จอมนักรบทรงเกียรติยศ - ตอนที่ 300
ประโยคเดียว ตะลึงกันทั้งโต๊ะ ทำให้ผู้เฒ่าหลายๆคนต่างหน้าตาอ้ำอึ้งไปตามๆกัน ข้างนอกทุกๆวันไม่รู้มีเจ้าของกิจการที่มีทรัพย์สินกว่าร้อยล้านกี่คนเข้าแถวกันพวกรอทานข้าวกับพวกเขา อาหารหนึ่งมื้อแทบจะเป็นโครงการที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน แต่คนเหล่านั้นแม้แต่จะเจอยังทำไม่ได้ แต่นึกไม่ถึงว่าไอ้นี่คุยโวอย่างไม่ละอายใจ บอกว่าตัวเองไม่อยากรู้อีกด้วย
ผู้เฒ่าที่สวมชุดคอจีนคนนั้นโมโหกับคำพูดของชายคนนี้เข้าให้แล้ว เขาตบโต๊ะเบาๆ แล้วตะคอก “บังอาจ!จะบอกให้นะ ท่านผู้นี้คือผู้บริหารของมือถือหัวยู่ มีสาขาเป็นพันๆสาขาในประเทศ มีทรัพย์สินกว่าหมื่นล้าน ส่วนท่านนี้คือผู้บริหารของบริษัทใบชาหลูซื่อ ใบชาของเขาวางขายทั้งประเทศ!มีทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านเช่นกัน ท่านผู้นี้คือคนใหญ่คนโตอันดับสองของหนานหลิง และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังของหนานหลิง ท่านผู้นี้ เป็นหัวหน้าทีมของทีมบังคับใช้กฎหมายหนานหลิง”
ใช่ คนเหล่านี้เป็นคนใหญ่คนโตของหนานหลิงจริงๆ มีกี่คนที่อยากจะประจบประแจงก็ไม่รู้ แต่ในสายตาของฟางเหยียนไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเขา พวกคุณจะมีชีวิตที่สุขสบายแบบนั้นได้มั้ย?แล้วพวกคุณยังจะกินเหล้าสนทนาที่นี่ได้ และคุยเรื่องการหาเงินได้มั้ย?
ในสายตาของเขาคนเหล่านี้ ก็เป็นแค่คนอ่อนแอที่ต้องการการปกป้องก็เท่านั้น
แล้วเขาจะไปคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นกับคนอ่อนแอ ได้อย่างไรกัน?
ฟางเหยียนไม่พูดอะไร เพียงแต่ดื่มชาลงไปอย่างสบายใจ ผู้เฒ่าเห็นไอ้นี่มันยังจองหองอยู่ จึงได้ตะคอกต่อว่า “แบบนี้ก็ได้เหรอ ฉันอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปี ไม่เคยเห็นวัยรุ่นที่อวดดีอย่างแกมาก่อนเลย”
“ใช่ เด็กนี่ มันไม่เห็นหัวคนอื่นเกินไปแล้วนะ!”
ฟางเหยียนหัวเราะเหอะๆ “พวกคุณได้นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวกับผม ถือว่าเป็นเกียรติของพวกคุณตลอดชีวิตแล้ว!”
นี่เป็นประโยคที่สองที่ฟางเหยียนพูด และยังคงทำให้ทุกคนบนโต๊ะตะลึงเช่นเคย ผู้เฒ่าเหล่านี้ล้วนเห็นอะไรมาเยอะ และเห็นวัยรุ่นที่บ้าคลั่งมาไม่น้อยเช่นกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขา ที่เห็นคนบ้าคลั่งขนาดนั้นเหมือนอย่างวันนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาเริ่มระแวงสงสัยขึ้นมา หรือว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่เก่งกาจจริงๆกันนะ?
ถ้าไม่ใช่ จะพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้อย่างไรกัน!
เดิมทีคนเหล่านี้คิดจะพูดต่อ แต่จู่ๆเสียงบนเวทีดังขึ้น!
“ฮาโหล ฮาโหล!” ถังเสี่ยนจงกำลังถือไมค์ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ด้านล่างซ้ายของเขาเป็นหญิงสาวผมยาวที่สวมกระโปรงสั้นสีขาว กำลังยิ้ม ดูท่าทางแล้วร่าเริงแจ่มใส แว็บเดียวก็ดุออกว่าเธอคือกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่ และเป็นหลานสาวที่ถังเสี่ยนจงรักมากที่สุด ถังยู่
อีกด้านเป็นหญิงสวมกระโปรงแดง รูปร่างสูงยาวเข่าดี ทวารทั้งห้าได้รูป ออร่าเปล่งประกาย นั่นก็คือหลินถงสะใภ้หลานชายของเขา และยังเป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของเขตซีหนาน
มีสาวสวยไม่เป็นรองใครแบบนี้อยู่คู่กาย ตระกูลถังก็ถือว่ามีคนที่มีความสามารถปรากฏออกมาอย่างไม่ขาดสายแล้ว!
ถังเสี่ยนจงถือไมค์แล้วกล่าว “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมฉลองในงานวันเกิดของผม ในช่วงอายุเจ็ดสิบปีนี้ กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ได้ฉลองวันเกิดร่วมกับพวกท่าน”
เสียงปรบมือดังขึ้นด้านล่างเวที ความจริงแล้วคนที่มาร่วมงานวันเกิดของถังเสี่ยนจงได้ล้วนเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งมีหน้ามีตาทั้งนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจอย่างหนึ่ง สำหรับเจ้าของกิจการหน้าใหม่ เมื่อเข้ามา ก็จะได้ทำความรู้จักกับเจ้าของบริษัทใหญ่จำนวนไม่น้อย แบบนี้ก็ง่ายจะสำหรับการร่วมมือกันในอนาคต สำหรับเจ้าของกิจการเก่าแก่ ก็สามารถทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตที่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ได้ สำหรับพวกเขาแล้ว ถือเป็นโอกาสที่ดีมากโอกาสหนึ่ง โดยรวมแล้วงานเลี้ยงขนาดใหญ่แบบนี้ จะทำให้เกิดการร่วมมือกันทางการค้าไม่น้อยเลยทีเดียว
ถังเสี่ยนจงยกมือขึ้นมา แล้วกล่าว “วันนี้ ทุกท่านมาที่บ้านของกระผม ต้องทานให้อิ่ม ดื่มให้พอ คุยกันให้สนุก! ความปรารถนาในวันเกิดของผม ก็คือหวังว่าทุกคนจะพัฒนาหนานหลิงไปด้วยกัน ทำให้หนานหลิงของเราเป็นเจียงตูอันดับสอง อีกข้อคือ หวังว่าทุกคนจะสุขภาพแข็งแรง ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน”
ด้านล่างเวทีเกิดเสียงปรบมือขึ้นอีกครั้ง! พร้อมเพรียงกัน แล้วมีมารยาทมาก
“ยังมีอีกเรื่องครับ วันนี้ผมอย่างขอบคุณคนบางคนเป็นพิเศษ ที่สามารถมาร่วมงานวันเกิดของผมได้” ถังเสี่ยนจงกล่าวถึงคนใหญ่คนโตของหนานหลิงหลายคน คนใหญ่คนโตเหล่านี้ล้วนทำงานในส่วนของภาครัฐ และยังมีผู้บริหารของภาคธุรกิจอีกด้วย
ผู้บริหารที่เขาแนะนำทั้งหมดนั้น ก็คือผู้เฒ่าเหล่านั้นที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับฟางเหยียน พวกเขาแต่ล่ะคนต่างลุกขึ้นทักทาย จากนั้นก็นั่งลงมา เหมือนกับคุ้นเคยกับงานเลี้ยงลักษณะนี้แล้ว
หลังจากที่ได้แนะนำผู้คนที่นั่งโต๊ะเดียวกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะดูวัยรุ่นที่ด้านหน้าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้คนนั้นอีกครั้ง เมื่อกี๊พูดถึงขนาดนั้นแล้ว เด็กนั่นก็ยังคงยังโง่อยู่ และก็ไม่มีทางเข้าใจ! ตอนนี้ถังเสี่ยนจงได้แนะนำแต่ล่ะคนอีกครั้ง ทั้งโต๊ะนอกจากเขา ก็แนะนำไปหมดแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่แอบหนีไปอีก ยังจะนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่สะทกสะท้านอีก
วัยรุ่นยุคนี้ หน้าด้านถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?
ในขณะที่ทุกคนไร้คำพูดอยู่นั้น ถังเสี่ยนจงที่อยู่บนเวทีได้พูดขึ้นอีกครั้ง “ด้านล่าง ผมอยากขอบคุณวัยรุ่นคนเก่งท่านหนึ่งอย่างมาก และอยากแนะนำวัยรุ่นคนเก่งท่านนี้ให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ”
“เรื่องที่สะใภ้ของผมเจ็บไข้ได้ป่วยเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ที่นี่ได้รู้ข่าวนี้มาบ้างแล้ว นี่เป็นโรคที่ยากแก่การรักษา แพทย์แผนปัจจุบันไม่มีทางรักษาได้! ผมได้สอบถามแพทย์ชื่อดังมาจำนวนไม่น้อย ล้วนรักษาโรคที่สะใภ้ผมเป็นไม่ได้ทั้งนั้น แต่เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน ตอนที่สะใภ้ของผมไปที่เมืองจินโจว เป็นช่วงที่โรคกำเริบพอดี ได้เจอเข้ากับเทพหมออัจฉริยะท่านหนึ่งด้วยความบังเอิญ เทพหมอท่านนี้ใช้เวลาเพียงสั้นๆก็รักษาลูกสะใภ้ผมได้แล้ว เรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้างที่เมืองจินโจวแล้ว”
“กระผม ดีใจที่ได้รู้จักกับวัยรุ่นคนเก่งท่านนี้ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก วันนี้ ผมดีใจเป็นอย่างมากที่สามารถเชิญวัยรุ่นคนเก่งท่านนี้มาในงานของผมได้ และผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะแนะนำเขาให้ทุกท่านรู้จัก เขา ก็คือฟางเหยียน เทพหมอฟาง เก่งกาจพอๆกับท่านจู่เห้อแห่งวงการแพทย์แน่นอน!” ถังเสี่ยนจงโฆษณาฟางเหยียนอย่างเอิกเกริก แม้แต่คำว่าเก่งกาจพอๆกับจู่เห้อก็พูดออกมาแล้ว
การเผยแพร่นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว เลยทำให้ฟางเหยียนชะงักไป
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของถังเสี่ยนจง ก็ต่างรอคอยการปรากฏตัวของวัยรุ่นท่านนี้ แต่รออยู่นานก็ยังไม่เห็นใครยืนขึ้น จึงเกิดเสียงวิจารณ์ขึ้น
“เทพหมอ!” บนโลกนี้มีเทพหมอจริงๆด้วยเหรอ? ไม่ใช่เป็นผู้หลอกลวงในยุทธภพหรอกเหรอ?
“ถูก เมื่อก่อนตอนที่โทรทัศน์ ก็เห็นมีคนบอกว่าตัวเองเป็นเทพหมอ แล้วไปหลอกกินหลอกใช้เค้า หลอกอยู่นาน หลอกจนคนของเค้าตายไป ถึงได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมา คนนั้นก็คือคนที่ไม่มีการศึกษา ถึงขั้นไม่เคยอ่านแม้แต่ตำราแพทย์ เพราะฉ้อโกง จึงได้ถูกจับไป!”
“ท่านถังไม่มีทางงมงายขนาดนั้น จะต้องเป็นบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก! จะเก่งเทียบได้กับหมอเทวดาจู่เห้อของประเทศหวาได้หรือไม่นั้น ก็พูดยาก!”