธอคิดว่าตระกูลของเราจะมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ไหม ความสัมพันธ์ของลุงหูมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับตระกูลของเรา”
“สำคัญกับผีน่ะสิ! คุณก็แค่กลัว ระยะเวลาตั้งหลายปีคุณยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขาอีกเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ เพราะว่าคุณกลัวเขา นั่นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความกลัวภายในจิตใจของคุณมาโดยตลอด ถ้าคุณยังทำแบบนี้ต่อไป ในอนาคตคุณคงมอบเหลียงกรุ๊ปให้เขาไปเปล่าๆ ตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนของเขาทำงานอยู่ในเหลียงกรุ๊ป ถ้าหากวันหนึ่งเขาอยากจะสะบัดคุณทิ้ง คุณก็คงถูกไล่ตะเพิดออกจากบ้าน!” หญิงงามชี้นิ้วไปที่เหลียงจงและกล่าวอย่างโมโห
“ได้! หุบปาก!” เหลียงจงตะโกนอย่างรุนแรง หญิงงามอยากจะพูดต่อแต่ก็ถูกเหลียงจงตะโกนใส่เสียงดัง “หุบปากเน่า ๆ ของเธอซะ! เธอเป็นแค่ผู้หญิง อย่ามาพูดจาไร้สาระกับฉันแบบนี้”
หญิงงามตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอรูดซิปปากและไม่พูดอะไร
เหลียงจงมองไปทางเหลียงเจิ้ง แล้วถามว่า “ว่ามาสิ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนมารังแกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาได้ ที่หนานหลิง ขอเพียงลูกเขาไม่ไปรังแกใคร ตัวเขาก็ดีใจแล้วตอนนี้บอกว่าเหลียงเจิ้งถูกรังแก มันยากสำหรับเหลียงจงที่จะเชื่อว่าลูกชายเขาถูกรังแก
เหลียงเจิ้งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ที่หนานซาโจว ในตอนสุดท้าย เหลียงเจิ้งพูดอย่างไม่พอใจว่า “มันยังพูดอีกว่า ให้กลับบ้านแล้วเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มาบอกพ่อ มันพักอยู่ที่รีสอร์ทหยูฉวน ถ้าพ่อรู้สึกว่ามันทำไม่ถูกก็ให้ไปหามันที่นั่น ถ้าไม่ใช่เพราะมันพูดแบบนี้ ผมคงไม่มาบอกพ่อหรอก เห็นได้ชัดว่ามันแกว่างเท้าหาเสี้ยนตระกูลของเรา”
เหลียงจงพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “คนที่แกกำลังพูดถึง หน้าตาเป็นยังไง?”
“หน้าเหลืองซูบซีด สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร หนักไม่ถึงหกสิบห้ากิโลกรัม ดูเหมือนคนป่วย ถ้าลมแรงหน่อยก็คงถูกพัดปลิว ถ้าไม่ใช่เพราะบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างมัน มันคงถูกผมซ้อมจนตายไปแล้ว” เหลียงเจิ้งพูดไปโมโหไป
เจ้านั่นต้องอาศัยบอดี้การ์ดของมันเป็นหลัก ถ้าบอดี้การ์ดของมันไม่แข็งแรง ตัวเขาคงไม่กลัวหรอก
สายตาของเหลียงจงหรี่ลงในทันที แล้วถามว่า “เขาสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนกับรองเท้าคอมแบตใช่ไหม?”
ในขณะที่ถาม สีหน้าของเหลียงจงก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้น ความถี่ในการเต้นของหัวใจเขาก็ค่อยๆ ถี่ระรัวมากขึ้น
เหลียงเจิ้งกะพริบตาก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ พ่อรู้ได้ยังไง? พ่อตรวจรถของผมเหรอ?”
เหลียงจงยกมือขัดจังหวะเหลียงเจิ้ง และถามว่า “นอกจานนั้น เขาพูดอะไรกับแกอีกไหม?”
“เขาบอกว่า หลังจากนี้อย่าโผล่ไปที่หนานซาโจวอีก พ่อก็รู้ ถนนเส้นนั้นมัน…” เหลียงเจิ้งยังพูดไม่ทันจบประโยค เหลียงจงก็แทรกขึ้นมาว่า “ดี ทำตามที่เขาบอก อย่าไปที่หนานซาโจวอีก แล้วก็ถ้าแกเจอเขาอีก ทางที่ดีก็หลบซ่อนไปเลย อย่าไปหาเรื่องเขาอีก”
อาจารย์ของเหลียงจงเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรมาเสมอ อีกทั้งยังรักลูกชายของตนเองมาก ในตอนนี้พูดแบบนี้ทำให้ เหลียงเจิ้งค่อนข้างงง เขาถามด้วยความสงสัย “พ่อ ทำไมล่ะ? เขารังแกผมนะ ทำไมผมต้อง…”
“จำคำพูดของพ่อในคืนนี้ไว้ มันดีต่อแก พ่อ แล้วก็ครอบครัวตระกูลเหลียงทั้งหมดของเรา” น้ำเสียงของเหลียงจงนิ่งมาก ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองตรงไปที่เหลียงเจิ้ง
เหลียงจงสะอื้น ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดี พ่อเข้าใจแล้ว โอเค แกลงไปก่อนได้!”
เหลียงเจิ้งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
ภายในห้องเหลือเพียงสามีและภรรยาในทันที หญิงงามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเหลียงเจิ้ง จึงถามขึ้นมาว่า “เกิดอะไรขึ้น? เหลียงจง!”
เหลียงจงสูดหายใจเข้าแล้วกล่าวว่า “คุณจำเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมที่เมืองจินโจวเมื่อหลายวันก่อนได้ไหม?”
หญิงงามพยักหน้าแล้วตอบว่า “จำได้ ที่แท้ผู้ชายคนนั้นเป็นคนทำหรอกเหรอ?”
เหลียงจงหยักหน้าอย่างไม่ลังเล และตอบว่า “ใช่!”
“เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงตามราวีตระกูลของพวกเราไปทุกที่ เริ่มจากจัดการคุณ ต่อมาก็จัดการลูกชายของเรา” หญิงงามพูดอย่างกังวลและไม่พอใจ
เหลียงจงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “คุณอย่าพูดจาไร้สาระ คนๆนั้นเป็นคนที่เราไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้”
“ลุงหูจัดการได้ไหม?” หญิงงามเอ่ยถาม
“ถ้าลุงหูไม่สามารถจัดการได้ อย่างนั้นพวกเราก็ไปหาเขาให้เขาเป็นเบื้องหลังให้เราเถอะ ฉันบอกคุณแล้ว ว่าลุงหูมีอำนาจมากเกินไปในตระกูลเหลียงของเรา ทุกคนล้วนฟังที่เขาพูด เกรงว่าพ่อของคุณจะไม่มีอำนาจพวกนี้เลย?!”
เหลียงจงยกมือขึ้นมาวางไว้บนหน้าภรรยาของตนเอง และกล่าวว่า “ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพูด! แต่ว่าเขาใช่คนที่จะถูกคนอื่นดึงมาหาเราอย่างง่ายดายที่ไหนกัน สรุปก็คือถ้าทำให้เขาร่วมมือไม่ได้ก็อย่าเลยดีกว่า!”
“แต่ ฉันจะไปทักทายเขาสักครั้ง ครั้งที่แล้วเขาไม่จัดการฉัน ฉันจะไปขอบคุณเขาสักหน่อย ฉันไปก่อนนะ”
เหลียงจงเดินออกไปขณะที่กำลังพูด
แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก หันกลับไปมองทางภรรยาของตนเองแล้วกล่าวว่า “คืนนี้ ฉันคิดว่าเธอแต่งตัวสวยมาก” เหลียงจงยกมือขึ้นยืนกอดภรรยาคนสวยของตนเองไว้แน่
หญิงงามส่งเสียงฮึ ก่อนจะกระซิบกับเหลียงจง “ที่สวยกว่านี้ยังมีอยู่ข้างใน”
พูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นมาปลดสายรัดชุดคลุมออก เผยให้เห็นถึงสิ่งที่นึกไม่ถึงที่อยู่ด้านใน รูปร่างภรรยาของเหลียงจงดีมากจริง ๆ เป็นเรื่องที่หายากมากที่ผู้หญิงที่อายุสี่สิบกว่าแล้วยังรักษาหุ่นให้เหมือนกับเด็กสาวไว้ได้ แม้ว่าจะมีภรรยาที่สวยขนาดนี้ แต่เหลียงจงก็ยังแอบไปกินเล็กกินน้อยนอกบ้านเหมือนเดิม นี่จะโทษใครได้
“เหลียงจง ฉันบอกเลยนะว่าคุณต้องหาทางกำจัดลุงหู ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของคุณในตระกูลจะตกอยู่ในความอันตราย ลุงหูนั่นนับลูกคิดคำนวณไว้อย่างดีแล้วรอให้ตระกูลของพวกเราล้ม”
ในตอนนี้เหลียงจงเป็นเหมือนสุนัขที่หิวโหย ปากงึมงำแต่มือก็ไม่หยุดนิ่ง