จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 295
เธอรีบหันหลังไปดูฟางเหยียนที่จากไป คิดในใจว่าชายคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ? ทำไมไม่ทำอะไร ก็เดินจากไปอย่างแปลกๆเสียอย่างนั้น? หรือคำพูดนั้นทำให้เขาตกใจงั้นเหรอ?
เฮ้อ! ถังยู่นะถังยู่ นี่เป็นบ้านของตัวเองนะ เขาจะทำอะไรตนได้เล่า? เขากล้าเหรอ?
ตนก็มีพี่เย่เฟยแล้วอยู่แล้วนะ ไม่รู้พี่เย่เฟยเก่งกว่าเขาตั้งกี่เท่า แล้วตนจะไปนึกถึงไอ้นี่บ่อยๆทำไมกัน ทั้งคู่เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวาน แล้วจะให้เขาอยากจูบตน กอดตนได้ไงกัน!
จู่ๆเธอก็นึกอะไรออก แล้วกล่าวตอนฟางเหยียนที่เดินจากไปแล้ว “นี่ การ์ดคนนั้นของคุณไม่อยู่ คุณไม่กลัวเหลียงเจิ้งกับผู้ปกครองของคนที่ถูกคุณตีมาหาเรื่องคุณเหรอ?วันนี้พวกเขามากันทุกคนเลยนะ”
ฟางเหยียนก็ไม่หันหลังกลับมา เพียงแค่โบกมือมาทางหลัง แล้วกล่าว “ไม่กลัว!”
เพียงแค่สองคำ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะถังยู่เป็นคนที่น่าสนใจ ฟางเหยียนจึงยอมพูดคุยกับเธอ ถ้าเป็นคนอื่น เขาล่ะขี้เกียจที่จะสนใจ
ถ้าจะพูดว่าชอบ ฟางเหยียนไม่มีทางชอบใครได้อีกแล้ว ในใจของเขามีเพียงเย่ชิงหยู่เท่านั้น!
หลังจากที่ไม่เห็นฟางเหยียนแล้ว ใจของถังยู่จึงได้นิ่งสงบลง และก็ไม่รู้ว่าเขากับหลินถงมีอะไรกันหรือเปล่า?ถ้ามีอะไรกัน เขาก็คือศัตรูของตน ถ้าไม่มีอะไรกันล่ะก็ เขาก็ยังเป็นศัตรูของตนอยู่ดี เขาน่ารังเกียจ!
ฟางเหยียนกลับมาที่ห้องโถง ขณะนี้มีคนเข้ามาอวยพรไม่น้อยแล้ว สมแล้วที่ตระกูลถังเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของหนานหลิง งานวันเกิดของผู้นำตระกูลมีคนยิ่งคนโตของหนานหลิงจำนวนไม่น้อยมาเข้าร่วม
มีทั้งนักธุรกิจ ทั้งข้าราชการ!
ฟางเหยียนเห็นถังเสี่ยนจงที่ยุ่งจนไม่เป็นอันทำอะไร จึงไม่ได้เข้าไปสนทนาอะไรด้วย เพียงแต่นั่งอยู่ในมุมๆหนึ่ง ปกติเขาก็ไม่ชอบอะไรที่ครึกครื้นแบบนี้อยู่แล้ว และไม่ชอบเข้าไปทำความรู้จักคนจอมปลอมเหล่านั้น เงียบสงบถึงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ!
ที่หนานหลิงตระกูลเหลียงเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตา เหลียงจงก็ถูกเชิญมาด้วยเช่นกัน คนที่มาถึงไม่ได้มีแค่เหลียงจงคนเดียวเท่านั้น ยังมีภรรยาและลูกชายของเขาล้วนมาร่วมด้วย เหลียงเจิ้งไม่ได้อยู่กับทั้งคู่ เขาเจอน้องชายของตน จึงได้แยกไปกับทั้งสองแล้ว
ทั้งสองก็เป็นคุณชายลูกท่านหลานเธอที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน คนหนึ่งชื่อจ้าวก่วง ครอบครัวทำธุรกิจโรงแรม มีทรัพย์สินหลายร้อยล้าน!อีกคนหนึ่งชื่อหยางซิง ครอบครัวทำธุรกิจเครื่องประดับเพชรพลอย มีทรัพย์สินหลายพันล้าน
“คุณชายเหลียง ได้ยินมาว่าเมื่อวานพวกคุณมีปัญหาที่เขตหนานซาโจว?” จ้าวก่วงถาม
เหลียงเจิ้งถอนหายใจ แล้วกล่าว “ไปพูดถึงเลย พอพูดถึงเรื่องนี้ ผมล่ะอารมณ์เสีย!”
“อ้อ พวกคุณทั้งสองเจอถังยู่หรือยัง?ผมมาถึงจะสิบนาทีแล้ว ทำไมยังไม่เห็นเธอเลย”
“โทรไปหาสิ คุณชายเหลียง” หยางซิงกล่าว “อย่าบอกนะว่าแม้แต่เบอร์โทรของคุณหนูถังคุณยังไม่มี?”
เหลียงเจิ้งหัวเราะ แล้วกล่าวอย่างทำอะไรไม่ได้ “ก็ไม่ใช่เพราะที่ยั่วโมโหเมื่อวานจนเธอไม่สบายใจหรอกเหรอ แล้วเธอจะรับสายของผมได้ยังไงกัน!เมื่อเช้าผมโทรหาเป็นสิบกว่าสายแล้ว”
“โถ่ คุณหนูคนนั้น โกรธคุณด้วยเหรอ!” หยางซิงกล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น
เหลียงเจิ้งกำหมัดแล้กล่าว “ก็ไอ้นั่นมันเข้ามายุ่งไง อย่าให้ผมเจอมันนะ ผมจะจัดการมัน!”
เมื่อออกห่างจากพ่อ แล้วเขาจะยังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ไหนกัน ที่หนานหลิงตระกูลของพวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น แล้วจะกลัวไอนั่น?เหลียงเจิ้งมองไปรอบๆใบห้องโถง เขากำลังมองหาถังยู่
จู่ๆ สายตาของเขาก็สะดุดที่คนๆหนึ่ง
“เหี้ย!” ทันใดนั้น เหลียงเจิ้งก็ส่งเสียงออกมา
สองคนนั้นชะงัก แล้วถาม “ทำไมเหรอคุณชายเหลียง?”
เมื่อวานทั้งสองคนไม่ได้อยู่ที่เขตหนานซาโจว ดังนั้นจึงรอดจากเรื่องราวร้ายๆนี้ไปได้ ความจริงพวกเขาก็แอบดีใจ เพราะถ้าอยู่ในเหตุการณ์ นอกจากเหลียงเจิ้งและถังยู่ คนอื่นๆล้วนเข้าโรงพยาบาลกันหมด
ตระกูลของพวกเขาไม่เหมือนกับเหลียงเจิ้งและถังยู่ คนหนึ่งเป็นเศรษฐีอันดับสองของเขตซีหนาน คนหนึ่งเป็นคุณหนูของตระกูลอันดับหนึ่งของหนานหลิง ที่คนนั้นไม่จัดการพวกเขาทั้งสอง ต้องเป็นเพราะอำนาจของตระกูลพวกเขาอย่างแน่นอน
นี่ไม่เพียงเป็นแค่ความคิดของทั้งสองคน และยังเป็นความคิดของเหลียงเจิ้งเองอีกด้วย
“พวกคุณดู!ดูที่คนนั้น รีบดูเร็ว”เหลียงเจิ้งชี้ไปที่มุมห้องโถง
เมื่อมองตามนิ้วของเหลียงเจิ้งไป เห็นคนที่ผอมคนหนึ่ง เป็นวัยรุ่นสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีน หน้าเหลืองซูบซีด อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา แต่ด้านการแต่งกายกลับต่างกันราวกับฟ้ากับดิน
“พู่!” จ้าวก่วงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยออกมา “ไอ้นั่นมันเจ๋งวะ แต่งตัวแบบนั้นยังกล้ามาร่วมงานวันเกิดของคุณท่านตระกูลถังอีก ช่วงนี้มีอะไรมากมาย คนพิสดารแบบนี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน!”
หยางซิงถามด้วยความสนใจว่า “คุณชายเหลียง คุณคงไม่คิดจะไปหาเรื่องเค้าอีกใช่มั้ย?”
จ้าวก่วงหัวเราะแล้วกล่าว “หาเรื่องก็หาเรื่องสิ ดูจากการแต่งตัวของมันแล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นคนที่มีเงินอะไรหรอก ผมว่ามันเข้ามาเพื่อฉวยโอกาส มาหาอะไรกินมากกว่า”
“เอาไงดี?คุณชายเหลียง!” เห็นเหลียงเจิ้งไม่พูดอะไรเลย หยางซิงจึงได้หันหน้าไปถาม
เมื่อมองไป ก็เห็นเหลียงจงที่กำลังกัดฟันโกรธแค้นอยู่ เขาหลับตาแล้วกล่าว “เมื่อวานคนที่ตีพวกเรา ก็คือมัน!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทั้งสองก็ชะงักไปพร้อมๆกัน มองเหลียงเจิ้งอย่างไม่เข้าใจ แล้วถามอย่างหน้าถอดสีว่า “มัน?”
มองจากซ้ายไปขวา จากบนไปล่างยังไงก็ไม่เหมือนคนที่ชกต่อยเป็นสักเท่าไหร่เลยนะ กลับเหมือนผู้ป่วย ผิวซีดขาว ร่างกายอ่อนแอ ดูท่าทีแล้วกะปลกกะเปลี้ย
ทั้งสองคิดว่าคุณชายเหลียงคนนี้คงไม่ได้ตกใจจนวิกลจริตไปแล้วหรอกนะ?สุ่มไปสักคน แล้วบอกว่าเค้าตีตัวเอง
“เป็นไปได้ไง คุณชายเหลียง ไอ้นั่นมากสุดก็คือเข้ามากินข้าว แล้วมันจะกล้าลงไม้ลงมือกับคุณได้อย่างไรกัน!”
“ใช่ คุณชายเหลีง คุณจำคนผิดหรือเปล่า?”
“เข้!” เหลียงเจิ้งชักตาไปที่ทั้งสอง จากนั้นก็กล่าวว่า “กูบอกว่าเป็นมัน แล้วยังโกหกได้อีกหรือไง!จะบอกพวกมึงไว้นะ ต่อให้เป็นเถ้าธุรี กูก็จำได้ว่าเมื่อวานคนที่ตีกูคือใคร”
เมื่อพูดจบ เหลียงเจิ้งได้พูดเสริมอีกประโยคว่า “กองทัพ พูดให้ถูกคือ การ์ดคนนั้นของมันต่อยพวกกู!”
“การ์ด?” ทั้งคู่พูดคำนี้ออกมาพร้อมๆกัน
เหลียงเจิ้งพยักหน้า “ใช่ มันมีการ์ดหนึ่งคน เก่งมาก หมัดล่ะคน หมัดล่ะคน พวกไอ้เสืออานเย่ว์ กลายเป็นให้การ์ดคนนั้นของมันจัดการเสียอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะการ์ดคนนั้นของมัน มันโดนพวกเราตีตายไปนานแล้ว!”
เหลียงเจิ้งพลางพูด พลางดูไปรอบๆ!
เห็นท่าทีของไอ้นั่น น่าจะเป็นคนที่ไม่ได้รับความสำคัญ ถ้าสำคัญ มันก็ไม่มีทางนั่งในมุมแบบนั้น เหลียงเจิ้งยังกล้าเดา ว่าไอ้นั่นอาจจะเข้ามาเพื่อฉวยโอกาส
ในเมื่อมันมาแล้ว แสดงว่าการ์ดของมันต้องอยู่ใกล้ๆแน่นอน เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาจึงได้หันไปหารอบๆ